บทที่ 221 นี่คือโลกโบราณแห่งหนึ่ง บางทีอาจสูงเทียมฟ้าและเจิดจรัสอย่างยิ่ง
เกาะมังกรขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศเก่าแก่ แม้แต่ฝุ่นผงบนพื้นก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา
หยวนอีรู้สึกตัวกระจ้อยร่อยเมื่ออยู่ที่นี่ นางไม่เคยมาสถานที่เช่นนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกราวกับว่านางอยู่ในยุคโบราณ เก่าแก่ราวกับยุคปฐมกาล
“นี่คือพลังของมังกรหรือ!?”
หยวนอีถอนหายใจ
มังกร เป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะจินตนาการได้ มันเป็นสายเลือดที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง โดยธรรมชาติมังกรทุกตัวเกิดมาเพื่อเป็นราชา ยืนอยู่บนยอดเมฆาพลางมองดูสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวล!
ในสมัยโบราณ ดาบมารอมตะได้นำพาจักรพรรดิอสูรโลหิตอัสนีออกเข่นฆ่าไปทั่วสารทิศ และไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ พวกเขากลับไม่กล้าเข้าไปลึกและเลือกที่จะล่าถอย
ในอดีต ภัยพิบัติได้กวาดล้างไปทั่วหล้า เลือดไหลนองไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่สถานที่นี้ยังคงเงียบสงบ และไม่เคยเผชิญกับไฟสงครามใด ๆ กระทั่งภัยพิบัติก็ไม่กล้าส่งผลกระทบต่อสถานที่นี้!
นี่คือพลังของมังกร!
แม้ว่าที่นี่จะไม่มีมังกรจริง ๆ แต่มีเพียงซากมังกรเท่านั้น ทว่ามันก็ยังมีพลังมหาศาลที่ทำให้โลกต้องหวาดกลัว!
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
หยวนอีตกใจอย่างอธิบายไม่ถูก
หลังจากมาถึงที่นี่ นางก็ตระหนักถึงพลังของมังกรลึกซึ้งกว่าเดิม
ซากมังกรมีพลังมหาศาลเพียงนี้ หากมังกรตัวจริงยังไม่ตายและยังมีอยู่ในโลก มันจะทรงพลังเพียงใดกันนะ?
จะสู้ท่านเซียนได้หรือไม่?
เมื่อคิดดี ๆ แล้ว สิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านั้นน่าสะพรึงกลัวกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น แล้วในบรรดาสวรรค์และอาณาจักรมากมาย ขอบเขตของพวกมันจะเป็นระดับต่ำที่สุดไปได้จริงหรือ?
ตระกูลหยวนเป็นตระกูลจักรพรรดิที่มีการสืบสานมาอย่างยาวนาน ซึ่งพวกเขารู้เรื่องสมัยโบราณมากกว่าผู้อื่น
ในสมัยโบราณ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นน่ากลัวชวนหวาดหวั่นเกินไปจริง ๆ ทั้งความแข็งแกร่งของพวกมันก็ท้าทายสวรรค์ยิ่ง หยวนอีรู้สึกว่าขอบเขตของพวกมันจะต้องไม่ต่ำต้อยเช่นนั้น
บางทีก่อนยุคโบราณ ขอบเขตของพวกมันอาจสูงเทียมฟ้าและเจิดจรัสอย่างยิ่ง!
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการหายไปของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวในสมัยโบราณ และสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมของโลก ขอบเขตของพวกมันก็อ่อนด้อยลง แต่ละรุ่นไม่ดีเท่ารุ่นก่อนหน้า และพวกมันก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำสุดในหมื่นอาณาจักรสวรรค์
“เซียน…”
นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจรู้สึกยากจะเข้าใจ
ความน่าสยดสยองชวนหวาดกลัวของสิ่งมีชีวิตโบราณ พลังการต่อสู้ที่เหนือจินตนาการ แต่พวกมันไม่ได้กลายเป็นเซียน ไม่ได้เป็นอมตะ แล้วพวกมันทั้งหมดก็สูญสลายหายไปตามกาลเวลา…
นี่ช่างน่าเสียดายจริง ๆ มันทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง!
อยากเป็นเซียนและคงอยู่ชั่วนิรันดร์… ยากเย็นเกินไปจนผู้คนมองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย!
ใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนที่นางจะเริ่มหัวเราะ แล้วรอยยิ้มกว้างที่มีความสุขก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง
“ไยจึงจะไม่มีความหวัง?”
นางพูดอย่างมั่นใจ “แม้ว่าชีวิตนี้จะเลวร้ายที่สุด แต่ก็ยอดเยี่ยมกว่าที่เคยเป็นเช่นกัน การเป็นเซียน…ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป!”
นางนึกถึงหลี่จิ่วเต้า ท่านเซียนหลี่!
นี่คือเซียนตัวจริง นางมั่นใจอย่างยิ่ง!
ท่านเซียนมาสู่โลกนี้ โลกนี้จึงถูกกำหนดให้แตกต่างจากโลกอื่น!
วันทุกวันนี้ดูน่าอัศจรรย์ และชีวิตก็เต็มไปด้วยความหวัง!
“ไป!”
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว จิตใจเชื่อในพลังของท่านเซียน และในจี้กระบี่หยกว่าจะสามารถปกป้องนางให้ปลอดภัยได้!
…
เหยียนโจว ภาคกลาง
ณ นิกายอวี้ซวี
สือเฟิงและฉินซินได้กลับไปถึงนิกาย
นิกายอวี้ซวีในปัจจุบันไม่ใช่อย่างที่เคยเป็นมา เดิมทีเป็นนิกายระดับสอง แต่ยามนี้กลับเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด!
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสือเฟิง!
สือเฟิงไม่เพียงหวนกลับมาพร้อมกับพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์เช่นในอดีตเท่านั้น แต่ยังเปิดเผยว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ซึ่งสถานะของนิกายอวี้ซวีก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันและแม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกกดข่มไว้!
“ดี ดี!”
ผู้นำของนิกายอวี้ซวีมองไปที่สือเฟิงด้วยใบหน้ามีความสุขอย่างมิอาจควบคุมได้
เขามีความสุขกับสือเฟิง
หกปีแห่งการทนทุกข์ทรมานไม่ได้เปล่าประโยชน์ ในที่สุดสือเฟิงก็พุ่งออกจากวงจรเก่า แล้วลุกขึ้นมาตั้งหลักใหม่สำเร็จ!
“ความกรุณาของท่านอาจารย์ สือเฟิงจะไม่มีวันลืมตลอดไป!”
สือเฟิงคุกเข่าลงบนพื้นอย่างหนักและโค้งคำนับต่อผู้นำของนิกายอวี้ซวี
ในช่วงหกปีที่ผ่านมา หากไม่มีการดูแลจากผู้นำของนิกายอวี้ซวี เขาคงจะมิอาจอดทนไหว ซึ่งในใจของเขา ผู้นำของนิกายอวี้ซวีเป็นเสมือนบิดาผู้ให้กำเนิด!
“ลุกขึ้น ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้!”
เจ้านิกายอวี้ซวีรีบพยุงสือเฟิงลุกขึ้น
เมื่อหกปีที่แล้ว สือเฟิงได้แสดงความสามารถท้าทายสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต่างมาเชิญสือเฟิงให้เข้าร่วม แต่สือเฟิงไม่ได้ออกไปและเลือกที่จะอยู่ในนิกายอวี้ซวี
เขาซาบซึ้งในตัวสือเฟิงเป็นที่สุด
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ปฏิบัติต่อสือเฟิงเหมือนกับลูกชายของเขาเอง แม้ว่าพรสวรรค์ของสือเฟิงจะไม่มีอีกต่อไป เขาก็จะไม่เลิกปฏิบัติต่อสือเฟิงอย่างลูกชาย แต่ใส่ใจสือเฟิงมากกว่าเมื่อก่อน
“ท่านอาจารย์ ข้ากลับมาครั้งนี้เพื่อขอให้ท่านอาจารย์ช่วยตรวจสอบอะไรบางอย่าง…”
สือเฟิงลุกขึ้นและเล่าทุกสิ่งอย่างออกไป
“อะไรนะ! มีเซียนอยู่ในโลกนี้หรือ!”
“นิกายอวี้ซวีของข้ามีรากฐานและภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้จริงหรือ?”
“มิแปลกใจเลยที่เจ้าจะฟื้นคืนอีกครั้ง มิหนำซ้ำ เจ้ายังยอดเยี่ยมและเจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม!”
“ข้าก็ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้อย่างไร ข้าก็ว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีร่างวัชระได้อย่างไร!”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!”
เจ้านิกายอวี้ซวีถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งที่สือเฟิงพูดทำให้เขาตกใจยิ่ง แต่ก็ได้ไขข้อสงสัยมากมายในใจของเขาลง
เซียนปรากฏขึ้นในโลกแล้ว!
นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุด!
ประการที่สอง เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่านิกายอวี้ซวีของเขาจะมีรากฐานและภูมิหลังที่ใหญ่โตเช่นนี้ โดยเกี่ยวข้องกับพระราชวังอวี้ซวีในภพเซียน!
“คิดดูดี ๆ แล้ว มันก็เป็นแบบนี้จริง ๆ!”
เจ้านิกายอวี้ซวีกล่าว “นิกายอวี้ซวีของเราไม่ใช่นิกายดั้งเดิม ผู้ก่อตั้งนิกายอวี้ซวีเพียงได้รับบทเล็ก ๆ บทหนึ่งของ ‘คัมภีร์อวี้ซวี’ มา ผู้ก่อตั้งกล่าวว่าหากเราสามารถได้รับบทที่สมบูรณ์ของ ‘คัมภีร์อวี้ซวี’ มา พวกเราก็จะเหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้!”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย!”
สือเฟิงกล่าวอย่างประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้
“พวกเราค่อยพูดเรื่องนี้กันในภายหลัง ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกเราคือการหาเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีที่สุด!”
เจ้านิกายอวี้ซวีกล่าว
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องนี้!
เขาตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“ขอรับ!”
สือเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะไปเยี่ยมประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับผู้เฒ่าเมิ่งจี”
ยามเขาอยู่ในพรรคจื่อเสีย เขาฆ่าคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินไป ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก
แม้ว่าเวิงอู๋โยวและโจวตงจะพูดในเวลานั้นว่า เขากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นสหายกัน
แต่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก และส่งคนมาจัดการกับนิกายอวี้ซวี
ในเวลานั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้ดำเนินการทันที โดยขับไล่ยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินออกไป และประกาศกร้าวว่านิกายอวี้ซวีคือพันธมิตรของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
พอเขาทราบเรื่อง จึงต้องการขอบคุณประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
นอกจากนี้เขายังต้องการขอให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนช่วยตรวจสอบ เพราะท้ายที่สุดแล้วแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั้นทรงพลังกว่ามาก
สำหรับผู้เฒ่าเมิ่งจี เขาต้องการแสดงความขอบคุณเช่นกัน เพราะผู้เฒ่าเมิ่งจีได้ช่วยเขาไว้มาก
สือเฟิงรู้มาว่าผู้เฒ่าเมิ่งจีกลับมาที่ภาคกลางแล้ว
ขณะอยู่แดนบูรพาทิศ เขายังคงติดต่อกับนิกายอวี้ซวีอยู่เสมอ
เรื่องของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและผู้เฒ่าเมิ่งจีนี้ เขาก็ได้รับแจ้งจากนิกายอวี้ซวีเช่นกัน
ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าเมิ่งจี
ความเมตตาของท่านเซียนที่มีต่อเขานั้นมากมายเกินไป เขาต้องนำเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีที่สุดไปให้ท่านเซียนเพื่อแสดงความซาบซึ้งต่อท่านเซียน