รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 220 ครั้งนี้มาไม่เสียเปล่า ข้ารู้แล้วว่าจะให้ของขวัญอะไรดี!

บทที่ 220 ครั้งนี้มาไม่เสียเปล่า ข้ารู้แล้วว่าจะให้ของขวัญอะไรดี!

บทที่ 220 ครั้งนี้มาไม่เสียเปล่า ข้ารู้แล้วว่าจะให้ของขวัญอะไรดี!

“อีเอ๋อร์โตขึ้นมาก!”

บรรพจารย์มองไปที่หยวนอีอย่างยินดีและพึงพอใจยิ่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับท่านเซียน หยวนอียังคงสงบสติอารมณ์และวิเคราะห์ทุกอย่างอย่างรอบคอบ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้!

หยวนอีโตขึ้นและเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ!

“ใช่แล้ว อีเอ๋อร์โตขึ้นมาก!”

บิดาของหยวนอีรู้สึกโล่งใจและมีความสุขมากเช่นกัน

การคาดเดาของหยวนอีนั้นสมเหตุสมผลมากและเขาก็เห็นด้วยเช่นกัน ครั้งนี้หยวนอีทำได้ดีมาก!

“ท่านพ่อ บรรพจารย์ พวกเราไปที่โพรงมังกรกันเถอะ!”

หยวนอีกล่าว

แม้นางจะรู้ว่ามีโพรงมังกรอยู่ แต่นางก็ไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอนของโพรงมังกร ดังนั้นแทนที่จะไปที่โพรงมังกรโดยตรง นางจึงกลับมาที่ตระกูลก่อน

เพราะเคยได้ยินบรรพจารย์ของนางกล่าวถึงโพรงมังกร โดยเมื่อครั้งยังเด็ก บรรพจารย์เคยไปสำรวจโพรงมังกร ท่านจึงทราบที่ตั้งของโพรงมังกร

“ตกลง!”

“ไปกันเถอะ!”

บรรพชนกับบิดาของหยวนอีพยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็ออกจากตระกูลหยวน ก่อนจะรีบตรงไปยังโพรงมังกร

พวกเขาไม่ได้พายอดฝีมือคนอื่น ๆ ของตระกูลหยวนไปด้วย เพราะไม่มีความจำเป็น

โพรงมังกรอันตรายเกินไปจึงไม่ควรพาคนจำนวนมากไปด้วย

เหยียนโจว แดนบูรพาทิศ

สำนักไท่หัว

“ไยสหายเต๋าถึงมาที่นี่ได้?”

เวิงอู๋โยวถามเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้ม

เด็กหนุ่มตรงหน้ารูปร่างสูงใหญ่ มีคิ้วกระบี่และดวงตาที่เปล่งประกายดุจดารา ทั่วทั้งร่างเผยรัศมีโดดเด่นเหนือสามัญ หล่อเหลาเจิดจ้าและมีเสน่ห์มาก

ข้าง ๆ เด็กหนุ่มมีสตรีน้อยรูปร่างผอมบางยืนอยู่

ผิวของนางขาวผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะ ดวงหน้างดงามเป็นเอก ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยเสน่ห์ และบุคลิกของนางก็ดีมากเช่นกัน

เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากสือเฟิงและฉินซิน

“ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะต้องการขอคำชี้แนะจากสหายเต๋าเกี่ยวกับบางสิ่ง…” สือเฟิงกล่าว

“ข้าไม่กล้าชี้แนะ หากเจ้ามีคำถามใด เพียงแค่ถามมา ถ้าข้ารู้ ข้าจะตอบอย่างแน่นอน!”

“ขอบคุณท่านแล้ว!”

สือเฟิงขอบคุณเวิงอู๋โยว และกล่าวว่า “สถานการณ์ของข้า ท่านคงชัดเจนอยู่แล้ว ต้องขอบคุณความเมตตาของคุณชาย ข้าไม่เพียงแต่จะแก้ปัญหาทางกายภาพได้ แต่ยังได้รับสมบัติที่ท้าทายสวรรค์มา คุณชายมีพระคุณในการมอบชีวิตใหม่ให้แก่ข้า!”

เขากล่าวต่อไปว่า “ข้าอยากจะไปเยี่ยมคุณชายอีกครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะให้ของขวัญอะไรดี! ข้าคิดได้ว่าคุณชายสนิทกับสหายเต๋ามาก และคุณชายก็ติดต่อกับสหายเต๋ามากกว่าข้า ดังนั้นข้าจึงอยากถามสหายเต๋าว่าควรมอบของขวัญเป็นสิ่งใดดี?”

นี่คือคำถามที่ค้างคาใจเขามานาน!

เขาจะไปเยี่ยมท่านเซียนมือเปล่าได้อย่างไร?

แน่นอนว่าย่อมไม่ได้!

แต่ระดับของท่านเซียนนั้นสูงส่งและทุกสิ่งที่อีกฝ่ายใช้นั้นท้าทายสวรรค์เกินจินตนาการ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเอาของขวัญอะไรไปให้…

หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่นาน เขาก็ยังคิดไม่ออก

ต่อมาเขาจึงนึกถึงเวิงอู๋โยวและเซี่ยเหยียน

ยามนั้นที่อยู่ในพรรคจื่อเสีย เขาได้พูดคุยกับเวิงอู๋โยว

ครั้งนั้นเวิงอู๋โยวได้บอกเขาว่า อีกฝ่ายรู้จักตัวตนของท่านเซียนและได้ติดต่อกับท่านเซียน

นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้จากเวิงอู๋โยวว่าท่านเซียนชอบเซี่ยเหยียน ซึ่งเป็นศิษย์ของสำนักไท่หัว และเซี่ยเหยียนก็มักจะอยู่กับท่านเซียนเสมอ

ดังนั้นเขาจึงมาที่สำนักไท่หัวเพื่อขอคำแนะนำ

“ข้าเข้าใจสหายเต๋าเป็นอย่างดี!”

เวิงอู๋โยวกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจ

เขาเองก็เป็นกังวลมากว่าจะมอบของขวัญอะไรให้กับท่านเซียนดี

ท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นท่านเซียน เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะมอบสิ่งใดให้ได้บ้าง?

สำหรับท่านเซียน มอบสิ่งใดให้ไปล้วนมิควรค่าจะพูดถึง!

“น่าเสียดายที่เซี่ยเหยียนไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้น นางคงสามารถช่วยแนะนำอะไรดี ๆ ให้เจ้าได้!”

เวิงอู๋โยวกล่าว

เซี่ยเหยียนเป็นคนที่ติดต่อกับท่านเซียนมากที่สุด เซี่ยเหยียนอาจพอรู้ว่าให้ของขวัญอะไรท่านเซียนจึงจะชอบใจ

ทว่าตอนนี้เซี่ยเหยียนไม่ได้อยู่ในสำนัก แต่กลับอยู่ข้างกายท่านเซียน

“อ๋า เซี่ยเหยียนไม่อยู่หรือ?”

สือเฟิงพูดขึ้นด้วยความผิดหวัง

เขามาที่สำนักไท่หัวเพื่อขอคำแนะนำจากเซี่ยเหยียนเป็นส่วนใหญ่

เพราะเขารู้ว่าเซี่ยเหยียนมักอยู่กับท่านเซียน!

“อืม”

เวิงอู๋โยวพยักหน้าและพูดว่า “เซี่ยเหยียนไปหาคุณชายแล้ว”

“งั้นหรือ…”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เวิงอู๋โยวพูด สือเฟิงก็คิดว่าเซี่ยเหยียนช่างมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านเซียน มิฉะนั้น เซี่ยเหยียนจะไปอยู่ข้างกายท่านเซียนได้อย่างไร!

เขาอิจฉาจากใจจริง

อนาคตของเซี่ยเหยียนและสำนักไท่หัวนั้นยากเกินหยั่งโดยแท้!

“เดี๋ยวก่อน…ฮ่า ๆ ข้ารู้แล้วว่าสหายเต๋าควรนำของขวัญอะไรไปมอบให้!”

ตอนนี้เอง เวิงอู๋โยวดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างจริงใจ

“สหายเต๋า โปรดบอกข้าด้วย!”

ดวงตาของสือเฟิงสว่างวาบขึ้นทันที

“ข้าได้ยินจากเซี่ยเหยียนว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ท่านเซียนดูเหมือนจะสนใจในการปลูกพืชพรรณมาก ท่านมักจะพูดเกี่ยวกับการปลูกผัก ข้าคิดว่าสหายเต๋าสามารถนำเมล็ดพืชไปให้ได้ ตามที่เซี่ยเหยียนกล่าว คุณชายยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะปลูกสิ่งใด”

เวิงอู๋โยวกล่าว

“คุณชายต้องการปลูกผักหรือ? เข้าใจแล้ว ขอบคุณสหายเต๋า!”

สือเฟิงกล่าวขอบคุณเวิงอู๋โยวอย่างมีความสุข

ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเปล่าแล้ว เขาได้รับข่าวสารและคำแนะนำที่สำคัญมาก!

“สหายเต๋าไม่ต้องเกรงใจไป!”

เวิงอู๋โยวยิ้ม

หลังจากนั้น สือเฟิงก็กล่าวคำอำลากับเวิงอู๋โยว และออกจากสำนักไท่หัวไปพร้อมกับฉินซิน

“เมล็ดพันธุ์ผัก เราควรมอบเมล็ดพันธุ์ผักชนิดใดให้กับคุณชายดี?”

ฉินซินกล่าว

เพราะสือเฟิงเชื่อใจนางและบอกนางทุกอย่าง ทำให้นางรู้ถึงการดำรงอยู่ของท่านเซียนเช่นกัน

“ทุ่มกำลังหาเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีที่สุดกัน!”

ดวงตาของสือเฟิงเปล่งประกายและพูดว่า “ไปกันเถอะ กลับไปที่ภาคกลางและขอให้ท่านเจ้านิกายช่วยพวกเราตรวจสอบ!”

เมล็ดพันธุ์ผักที่จะมอบให้แก่ท่านเซียนย่อมต้องไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ผักธรรมดา

เขาต้องการให้เจ้านิกายช่วยสืบหาดูว่าเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีที่สุดอยู่ที่ไหน

เขาต้องการมอบเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีที่สุดให้กับท่านเซียน!

“ดี!”

ฉินซินพยักหน้าและกลับไปที่ภาคกลางพร้อมกับสือเฟิง

ชิงโจว ณ ทะเลซางไห่

หยวนอี บิดาของนาง และบรรพจารย์ต่างมาถึงทะเลซางไห่ในไม่ช้า

ทะเลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลจนมองไม่เห็นขอบทะเล ทั้ง ๆ พวกเขาต่างอยู่เหนือทะเล!

ในตอนแรกไม่มีอะไรเลย แต่เมื่อพวกเขาเหาะเหินลึกเข้าไป หมอกก็ค่อย ๆ หนาขึ้นจนบดบังการมองเห็นของพวกเขา

“อยู่ที่นี่ ประสาทสัมผัสญาณล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง!”

สีหน้าของบิดาของหยวนอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ประสาทสัมผัสญาณของเขาไม่อาจแผ่ขยายออกไปได้เลย เพราะมันถูกระงับโดยพลังบางอย่าง

“อย่าพูดว่าโพรงมังกรเข้าไปได้ยากเย็นเพียงใด แม้แต่ตัวเกาะมังกรก็หาเจอได้ยากยิ่ง!”

บรรพจารย์กล่าวโดยไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ เมื่อครั้งยังเด็กเขามาที่โพรงมังกรเพื่อสำรวจดู

ในเวลานั้น ไม่รู้ว่าเขาติดอยู่ในหมอกนี้นานแค่ไหน กว่าในที่สุดจะสามารถออกจากหมอกและก้าวเข้าสู่เกาะมังกรได้

“ตามข้ามา!”

เขาพูดกับบิดาของหยวนอีและหยวนอี

ก่อนจะนำหน้าไปตามความทรงจำในอดีต

ที่นี่ไม่สามารถใช้ประสาทสัมผัสญาณได้ และหมอกก็หนามากเช่นกัน มันจึงง่ายที่จะหลงทางที่นี่

โชคดีที่ในเวลานั้นบรรพจารย์ตระกูลหยวนระมัดระวังพอ เขาได้จดบันทึกว่าเขาบินไปไกลแค่ไหนและบินไปในทิศทางใด

สิ่งนี้ช่วยให้ในครั้งนี้พวกเขาไม่ต้องลำบากและเสียเวลาไปมากนัก

หากพวกเขาไม่มีประสบการณ์มาก่อน พวกเขาจะไม่รู้เลยว่าเมื่อใดพวกเขาจึงจะสามารถหาเกาะมังกรเจอ

ภายใต้การนำของบรรพจารย์ ทั้งหมดก็มาถึงเกาะมังกรในเวลาอันสั้น

ทะเลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก แต่เกาะมังกรเองก็ไม่เล็กเช่นกัน มันเป็นเกาะขนาดมโหฬารเกาะหนึ่ง!

เกาะที่ฝังซากมังกรไว้จะมีขนาดเล็กไปได้อย่างไร!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท