รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 222 ขอความช่วยเหลือ ข้าต้องการมอบของขวัญที่ดีที่สุด!

บทที่ 222 ขอความช่วยเหลือ ข้าต้องการมอบของขวัญที่ดีที่สุด!

บทที่ 222 ขอความช่วยเหลือ ข้าต้องการมอบของขวัญที่ดีที่สุด!

กายาที่ทรงพลังที่สุดเป็นอย่างไร?

สือเฟิงให้คำตอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ครั้นกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องได้เปิดออกแล้ว ความสำเร็จจะเฉิดฉายอย่างไร้ที่สิ้นสุด!

ในโลกปัจจุบัน นับเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุขอบเขตพรตเต๋า มียอดฝีมือมากมายที่ติดอยู่ภายใต้ขอบเขตพรตเต๋า และมียอดฝีมือนับไม่ถ้วนที่ตลอดชีวิตไม่เคยได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าเลย!

ทว่าตั้งแต่สือเฟิงเปิดกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่อง เขาก็ได้รับชัยชนะมาตลอดทาง พัฒนาอย่างรวดเร็วเกือบทุกวัน ในเวลาเพียงสองเดือน เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว!

ระหว่างนิกายอวี้ซวีและแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีระยะห่างหลายหมื่นลี้ แต่เขากลับมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแทบจะในทันที

“ข้า สือเฟิงจากนิกายอวี้ซวี  มาเพื่อเยี่ยมเยียนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน”

สือเฟิงมาที่ประตูของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน บอกนามของเขาและขอให้ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนช่วยรายงาน

หลังจากนั้นไม่นาน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็มาที่ประตูภูเขาเพื่อต้อนรับสือเฟิงด้วยตนเอง

ยามนี้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเรียกได้ว่าไร้เทียมทานและแทบไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเขาได้ แต่เขาถึงกับออกมาต้อนรับสือเฟิงด้วยตนเอง เห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับสือเฟิงมากแค่ไหน!

“สหายเต๋า โปรดเข้ามา!”

เขาเชิญสือเฟิงให้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเรียกสือเฟิงว่าเป็นสหายเต๋า ซึ่งทำให้ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตกตะลึง

สหายเต๋าเป็นคำเรียกในหมู่สหาย

สือเฟิงทรงพลังมากใช่หรือไม่?

ท่านประมุขถึงกับเรียกอีกฝ่ายว่าสหายเต๋า!

“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เกรงใจไปแล้ว! ข้าไม่กล้าเรียกท่านว่าสหายเต๋า ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถเรียกข้าว่าเสี่ยวเฟิงได้” สือเฟิงยิ้มอย่างถ่อมตน ก่อนจะเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

หลังจากมาถึงห้องโถง สือเฟิงก็แสดงความขอบคุณต่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนที่ช่วยเหลือนิกายอวี้ซวีไว้

“ไม่นับเป็นอันใดเลย นี่เป็นเพียงความพยายามเล็กน้อย นอกจากนั้น แม้ว่าจะไม่มีความช่วยเหลือจากข้า นิกายอวี้ซวีก็จักไม่เป็นอะไรอยู่ดี”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ด้วยสถานการณ์ในพรรคจื่อเสีย เขาจึงรู้ว่าสือเฟิงเกี่ยวข้องกับท่านเซียน

อีกทั้งอัจฉริยะสะท้านฟ้าแปดคนล้วนมาจากเมืองชิงซาน!

สือเฟิงออกตัวเพื่อเด็กทั้งแปดคน โดยปรากฏตัวอีกครั้งด้วยพรสวรรค์อันน่าทึ่งเฉกเช่นในอดีต และไม่หวาดกลัวแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตัดหัวบุตรแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลิน!

เวิงอู๋โยว  บรรพชนสำนักไท่หัว และโจวตง บรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้า ต่างออกมาปกป้องสือเฟิง ทั้งยังอ้างว่าสือเฟิงเป็นสหายของเขา ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ด้วยเรื่องทั้งหมดนี้ เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร

สือเฟิงย่อมต้องเกี่ยวข้องกับท่านเซียน!

ดังนั้นเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกำลังจะจัดการกับนิกายอวี้ซวี เขาจึงส่งคนไปปราบปรามแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินทันที และประกาศว่านิกายอวี้ซวีเป็นมิตรชั่วนิรันดร์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

ยามนี้หลังจากได้เห็นสือเฟิงแล้ว เขายิ่งแน่ใจว่าสือเฟิงเกี่ยวข้องกับท่านเซียน

หากไม่เกี่ยวข้อง ด้วยอายุที่ยังน้อยเช่นนี้ สือเฟิงจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้อย่างไร?

เขารู้สึกถึงความผันผวนของพลังในขอบเขตพรตเต๋าจากร่างสือเฟิง และรับรู้ว่าสือเฟิงได้เข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว

ด้วยของขวัญจากท่านเซียน ตัวเขาเองก็ทะลวงผ่านอุปสรรคก่อนหน้าและก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋า ซ้ำยังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนมาถึงขั้นที่สามของขอบเขตพรตเต๋า ซึ่งก็คือขั้นก่อกำเนิดเต๋า

“สือเฟิงไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

ในหัวใจของเขาเต็มไปไปด้วยอารมณ์

ขอบเขตของเขาสูงกว่าของสือเฟิงมาก แต่สือเฟิงก็ตามเขาทันอย่างรวดเร็ว พรสวรรค์ของสือเฟิงช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ!

เขาอิจฉายิ่งนัก

เรื่องอย่างการบ่มเพาะนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่พรสวรรค์

พรสวรรค์แข็งแกร่งหรือไม่ นับว่าความแตกต่างนั้นใหญ่หลวงอย่างยิ่ง

“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าวเกินไปแล้ว!”

สือเฟิงขอบคุณประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอีกครั้ง แล้วอธิบายจุดประสงค์ของเขา

เขาต้องการให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนช่วยตรวจสอบว่าที่ใดมีเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีอยู่

เมื่อได้ยินว่านี่คือของขวัญสำหรับท่านเซียน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ตอบตกลงทันที

“ไม่มีปัญหา! ข้าจะทุ่มเทตรวจสอบให้ดีที่สุด!”

“ขอบคุณท่านประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์!”

สือเฟิงอำลาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน แล้วออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ตรงมายังนิกายลับสวรรค์

“กายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องนับว่าน่าอัศจรรย์โดยแท้! เพิ่งผ่านไปไม่นาน เจ้าก็บรรลุความสำเร็จเช่นนี้แล้ว!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีมองไปที่สือเฟิงแล้วทอดถอนหายใจออกมา

เขายังจำได้ว่าเมื่อเขาเห็นสือเฟิงในที่พำนักของท่านเซียน สือเฟิงไม่สามารถแม้แต่จะทะลวงผ่านขอบเขตประสานวิญญาณ แต่ตอนนี้สือเฟิงได้มาถึงขอบเขตพรตเต๋าแล้ว

ไม่เพียงเขาจะทะลวงผ่านอุปสรรคตรงเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้ แต่ยังทะยานขึ้นสู่ขั้นที่เก้าของขอบเขตพรตเต๋า ขั้นเต๋าบรรจบ!

เขาได้รับประโยชน์มหาศาลจากการได้อยู่เคียงข้างท่านเซียนจริง ๆ!

“ผู้อาวุโสกล่าวหนักไปแล้ว!”

สือเฟิงตอบอย่างสุภาพ

เขาสงสัยเล็กน้อยและถามผู้เฒ่าเมิ่งจีว่า “ไยผู้อาวุโสไม่อยู่ข้างกายคุณชาย แต่กลับมาเสียเล่า?”

เมื่อสือเฟิงพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของผู้เฒ่าเมิ่งจีก็แสดงความชื่นชมและซาบซึ้งอย่างไร้ที่สิ้นสุด ก่อนจะพูดว่า “นายท่านช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก ท่านกล่าวว่าข้าห่างบ้านมานาน ควรกลับบ้านไปดูเสียหน่อย ซึ่งข้าเพิ่งมารู้หลังจากที่กลับมาว่า บุตรชายคนเล็กของข้าหลงเข้าไปในสถานที่อันตรายและเกือบตายตกที่นั่น!”

ในยามนั้น เขาไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านเซียนกล่าวนัก

แต่เขารู้ดีว่าสิ่งที่ท่านเซียนกล่าวนั้นมีความหมายลึกซึ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัด หลังจากบอกลาท่านเซียนแล้ว เขาก็กลับมาที่นิกายลับสวรรค์

หลังจากที่กลับมา เขาก็ได้รู้ว่าบุตรชายคนเล็กของเขาออกไปฝึกฝน แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก

เพราะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ฝึกตนจะออกไปฝึก

ทว่าเขาจดจำสิ่งที่ท่านเซียนพูดได้จึงตระหนักว่าเขาอาจคิดผิด ดังนั้นเขาจึงพยากรณ์ที่อยู่ของบุตรชายคนเล็กของเขาด้วยทักษะการพยากรณ์ และรู้ว่าบุตรชายคนเล็กของเขาถูกขังอยู่ในสถานที่อันตราย!

เขาจึงรีบรุดไปทันทีและช่วยบุตรชายคนเล็กของเขาออกจากสถานที่อันตราย

หากช้ากว่านี้ ชีวิตของบุตรชายคนเล็กอาจไม่รอด และอีกฝ่ายคงจะตายตกในสถานที่อันตรายนั้น

ตอนนั้นเขาถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าท่านเซียนหมายถึงอะไร!

ไม่น่าแปลกใจที่ท่านเซียนบอกว่าให้เขากลับบ้านไปดู!

“นายท่านยังบอกให้ข้าออกไปเดินเล่นให้มากขึ้น ข้าจึงตั้งใจว่าจะเดินทางไปตามแคว้นต่าง ๆ…”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าวต่อ

“อย่างไรก็ตามที เจ้ามาหาข้าที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ?”

เขาถามสือเฟิง

“ข้าต้องการให้ผู้อาวุโสช่วยข้าค้นหาว่ามีเมล็ดพันธุ์ผักดี ๆ อยู่ที่ใดบ้าง”

สือเฟิงอธิบายจุดประสงค์ของการเดินทางของเขา

“เข้าใจแล้ว!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีตกลงทันที “พวกเราจะทำการสืบหาอย่างละเอียด!”

นี่คือของขวัญของสือเฟิงที่มีต่อท่านเซียน เขาให้ความสำคัญกับมันมากและถือว่าสิ่งนี้มีความสำคัญสูงสุด!

ณ ชิงโจว ทะเลซางไห่ เกาะมังกร

พวกหยวนอีมุ่งลึกเข้าไป ก่อนจะพบว่าที่นี่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตมากมาย

“เป็นเรื่องปกติ”

บรรพบุรุษกล่าวว่า “แม้ว่าเกาะมังกรจะน่ากลัว แต่ก็ยังมีคนที่ยอมเสี่ยงเพื่อผลประโยชน์ กระทั่งเผ่าพันธุ์โบราณจำนวนมากยังได้หยั่งรากอยู่บนเกาะมังกรนี้!” จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “ตามปกติแล้ว หากไม่ได้เข้าไปในโพรงมังกรก็จะไม่เกิดเรื่องอะไร”

ที่นี่มีซากศพมังกรอยู่ ซ้ำยังมีสมบัติที่เกินหยั่งถึงอยู่มาก สิ่งเหล่านั้นล่อตาล่อใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะมายังเกาะมังกร

ครั้งเมื่อเขายังเด็ก ตัวเขาเองก็ทนต่อสิ่งล่อใจดังกล่าวไม่ไหวและมายังเกาะมังกรนี้

“ข้าละอายนักที่ต้องพูดว่า… ข้าพบเกาะมังกรก็จริง แต่สุดท้ายข้าหวาดกลัวเกินกว่าจะกล้าเหยียบเกาะมังกร ดังนั้นข้าจึงหันหลังกลับไป!” เขากล่าวด้วยความลำบากใจ

หลังจากมาถึงเกาะมังกร เขาก็รู้สึกว่าตนช่างไร้ค่ายิ่งนัก ในเวลานั้น เขาดิ้นรนเป็นเวลานานและในที่สุดก็เลือกที่จะยอมแพ้

“ท่านบรรพจารย์ อย่าได้พูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ที่ท่านไม่เข้าไป…ไม่ได้นับเป็นเรื่องไม่ดี!”

หยวนอีกล่าว

เพราะกระทั่งจักรพรรดิเข้าไปในโพรงมังกรก็ไม่เคยได้กลับออกมา การตัดสินใจของบรรพจารย์ที่ยอมแพ้ในท้ายที่สุดนั้น นับว่าถูกต้องอย่างยิ่งแล้ว

หากบรรพจารย์เข้าไปจริง ๆ บรรพจารย์อาจจะตายตกอยู่ที่นี่…

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท