เฉาชิงเหลียนยิ่งดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว สาวใช้รีบประคองนางให้ลุกขึ้น
สาวใช้ประคองเฉาชิงเหลียนขึ้นมา หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นขอร้องว่า “เซี่ยซิ่วไฉ ขอท่านช่วยคุณหนูเราด้วย คนพวกนั้นยังไม่ไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ทันได้พูดอะไร ลู่เจียวในรถม้าก็ชะโงกตัวออกมา “เกิดอะไรขึ้น”
พอเห็นเฉาชิงเหลียนนอกรถม้า
พอลู่เจียวเห็นก็อดนึกขำไม่ได้ คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉานี่เล่นละครอะไรกัน โจรชิงตัวคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา จากนั้นก็ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นมาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม สาวงามตอบแทนด้วยร่างกายงั้นหรือ นี่น่าจะอ่านนิยายมากไปนะ
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็สั่งหร่วนไค “ไป ไปจับตัวพวกโจรนั่นมา ข้าอยากรู้นักว่ากลางวันแสกๆ ผู้ใดกล้ามาฉุดคร่าคนในอำเภอ และยังกับเป็นถึงคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา พวกเขาไม่อยากใช้ชีวิตตนเองแล้วหรือ”
หร่วนไครับคำสั่ง หันหลังออกไปไล่ล่าโจรทันที
แววตาเฉาชิงเหลียนหดเกร็ง นางให้คนไปเฝ้ามองบ้านตระกูลเซี่ย ดูว่ารถม้าตระกูลเซี่ยออกมา ก็รีบมากลับลืมคิดว่าลู่เจียวอาจจะอยู่บนรถม้าด้วย
เฉาชิงเหลียนนิ่งอึ้ง สาวใช้ข้างกายนางก็ไม่รู้ควรทำเช่นไรดี
ลู่เจียวบนรถม้าถามเฉาชิงเหลียนอย่างห่วงใย “คุณหนูเฉาไม่เป็นไรใช่ไหม ไว้หร่วนไคจับโจรพวกนั้นมาได้ คุณหนูเฉาก็ไม่เป็นไรแล้ว ถึงตอนนั้นจับโจรส่งให้นายอำเภอ เชื่อว่านายอำเภอหูต้องทำให้พวกเขารู้ว่าไม่ควรแตะต้องคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา”
วาจาลู่เจียวทำเอาสีหน้าเฉาชิงเหลียนยิ่งย่ำแย่ลง นางเหมือนรู้สึกได้ว่าลู่เหนียงจื่อรู้เรื่องราวปรุโปร่ง และกำลังหัวเราะเยาะนาง
แม้ว่าในใจเฉาชิงเหลียนคาดเดาเช่นนี้ แต่สีหน้ายังคงแสดงความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณลู่เหนียงจื่อที่ยื่นมือช่วยเหลือ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องเกรงใจ”
พอหร่วนไคปรากฏตัว บรรดาโจรที่จะมาจับตัวเฉาชิงเหลียนก็หันหน้าวิ่งหนีหายกันไปหมด
พวกเขารู้ว่าตระกูลเซี่ยมียอดฝีมือร้ายกาจ ก่อนหน้านี้ลงมือทีก็สังหารคนพวกเขาไปสิบกว่าคน
ดังนั้นก่อนหน้านี้คุณหนูเจ็ดกำชับไว้ว่า พอตระกูลเซี่ยขยับ พวกเขาก็ต้องรีบหนี พอหร่วนไคไปถึง คนที่เล่นละครพวกนี้ก็หนีกันไปหมด หนีเร็วยิ่งกว่ากระต่ายตื่นตูมเสียอีก
แต่แม้วิ่งได้เร็ว แต่ก็ยังถูกหร่วนไคจับตัวไว้ได้สองคน
“คุณชาย เหนียงจื่อ จับตัวได้แล้ว”
ลู่เจียวมองไปยังคนชุดดำสองคน สั่งการหร่วนไคว่า “รีบส่งไปที่ว่าการอำเภอ มอบให้นายอำเภอหู บอกนายอำเภอหูว่าเจ้าโจรสองคนนี้กล้าฉุดคร่าคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉากลางวันแสกๆ เหิมเกริมเกินไปแล้ว”
หร่วนไครับคำสั่งลากชายชุดดำสองคนจะไป ลู่เจียวหัวเราะมองไปยังคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา “คุณหนูเจ็ดเห็นไหม โจรถูกจับแล้ว คุณหนูเจ็ดกลับบ้านอย่างวางใจได้แล้ว”
ยามนี้เฉาชิงเหลียนไม่กล่าวอันใดสักคำ นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยขอบตาที่แดงเล็กน้อย
แต่กลับพบว่าบุรุษตรงหน้าไม่ได้ชายตาแลนางแม้แต่น้อย เขากลับหันไปมองลู่เจียวอย่างอ่อนโยน “เอาละ พวกเราไปกันแถอะ”
ด้านหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมีศีรษะน้อยๆ แย่งกันโผล่ออกมาดู
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองเฉาชิงเหลียนนอกรถม้าพร้อมกัน พอเห็นหญิงผู้นี้ พวกเขาก็คิดถึงเสิ่นซิ่วที่หมู่บ้านตระกูลเซี่ยเมื่อก่อน คิดจะเป็นอนุท่านพ่อหรือ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกไม่ดีทันที “ท่านพ่อ นางคงไม่ได้คิดเป็นอนุท่านพ่อกระมัง”
“ท่านพ่อรับปากพวกเราแล้วว่าจะไม่รับอนุนะ”
“ฮึ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี เสแสร้ง”
“ท่านพ่อ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านแม่แสดงละครกับพวกเรา ก็คือคนเลวแต่งเรื่องออกมาให้ตนเองเล่นหลอกคนอื่นๆ ว่าเขาเป็นคนดี จากนั้นก็พูดว่าตอบแทนบุญคุณ ความจริงคิดแต่เรื่องชั่วร้าย นางคงไม่ใช่เช่นนั้นกระมัง”
ละครลู่เจียวเล่าถึงคนชั่วที่แต่งบทละครให้ตนเองแสดง แสดงว่าเป็นคนดีเพื่อหลอกลวงคนดี สุดท้ายไปอยู่ข้างกายคนดี คอยให้ร้ายคนดี
นางทำเช่นนี้ก็เพื่อให้พวกลูกทั้งสี่รู้จักระวังตัว อย่าได้เห็นคนว่าดีก็ถือว่าเป็นคนดี ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าหมอนี่จะจำมาใช้ในสถานการณ์นี้ได้
ลู่เจียวรู้สึกขำมาก
เฉาชิงเหลียนนอกรถม้าราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่ นางเป็นถึงตระกูลเฉาคุณหนูเจ็ด กลับถูกคนลากมาตบหน้ากลางแจ้งเช่นนี้ เฉาชิงเหลียนรู้สึกขายหน้ามา มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นพร้อมกับเค้นน้ำตาหยดลงมา
“เซี่ยซิ่วไฉ ครอบครัวท่านรังแกกันเกินไปหรือไม่”
แม้ยามนี้แล้ว คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉายังไม่ลืมวางท่างดงาม ยามพูดก็ยังวางท่าในตำแหน่งที่ดูดี อยู่ในมุมองศาที่มองแล้วงาม
แต่หากมองให้ละเอียดก็จะรู้สึกจืดชืดน่าเบื่อ กิริยาท่าทางจงใจอย่างเห็นได้ชัด เหมือนการแสดง ไม่ได้เสมือนจริงแม้แต่น้อย
ขณะลู่เจียวกำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มองเฉาชิงเหลียน “คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา วาจาเด็กน้อยอย่าได้ถือสาหาความ คุณหนูเจ็ดเพิ่งถูกคนจะฉุดคร่ามา ยามนี้ไม่กลับไปพักที่จวน ยังมีแก่ใจมาเอาเรื่องกับเด็กอีกหรือ”
เขากล่าวจบก็มองเฉาชิงเหลียนด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
เฉาชิงเหลียนเห็นท่าทางของเขาก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมว่า ผู้ชายคนนี้ไม่หวั่นไหวกับนางแม้แต่น้อย
เฉาชิงเหลียนรู้ว่าวันนี้นางเสียแรงเปล่าแล้ว ได้แต่ก้มหน้าขอบคุณ จากนั้นก็พาคนจากไป
แต่ยามนี้นางไม่คิดว่าตนเองไร้เสน่ห์ต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางคิดว่าที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่หวั่นไหว เป็นเพราะภรรยาตนเองอยู่บนรถม้า
ภรรยาเขาไม่เพียงแต่รู้วิชาแพทย์ ยังรู้จักร่วมมือทำการค้าสร้างสามโรงผลิต และเป็นรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอ
ผู้ชายจะทอดทิ้งหญิงเช่นนี้ได้ลงหรือ
ดังนั้นตอนนี้นางทุ่มเทความสนใจไปที่เซี่ยอวิ๋นจิ่น พบว่าหมากตานี้เดินพลาด เซี่ยอวิ๋นจิ่นมาจากตระกูลยากจน ย่อมให้ความสำคัญกับเงินทองอย่างมาก เขาจะทอดทิ้งภรรยาที่มีผลประโยชน์ต่อเขาไปได้อย่างไร
ตอนนี้ที่นางต้องการทำให้สั่นคลอนก็คือภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น หากกำจัดนางไป นางค่อยมาปลอบใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น ให้เขารู้ว่านอกจากภรรยาเขา นางและพวกนางตระกูลเฉาก็ช่วยเขาให้ก้าวขึ้นไปได้เช่นกัน ตระกูลเฉาไม่ขาดแคลนเงินทอง
เฉาชิงเหลียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็พาสาวใช้รีบจากไป
บนรถม้าตระกูลเซี่ย ลู่เจียวหันหน้าไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้านิ่งเฉย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยื่นมือไปคว้ามือลู่เจียว “เจียวเจียว นี่ไม่ใช่ข้าก่อเรื่องนะ เรื่องมาหาข้าเอง”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูด ต้าเป่าก็พูดก่อน “ท่านพ่อ วันหน้าท่านต้องห่างไกลสตรีไม่ดีผู้นี้หน่อยนะ ดูก็รู้ว่านางเป็นคนไม่ดี”
เอ้อร์เป่าพยักหน้าเต็มแรง “น่าเกลียดอย่างนั้น ยังแล่นมาเสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าท่านพ่อข้า หญิงอัปลักษณ์ เทียบไม่ได้แม้แต่ชายเสื้อท่านแม่ข้า”
ทุกคนในรถม้าหันไปมองเอ้อร์เป่า พากันสงสัยเรื่องหนึ่ง สายตาเอ้อร์เป่ามีปัญหาหรือไม่
แม้ว่าต้าเป่า ซานเป่ากับซื่อเป่าไม่ชอบหญิงผู้นั้น แต่ก็มองออกว่าหญิงผู้นั้นหน้าตาไม่เลว
แต่เอ้อร์เป่าถึงกับบอกว่าน่าเกลียด ดังนั้นเขาสายตาเขามีปัญหาจริงหรือ
ลู่เจียวอดยกมือไปลูบดวงตาเอ้อร์เป่าไม่ได้ ถามว่า “เอ้อร์เป่า ตาเจ้ามองไม่กระจ่างหรือ เช่นว่าเห็นอะไรแล้วเป็นภาพเบลอ”
เอ้อร์เป่าพอได้ฟังก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้ามองกระจ่างดี ทำไมหรือ”
ลู่เจียวหันหน้าไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบๆ สายตาลูกคนนี้น่าจะมีปัญหาจริงๆ