นายผู้เฒ่าตระกูลจางกล่าวถึงตรงนี้ก็โมโหอย่างมาก เงินก็ส่งมอบไม่ได้น้อยลง ก็ไม่เห็นคนเบื้องบนจะออกหน้าช่วยเหลือได้สักเท่าไร แต่ได้ส่งไปแล้วจะมาหยุดตอนนี้ เกรงว่าคงโดนจัดการ ดังนั้นจึงได้แต่กัดฟันส่งมอบต่อไป
พอนายผู้เฒ่าตระกูลจางกล่าวเช่นนี้ พวกตระกูลเหลียง เฉาและวังก็โมโหเดือดดาล “เห็นอยู่ว่าเอาเกลือไปซ่อนไว้ลึกขนาดนั้นแล้ว ยังถูกค้นพบได้ โชคร้ายแท้ แต่จะว่าไปก็ล้วนเป็นเพราะเซี่ยซิ่วไฉคนเดียว”
“เอาละ เอาละ ปล่อยเขาไปก่อน รอไว้วันหน้าค่อยหาอุบายจัดการเขาให้เด็ดขาด ให้เขาชดใช้เรื่องในวันนี้”
ณ บ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่รู้ว่าตระกูลใหญ่ทั้งสี่กำลังหาทางวางอุบายพวกตน พวกเขาทั้งครอบครัวกำลังหารือกัน พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของสำนักศึกษาประจำอำเภอ พวกเขาจะไปเที่ยวสำนักศึกษาประจำอำเภอกัน
ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับปากแล้วว่าจะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเที่ยวสถานศึกษาของเขาสักครั้ง พอดีเป็นวันหยุด จึงคิดพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเที่ยวด้วยกัน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจมาก ให้ลู่เจียวไปกับพวกเขาด้วย เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มองนางอย่างรอคอย
ลู่เจียวมองพวกเขาแล้วก็รับปาก “ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราทั้งครอบครัวก็ไปท่องเที่ยวสำนักศึกษาประจำอำเภอหนึ่งวัน ตอนเที่ยงไปกินปิ้งย่างกันที่พื้นที่ด้านนอกสำนักศึกษา ดีไหม”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นถามว่า “ในสำนักศึกษาพวกเจ้าอนุญาตให้พวกนักเรียนกินอาหารไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ได้ แต่ต้องเก็บกวาดให้สะอาด”
ลู่เจียวยิ้มมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทันที “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปเที่ยวสำนักศึกษาประจำอำเภอกันหนึ่งวัน ตอนเที่ยงก็หาที่รอบๆ ในเขตสำนักศึกษาประจำอำเภอทำปิ้งย่างกัน ดีไหม”
“ดีขอรับ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจอย่างมาก ลู่เจียวนึกได้ว่าพรุ่งนี้ทั้งครอบครัวจะไปเที่ยว พวกลูกทั้งสี่ไม่ต้องเรียน นางจึงบอกให้เฝิงจือไปบอกลู่กุ้ยสักคำ
ให้แจ้งไปยังแต่ละบ้านว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องส่งลูกๆ มาเรียน พวกเขาจะไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวหนึ่งวัน
เพราะพรุ่งนี้จะได้ออกไปเที่ยว ดังนั้นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตื่นเต้นอย่างมาก เอาแต่ตามติดเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
“ท่านพ่อ สำนักศึกษาประจำอำเภอใหญ่ไหม”
“สวยมากใช่หรือไม่”
สำนักศึกษาประจำอำเภอชิงเหอห่างจากตรอกกุ้ยฮวาไม่ไกล ห่างกันแค่ถนนสองเส้น
แต่แม้ว่าใกล้กันขนาดนี้ แต่พวกเขาไม่เคยไป ดังนั้นจึงอยากดูมาก โดยเฉพาะสถานที่ที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเรียนหนังสือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “ไม่นับว่าใหญ่ แต่บรรยากาศไม่เลวอย่างมาก”
สำนักศึกษาอำเภอชิงเหอเป็นสำนักศึกษา การตกแต่งด้านในก็ย่อมไม่เลวอย่างมาก ทั้งสำนักเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเรียนหนังสือ พาพวกลูกทั้งสี่ไปสัมผัสสักหน่อยก็ไม่เลว
“พรุ่งนี้พวกเราก็จะได้เห็นสถานที่ที่ท่านพ่อเรียนหนังสือแล้ว”
“แน่นอน ท่านพ่อข้าเรียนเก่งที่สุด สถานที่เรียนก็ย่อมต้องดีมาก”
“ท่านพ่อ พรุ่งนี้พวกเราเล่นว่าวกันนะ”
“ท่านแม่ พรุ่งนี้ข้าเอาแคนไปด้วย ข้าเรียนเป่ากับท่านอาจารย์ซือเป็นแล้ว พรุ่งนี้จะเป่าให้ท่านแม่ฟังดีไหม”
ลู่เจียวได้ฟังซื่อเป่าก็ พยักหน้า “ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าก็เอาแคนของเจ้าไปด้วย ไปเป่าให้แม่ฟัง”
ซื่อเป่าดีใจอย่างมาก บอกว่าท่านอาจารย์ซือชมเขาว่าเป่าได้ดีที่สุด
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่าพยักหน้าเห็นด้วย
“อาจารย์ชมซื่อเป่าจริงๆ บอกว่าเป่าได้ดีที่สุด”
“ซื่อเป่าเป่าได้ดีที่สุดจริงๆ”
แคนที่เขาเป่าแม้กระท่อนกระแท่น แต่อาจารย์บอกว่าได้เช่นนี้ก็ไม่เลวแล้ว
ซื่อเป่าได้ยินพี่น้องชมเขาก็ยิ่งดีใจ กล่าวกับลู่เจียวอย่างตื่นเต้นว่า “พรุ่งนี้ ข้าไม่เพียงแต่เป่าบทเพลงให้ท่านแม่ฟัง ยังจะร้องเพลงให้ท่านแม่ฟังด้วย”
ซื่อเป่าเสียงดีไม่เลว ร้องเพลงเด็กได้ไพเราะมาก ดังนั้นระยะนี้ลู่เจียวจึงมักสอนพวกลูกๆ ร้องเพลงเด็ก ซื่อเป่าตอนนี้ให้ความสนใจกับการร้องเพลงอย่างมาก
“ตกลง”
ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก่อนจะพยักหน้าอีกครั้ง “เอาละ วันนี้ฟ้ามืดแล้ว พวกเรากลับไปนอนกันก่อน พรุ่งนี้เช้าจะได้ไปเที่ยวสำนักศึกษาประจำอำเภอกัน”
“เช่นนั้นพวกเรารีบไปนอนกันเถอะ”
ซานเป่ากับซื่อเป่าพุ่งเข้าไปดึงมือลู่เจียวจะเดินออกไป ใบหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองลูกพวกนี้ราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน นี่คือภรรยาเขา ทำไมทุกวันต้องมีคนแล่นมาแย่งกับเขาด้วย และเขาจะค้านสักคำยังเอ่ยไม่ได้
ลู่เจียวเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นอัดอั้นตันใจก็รู้สึกขำ แต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปอาบน้ำเข้านอนที่เรือนด้านหลัง ร้องเพลงเด็กให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฟัง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ชอบเพลงเด็กมาก ตอนนี้ทุกวันตกค่ำพวกเขาเข้านอนก็ไม่ได้ให้ลู่เจียวเล่านิทานแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นร้องเพลงเด็กแทน เพราะตอนท่านแม่ร้องเพลงเด็ก สีหน้าเต็มไปด้วยความรักที่มีให้กับพวกเขา ฟังๆ ก็ผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้น ลู่เจียวยังไม่ทันตื่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ตื่นก่อน แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้ความไม่ไปปลุกนาง ลุกขึ้นมาเก็บของ นำว่าวที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ไปด้วย เอาเครื่องดนตรีที่เรียนไปด้วย
คำพูดซื่อเป่าเมื่อคืนวานนี้จุดประกายเด็กๆ ให้พวกเขาคิดจัดการแสดงให้ท่านพ่อกับท่านแม่ได้ชม
เอ้อร์เป่าดีใจที่สุดเพราะที่เขาเรียนมาคือกลอง แม้ว่าท่านอาจารย์ซือว่าเขาตีไม่เป็นจังหวะ แต่แล้วอย่างไรเล่า อย่างไรเขาก็ตีออกมาได้ไม่ใช่หรือ
ตอนลู่เจียวตื่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เก็บของเสร็จแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มาแล้ว
ทั้งครอบครัวกินอาหารเช้าแล้วก็เตรียมออกเดินทางไปเที่ยวสำนักศึกษาประจำอำเภอ
ลู่เจียวให้เฝิงจืออยู่บ้านเตรียมของปิ้งย่าง แล้วพวกนางค่อยนำของที่เตรียมไปสำนักศึกษา ครอบครัวลู่เจียวจะล่วงหน้าไปก่อน
เฝิงจือรับคำสั่ง พาหร่วนจู๋ไปครัวด้านหลังร่วมเตรียมของปิ้งย่างกับพวกฮวาเสิ่น
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นั่งรถม้าโจวเส้ากงขับตรงไปยังสำนักศึกษาประจำอำเภอ
หร่วนไคติดตามอารักขา เขานั่งคู่กับโจวเส้ากง
ส่วนหลี่หนานเทียน ถูกลู่เจียวส่งไปสอบถามหาร้านค้าแล้ว
สำนักศึกษาอำเภอชิงเหออยู่ทางใต้ของเมือง ที่นี่ค่อนข้างห่างไกลเงียบสงบ โดยเฉพาะสำนักศึกษาประจำอำเภอวันนี้หยุด คนโดยรอบก็ยิ่งน้อย
รถม้าตระกูลเซี่ยตรงมาถึงสำนักศึกษาอำเภอชิงเหอ แต่ยังไม่ทันถึงประตูใหญ่ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากอีกมุมถนนหนึ่ง
“ช่วยด้วย”
ตระกูลเซี่ยรถม้าเพิ่งจะเลี้ยวมา ก็มีเงาร่างคนสองร่างวิ่งมาอย่างตกใจแตกตื่น เพราะรถม้าตระกูลเซี่ยขับมาเร็ว ทำเอาคนผู้นั้นตกใจ ถอยกรูดจนหมวกสานผ้าแพรขาวร่วงลงพื้น เผยให้เห็นใบหน้าสตรีงามตะลึงราวจันทรา
คนผู้นี้ถึงกับเป็นคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา…เฉาชิงเหลียน
ยามนี้เฉาชิงเหลียนผมยุ่งไปหมด ใบหน้ายังคงงดงาม ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ตกใจราวกับลูกกวางน้อยถูกไล่ล่าเอาชีวิต ทำให้คนเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกสงสาร คิดปกป้องนาง
ด้านหลังนางมีสาวใช้ตระกูลเฉามองมาทางรถม้าตระกูลเซี่ย ตะโกนเสียงดังขึ้น “ช่วยด้วย มีคนคิดฉุดคร่าคุณหนูเรา”
กล่าวจบก็มองไปรอบทิศ ด้านหลังเหมือนมีเงาร่างดุดันมองมาทางนี้ แต่คนพวกนั้นไม่กล้าก้าวขึ้นหน้ามา และก็ไม่ยอมถอยกลับไป เหมือนคิดรอดูว่าจะมีคนช่วยคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาผู้นี้หรือไม่
บนรถม้าตระกูลเซี่ยโจวเส้ากงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสตรีตรงหน้า ก่อนจะหันหน้าไปถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น “คุณชาย?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกม่านขึ้นมองออกไป ก็เห็นเฉาชิงเหลียนน้ำตานองหน้าน่าสงสารล้มนั่งอยู่บนพื้น
พอเฉาชิงเหลียนเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น แววตาก็ตื่นตระหนกไร้ที่พึ่งขึ้นมาทันที นางเอ่ยขอร้องว่า “เซี่ยซิ่วไฉช่วยข้าด้วย มีโจรคิดจับตัวข้า”
นางกล่าวจบ ก็หันไปมองด้านหลังด้วยท่าทีหวาดกลัว
คนด้านหลังมองมาทางนี้อย่างระแวดระวัง