เบื้องหน้า ฮองเฮาไม่กล้าทำอะไรนาง
คนอย่างฮองเฮา เห็นชัดว่าเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ให้ความสำคัญกับยศถาบรรดาศักดิ์และชื่อเสียงมากกว่าสิ่งอื่น
“เจ้า…” ฮองเฮาคิดไม่ถึงว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะใจกล้าเช่นนี้ นางพูดติดขัดชั่วขณะ โมโหจนตัวสั่น ทว่ากลับพูดไม่ออก สิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยต้องการจะสื่อ นางจะไม่เข้าใจได้อย่างไร
“สามหาว!” กงหมัวมัวเห็นฮองเฮาทรงกริ้วไม่น้อย เวลาเดียวกันที่นางเดินไปปลอบฮองเฮานางก็ตะคอกมั่วเชียนเสวี่ย “ทหาร มั่วเชียนเสวี่ยโต้เถียงฮองเฮา ทำความผิดร้ายแรง ลากตัวนางออกไป…รอรับคำสั่ง”
ฮองเฮายังไม่ทันปริปากพูดว่าจะลงโทษอย่างไร นางที่เป็นเพียงนางกำนัลไม่อาจทำเกินหน้าที่ จึงทำได้เพียงบอกให้รอรับคำสั่ง
มั่วเชียนเสวี่ยเยาะเย้ยพวกนางในใจ ทว่ากลับพูดด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน “หม่อมฉันขวัญอ่อนยิ่งนักเพคะ ไม่อาจทนต่อความตกใจได้ หากมีคนข่มขู่หม่อมฉัน หม่อมฉันยืนทรงตัวไม่อยู่ ไม่แน่อาจจะชนกับเสาต้นนั้นก็ได้…อีกทั้งวันนี้หม่อมฉันเพิ่งกลับเข้าเมืองหลวง ถูกฮองเฮาเรียกตัวเข้าวังหลวง…หากถูกกักขังโดยไร้เหตุผล เกรงว่าคนในใต้หล้าจะวิพากษ์วิจารณ์เอาได้ ฝ่าบาทต้องไม่พอพระทัยแน่นอนเพคะ…”
บิดาของนางเคยช่วยฮ่องเต้เอาไว้ ท่านสร้างคุณงามความดี ตำแหน่งของบิดา ฮ่องเต้เป็นผู้แต่งตั้ง วันนี้นางถูกเรียกตัวเข้ามาในวังหลวง ทั้งยังไม่ได้ทำความผิด ไม่ว่าฮ่องเต้จะมีท่าทีเช่นไร จะเห็นความสำคัญของชีวิตนางหรือไม่ แต่ต่อหน้าพสกนิกรไม่มีทางไม่ไยดีความเป็นความตายของนางแน่นอน
มิเช่นนั้น จะเป็นการทำให้ทหารผู้ปกป้องราชวงศ์ผิดหวัง เมื่อถึงเวลาทหารคนใดจะยอมถวายชีพปกป้องราชวงศ์ ฮองเฮาย่อมรู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ นางกัดฟันแน่นแล้วสั่งกงหมัวมัว “ให้นางออกไป”
มั่วเชียนเสวี่ยไม่จำเป็นต้องให้กงหมัวมัวเอ่ยปาก นางโน้มตัวลงทำความเคารพ แล้วพูดขึ้น “ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันขอลา” จากนั้นนางก็เดินออกไปราวกับข้างกายไม่มีผู้ใด
เมื่อออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าตำหนักคุนหนิงไม่มีวันส่งนางออกมา และไม่มีผู้ใดกล้านำทางพานางออกจากวังหลวง
วังหลวงกว้างใหญ่ ทว่าการเดินออกจากวังหลวงไม่ยากเกินความสามารถของมั่วเชียนเสวี่ย นางจำทิศทางได้ดีมาโดยตลอด ขอเพียงเป็นทางที่เคยเดินผ่านรอบหนึ่งนางก็จะจำทางได้อย่างแม่นยำ มั่วเชียนเสวี่ยเดินออกจากตำหนังคุนหนิง หลังจากมองซ้ายขวา นางก็เดินตรงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ที่แห่งนี้ นางไม่อยากอยู่ต่อแม้นาทีเดียว
เดินตามกำแพงวังหลวง แล้วเลี้ยวหนึ่งครั้ง เดินผ่านสะพานเล็ก แล้ว…ก็ออกจากวังหลวงได้แล้ว
ทว่า ตรงทางเลี้ยวมีผอจื่อสองคนเดินออกมาด้วยความร้อนใจ ชนทั้งซ้ายทั้งขวา ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยล้มลงกับพื้น
เมื่อผอจื่อทั้งสองคนเห็นมั่วเชียนเสวี่ยล้มลง ก็รีบเข้ามาช่วยพยุง
แม้ว่ามือของทั้งสองจะพยุงนาง ทว่ากลับลูบจับส่วนอื่นๆ บนเรือนร่างของนางคล้ายตั้งใจและคล้ายไม่ตั้งใจ
ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยล้มลง นางจับเข็มเงินไว้ในมือแล้ว
เส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอของทั้งสองอยู่ตรงหน้า มือของนาง เพียงขยับก็สามารถคร่าชีวิตทั้งสองคนได้ทันที
คิดไตร่ตรอง มั่วเชียนเสวี่ยหยุดการกระทำของตนเอง คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ การกระทำของทั้งสองคนไม่ได้ต้องการเอาชีวิตของนาง แค่อยากจะหาของบางอย่างบนตัวนาง ดูเหมือนว่าผอจื่อทั้งสองไม่ใช่คนของฮองเฮา
ในวังหลวง หากไม่ใช่คนของฮองเฮา ทว่ากล้าค้นตัวนางอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ย่อมเป็นคนของฮ่องเต้แน่นอน
ฮ่องเต้อยากจะหาสิ่งใด หาป้ายไม้ดำนั่นหรือ
น่าเสียดาย เขาไม่มีวันหาเจอ!
ตอนเสวี่ยเอ๋อร์ให้ป้ายไม้ดำกับนาง ได้ถ่ายทอดวิชาซ่อนป้ายไม้ดำให้นางแล้ว ขอเพียงนางไม่ยอมเอาออกมา ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจหาเจอ
มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะเยือกเย็น ใจเย็นลง แล้วเก็บเข็มเงินในมือ
ผอจื่อทั้งสองค้นตัวนางเงียบๆ เป็นจริงตามคาดไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ยิ้มแล้วพยุงตัวมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นมาด้วยความเคารพ หลังจากช่วยนางปัดฝุ่นอย่างดีแล้ว กล่าวขอโทษด้วยความระมัดระวังแล้วค่อยเดินจากไป
……
ณ ตำหนักหยางซิน
ฮ่องเต้ตรวจฎีกาในห้องทรงอักษร หัวหน้าขันทีคนสนิทเดินมารายงาน
ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นอนุญาต หัวหน้าขันทีจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักคุนหนิงให้ฮ่องเต้ฟังอย่างละเอียด
ฮ่องเต้ถือฏีกาไว้ในมือ ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วตรัส “หมายความว่า ฮองเฮาถูกมั่วเชียนเสวี่ยเล่นลูกไม้เช่นนั้นหรือ” ไม่เห็นแก่หน้าภิกษุสงฆ์ก็ควรเห็นแก่หน้าพระพุทธรูป ฮองเฮาจะเป็นหรือจะตาย เขาล้วนไม่สนใจ แต่ว่าฮองเฮาถือเป็นเกียรติของเขา มีคนไม่ให้เกียรติฮองเฮา เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติเขา
หัวหน้าขันทีพูดด้วยความระมัดระวัง “ดูจากสถานการณ์แล้ว…ฮองเฮาแค่เพียงไม่ได้ผลประโยชน์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาถูกหลอก ถ้อยคำนี้สามารถพูดได้เรื่อยเปื่อยเช่นนั้นหรือ สามารถชมละครได้ตามใจต้องการเช่นนั้นหรือ ไม่แน่ว่าแม้แต่เขาเองก็เดือดร้อนไปด้วย
ฮ่องเต้คลายคิ้วกะทันหัน แล้วหัวเราะ “ฮองเฮาต้องการชีวิตของมั่วเชียนเสวี่ย ทว่าคิดไม่ถึงกลับบีบให้มั่วเชียนเสวี่ยเผยกรงเล็บของนางออกมา”
เสียงหัวเราะยังไม่หยุดลง ทว่าพระพักตร์ของฮ่องเต้กลับนิ่งงัน “สตรีตระกูลเซี่ยยิ่งอยู่ยิ่งโง่เขลา! หากทำลายงานใหญ่ของข้า ข้าไม่รังเกียจที่จะเปลี่ยนฮองเฮา ถึงอย่างไรตระกูลเซี่ยก็มีสตรีมากมาย”
หัวหน้าขันทีที่ยืนอยู่ด้านล่างสั่นเทาไปทั้งตัว ติดอยู่ตรงกลางระหว่างฮ่องเต้และตระกูลเซี่ย บทสนทนาเกี่ยวกับการแต่งตั้งฮองเฮาเช่นนี้ เขาจะกล้าพูดต่อได้อย่างไร แค่ฟังยังไม่กล้าฟัง ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนบทสนทนา พูดขึ้น “กราบทูลฝ่าบาท เมื่อครู่กระหม่อมคอยแอบดูในที่ลับอยู่ตลอดเวลา หากคุณหนูมั่วทำสิ่งใดผิด กระหม่อมจะออกหน้าปรามอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้าโดยไม่แสดงท่าทีของตน หากมั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งกลับเข้าเมืองหลวง ก่อนที่เขาจะได้ครอบครองป้ายไม้ดำ นางตายด้วยน้ำมือของฮองเฮาในวังหลวง ตำแหน่งหัวหน้าขันทีก็ถือว่าจบลงแล้ว
ด้านนอกมีขันทีน้อยเดินเข้ามารายงาน หัวหน้าขันทีพูดขึ้น “ให้พวกนางสองคนเข้ามา”
ผอจื่อสองคนเดินก้มหน้าเข้ามา เดินมาด้านหน้าสองสามก้าวจากนั้นพวกนางก็คุกเข่าแล้วถวายความเคารพฮ่องเต้
ฮ่องเต้ไม่ได้สนใจ หัวหน้าขันทีพูดขึ้น “งานที่มอบหมายให้พวกเจ้า ทำสำเร็จหรือไม่”
หนึ่งในผอจื่อพูดขึ้น “เมื่อครู่พวกหม่อมฉันค้นตัวคุณหนูมั่วอย่างละเอียดแล้วเพคะ บนตัวของนางไม่มีเครื่องประดับที่เป็นไม้”
หลังจากผอจื่อทั้งสองเดินเข้ามาฮ่องเต้ก็แสร้งทำเป็นอ่านฎีกา เมื่อพวกนางพูดจบ แน่นอนว่าหัวหน้าขันทีคนสนิทของฮ่องเต้เป็นคนผายมือบอกให้พวกนางออกไป
“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” ผอจื่อทั้งสองลุกขึ้นพวกนางเดินถอยหลังหลายก้าวกว่าจะหมุนตัวหันหลังเดินออกจากประตู
ไม่พบของที่รับสั่งให้หา ระหว่างทางมาเข้าเฝ้าผอจื่อทั้งสองไม่สบายใจตลอดทาง คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะไม่ลงโทษพวกนาง แน่นอนว่าย่อมกล่าวขอบคุณ
แค่ว่า หลังจากพวกนางก้าวออกจากประตูไปเพียงไม่กี่นาที มีคนปรากฏตัวออกมาจากที่ลับ ลากพวกนางเข้าไปในห้องลับ รัดคอจนตาย จากนั้นทิ้งร่างของพวกนางลงไปในบ่อบาดาลร้าง
ทว่า นี่เป็นเรื่องในตอนหลัง
รอให้ผอจื่อทั้งสองเดินออกจากห้องทรงอักษร ฮ่องเต้จึงค่อยเงยพระพักตร์ขึ้น “จัดการสองคนนี้แล้วหรือยัง”
ป้ายไม้ดำคือความลับในความลับ ย่อมไม่อาจปล่อยให้แพร่งพรายออกไปได้
แน่นอน หัวหน้าขันทีรู้ดีว่าฮ่องเต้ตรัสถามถึงเรื่องใด “กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมจัดเตรียมทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกนางหายสาบสูญตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ความเป็นความตายของผอจื่อสองคนจะอยู่ในสายพระเนตรของเขาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองก็คิดว่ามีเพียงคนตายเท่านั้นที่เก็บความลับได้ดีที่สุด
พยักหน้ากล่าวชื่นชมคนสนิท แล้วตรัสขึ้น “ตราบใดที่ยังไม่ได้ป้ายไม้ดำมาครอบครอง มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่อาจตายได้ เจ้าไปเตือนฮองเฮา อย่าให้นางทำอะไรบุ่มบ่ามอีก อีกเรื่องหนึ่ง เพิ่มกำลังคนให้มากขึ้น ไป ‘ดูแล’ จวนกั๋วกง ต้องรีบเอาป้ายไม้ดำมาให้ข้าโดยเร็วที่สุด”