หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 822 ต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณอมตะ!

บทที่ 822 ต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณอมตะ!

ความตื่นกลัวถึงขีดสุดเข้าครอบงำดวงตาของผู้อาวุโส ขณะดอกไม้สีเลือดประทับตราลงบนใบหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวและความเจ็บปวด หมอกสีแดงเริ่มลอยล่องออกจากรอยประทับบนใบหน้า ตามมาด้วยหมอกเลือดจำนวนมากที่หลั่งไหลออกจากมือขวา

ภาพนั้นช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน สายหมอกสีแดงไหลมารวมกัน และก่อร่างเป็นมังกรสีแดงหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว มังกรตัวนั้นไม่ได้ใหญ่มาก มันมีสามขากับหนึ่งเขา เค้าร่างและเกล็ดบนกายปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน มังกรสีแดงอ้าปาก เปลี่ยนร่างเป็นกระบี่สีแดงที่ตวัดวาดเข้าใส่หน้าผากของผู้อาวุโสแห่งตระกูลไม่รู้สิ้น

ไม่ว่าชายชราจะมีเกราะป้องกันอันใด กระบี่สีแดงก็ทำลายได้หมดสิ้น คำสาปนี้ทำให้พลังปราณของเขาอ่อนแอลง ความสามารถในการป้องกันตนเองจึงถดถอยลงด้วย!

ขณะที่กระบี่สีแดงกำลังฟาดฟันผู้อาวุโส แขนขวาของเขาที่ถูกหวังเป่าเล่อทำร้ายไปก่อนหน้านี้ก็เริ่มเน่า ความเจ็บปวดทำให้ผู้อาวุโสกรีดร้องเสียงดังโหยหวน พลังปราณค่อยๆ ถดถอยลดความเสถียร กระบี่สีแดงตัดผ่านกายของเขาไป ส่งให้พลังปราณ…ลดลงจากขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายเป็นชั้นกลาง!

ราวกับพลังปราณของเขาถูกกระชากปล้นชิงออกจากร่างอย่างไรอย่างนั้น ท้องฟ้าและพื้นดินเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่หากมองดูให้ชัดแล้วละก็ จะเห็นว่าคำสาปนั้นไม่ได้ทรงพลังอย่างที่คิด

แม้คำสาปจะดูมีฤทธิ์มาก แต่เหตุผลที่มันดูทรงอำนาจเป็นเพราะมือขวาที่อ่อนแอลงของผู้อาวุโส แขนขวาเคยถูกทำลายมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะงอกกลับมาใหม่อีกครั้ง แต่ชายชราก็ไม่มีเวลาพอที่จะเยียวยามันให้หายขาด ถึงมันจะดูเหมือนหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้อยู่พอสมควร

อาการบาดเจ็บนี้อาจดูไม่สำคัญเท่าใดนัก แต่คำสาปที่ฝังลึกอยู่ภายในกัดกินทำลายแขนของชายชราเพื่อให้มันมีชีวิตรอดอยู่ในกายคนผู้นี้ต่อไป ผลคือพลังคำสาปที่ระเบิดออกมาจากแขนขวา ทำให้พลังปราณของผู้อาวุโสอ่อนแอลงจากขั้นปราณเดิม!

แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ บุปผาโลหิตบนใบหน้าของผู้อาวุโสระเบิดออกมาอีกครั้งท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส หมอกสีเลือดหนาแน่นไหลบ่าออกมาตามแรงระเบิด และเริ่มไหลออกจากส่วนอื่นๆ ของร่างกายผู้อาวุโสด้วยเช่นกัน พวกมันเข้ารวมร่างกันกับหมอกที่หน้ากากปล่อยออกมา ก่อตัวขึ้นเป็นมังกรสีเลือดตัวที่สอง!

มังกรตัวที่สองหน้าตาสยดสยองกว่าตัวแรกเสียอีก มันกลายร่างเป็นกระบี่อีกเล่มพร้อมด้วยเสียงคำรามก้อง ก่อนตวัดผ่านศีรษะของชายชราอีกครั้ง!

ผู้อาวุโสตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่สามารถหนีหรือปัดป้องการโจมตีใดๆ ได้ทั้งสิ้น ทำได้เพียงมองดูกระบี่ฟาดร่างของตนเองไปอย่างไร้ทางสู้ อวัยวะภายในของผู้อาวุโสเริ่มเน่าไปพร้อมผิวหนังทั่วร่าง ร่างกายค่อยๆ เหี่ยวย่นลงไปกับตา เนื้อเน่าๆ หลุดร่วงออกจากกาย และระเบิดกลายเป็นหมอกสีดำ!

หมอกสีดำคือพิษร้ายที่อยู่ในกริชสีดำของหวังเป่าเล่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ชายหนุ่มใช้โจมตีผู้อาวุโสอย่างไม่ยั้งมือ ผู้อาวุโสกดพิษไว้เพื่อหยุดยั้งไม่ให้มันลามไปทั่วร่างกาย แต่ก็ยังไม่มีเวลาพอที่จะรีดพิษออก คำสาปเข้าเสริมพิษที่อยู่ในกาย ก่อนระเบิดอีกครั้ง และออกฤทธิ์กดพลังปราณของเขา…ให้ตกลงอีกครา!

พลังปราณของเขาบัดนี้อยู่ที่ขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นเรียบร้อยแล้ว กระแสความอ่อนแอไหลเข้าท่วมร่างอย่างไม่อาจควบคุมได้ ความรู้สึกที่ตนเองถูกช่วงชิงพลังกายและพลังชีวิตไปทำให้ผู้อาวุโสตัวสั่นสะท้าน ความกลัวและความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมดวงตา

ความตายที่ยากจะหลีกหนีทาบเงาทะมึนลงบนตัวชายชรา ร่างกายที่สั่นสะท้านล่าถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เขาไม่สนใจสิ่งอื่นอีกแล้ว รู้เพียงว่าต้องหนีออกจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด หมดสิ้นซึ่งพลังจะต่อกรกับศัตรู

แต่นี่คือสนามรบที่หวังเป่าเล่อทุ่มเทพลังกายสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาอุตส่าห์ปลดปล่อยคำสาปของหน้ากากให้ออกฤทธิ์ คำสาปซึ่งใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดภารกิจ ชายหนุ่มใช้ไพ่ตายเดียวที่ตนเองมีไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะยอมปล่อยให้ศัตรูตัวร้ายหนีไปได้อย่างไรกัน หากคู่ต่อสู้ยังมีปราณอยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย เขาอาจปล่อยอีกฝ่ายให้หนีไปโดยง่าย แต่ในเมื่อตอนนี้พลังปราณของผู้อาวุโสตกลงมาอยู่ที่ชั้นต้น… ชายหนุ่มก็รู้ว่าตนเองมีโอกาสชนะ!

เขาต้องสู้ และเขาจะต้องชนะการต่อสู้นี้ให้จงได้ หวังเป่าเล่อยอมใช้ทุกอย่างที่ตนเองมีเพื่อสังหารศัตรูคนนี้ให้สิ้นซาก นี่คือโอกาสเดียวที่มี ชายหนุ่มรู้ดีว่าแม้คำสาปจะถอนคืนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผลการต่อสู้นี้จะแน่นอนตายตัวแล้ว เนื่องจากฤทธิ์ของคำสาปอยู่ได้เพียงสิบห้านาทีเท่านั้น

หวังเป่าเล่อไม่มั่นใจว่าคำสาปจะกดพลังปราณที่แข็งแกร่งมากของผู้อาวุโสไว้ได้ถึงสิบห้านาทีหรือไม่ แต่สิ่งที่เขามั่นใจก็คือ… ทันทีที่คู่ต่อสู้หลุดออกจากอำนาจของคำสาปนี้แล้ว เขาจะต้องเผชิญศึกหนักกว่าเดิมแน่นอน หวังเป่าเล่อไม่ยอมตกเป็นรองโดยเด็ดขาด เขารู้ดีว่าตนเองไม่มีทางหนีศัตรูผู้นี้ได้ และไม่มีทางเลยที่จะเอาชีวิตรอดไปได้ก่อนที่การเคลื่อนย้ายจะเกิดขึ้น

ก็เพราะเช่นนี้อย่างไรเล่า… ข้าถึงต้องฆ่าไอ้แก่นี่ให้ได้! ดวงตาของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงก่ำ ความบ้าคลั่งและความต้องการสังหารระเบิดออกจากกาย พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน เขาปล่อยพลังปราณของตนออกมาเต็มพิกัด ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าจะใช้พลังหมดไปในเวลาอันสั้น พลังเต็มขั้นของหวังเป่าเล่อทำให้ลมพัดกรรโชกในอากาศ ชายหนุ่มกระโจนออกจากพื้นดิน พุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด

หวังเป่าเล่อเคลื่อนที่เร็วมากจนทำให้เกิดเสียงระเบิดจากความไวเหนือแสง ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาให้คู่ต่อสู้ได้เห็น ร่างอวตารมากมายของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นก็หลอมรวมเข้าเป็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่มายืนอยู่เบื้องหน้าผู้อาวุโสแห่งตระกูลไม่รู้สิ้น ก่อนส่งหมัดลุ่นๆ ใส่คู่ต่อสู้

ชายหนุ่มใส่พลังปราณทั้งหมดที่ตนเองมีไว้ในหมัดนั้น ซึ่งถือเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีแล้ว พลังนั้นรุนแรงพอที่จะทำให้ทั้งสวรรค์และพื้นดินสั่นสะเทือน ลมกรีดร้องเกรี้ยวกราด เมฆหมุนย้อนกลับ ทว่า…คู่ต่อสู้ของเขาก็หาใช่ผู้ฝึกตนธรรมดาดาษดื่นไม่ แม้พลังปราณของผู้อาวุโสจะถูกกดให้ต่ำลงจนกลายเป็นขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น แต่พลังปราณที่แท้จริงของเขาก็ยังคงเป็นชั้นปลายอยู่วันยังค่ำ ด้วยเหตุนี้ชายชราจึงมีพลังมากมายสะสมไว้ให้ได้ใช้สอย

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะที่มากด้วยประสบการณ์ หลังจากที่ตกใจกับการโจมตีโดยฉับพลันของหวังเป่าเล่อเพียงเสี้ยววินาที ชายชราก็วาดมือซ้ายขึ้นไปในอากาศ เขามองจ้องหวังเป่าเล่อด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงก่ำ เปลี่ยนฝ่ามือซ้ายให้หันเข้าหาตนเอง และกระแทกลงบนหน้าผากเข้าอย่างจัง

แสงสว่างสีเขียวระเบิดออกมาจากหน้าผากของผู้อาวุโส หลังไหลเข้าท่วมร่างกายของเขา และแปรเปลี่ยนเป็น…ต้นไม้ยักษ์!

ลำต้นของต้นไม้ยักษ์หนาใหญ่ กิ่งก้านใบดกเขียว หน้าตาคล้ายต้นไทรญี่ปุ่น ต้นไม้ยักษ์อัดแน่นด้วยกลิ่นอายแห่งความเก่าแก่ สัมผัสของหวังเป่าเล่อบอกเขาว่า ต้นไม้ยักษ์นี้คือเรือบินรบเวทที่ผู้อาวุโสซุกซ่อนเอาไว้ในกายตลอดเวลา

ทันทีที่เรือบินรบเวทของผู้อาวุโสปรากฏขึ้น เกราะป้องกันแข็งแกร่งที่แม้แต่คำสาปก็แทรกซึมเข้าไปไม่ได้ก็พลันเข้าครอบกายของชายชราในทันที หมัดของชายหนุ่มกระแทกเข้ากับอากาศ ตามมาด้วยเสียงดังลั่นจากแรงปะทะ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดขยับเขยื้อน

“ไอ้โง่ชั่วช้า การที่เจ้าอัดพลังทั้งหมดใส่ข้า ทำให้ข้าจำได้ว่าคำสาปที่พวกจุติอย่างเจ้าครอบครองนั้นมีเวลาจำกัด!”

“อีกไม่นานพลังของคำสาปก็จะสลายหายไปแล้ว พอถึงตอนนั้นเจ้าก็จะต้องมากราบกรานขอให้ข้าสังหารเจ้าเสีย ข้าจะถลกหนังเจ้า แล่เนื้อออกจากกระดูก เผาวิญญาณของเจ้าให้กลายเป็นจุณ ทำให้ชะตากรรมของเจ้าต้องพบกับความทรมานไม่มีที่สิ้นสุด ข้าจะทำลายบ้านเกิดของเจ้า ทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของการสูญเสียต้นกำเนิดของตนเองไป!” ดวงตาของผู้อาวุโสวาวโรจน์ด้วยความแค้นเคืองเข้ากระดูกดำ ร่างของเขาซ่อนอยู่เบื้องหลังพลังการปกป้องของต้นไม้ยักษ์ เขาไม่เคยประสบกับความพ่ายแพ้อันน่าอับอายเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่ก้าวขึ้นมามีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะ

หวังเป่าเล่อตอนเขาให้จนมุม จนต้องนำเรือบินรบเวทที่พยายามหลอมมานาน 30 ปีที่อยํในร่างกายออกมาใช้ กระบวนเวทที่เขาใช้ในการหลอมเรือบินรบเวทนี้ ทำให้เหลือเวลาอีกเพียง 30 ปีเท่านั้นเขาก็จะพัฒนามันให้ก้าวขึ้นสู่ระดับต่อไปได้ เรือบินรบเวทในระดับต่อจากนี้จะช่วยให้เขาบรรลุสู่ขั้นดาวพระเคราะห์ได้โดยง่าย แต่ในเมื่อตอนนี้ชายชราได้นำเรือบินรบเวทออกมาใช้เป็นที่เรียบร้อย ก็แปลว่าความพยายามตลอด 30 ปีที่ผ่านมานั้นสูญเปล่า แล้วจะให้เขาใจเย็นอยู่ได้อย่างไร

แต่การตัดสินใจเอาเรือบินรบเวทออกมาใช้ก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง ตัวเขาเองมีสมบัติเวทอยู่มากมายให้เลือกใช้ แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดทรงพลังเท่าเรือบินรบเวทอีกแล้ว เขาอยากมั่นใจว่าตนเองจะชนะในศึกนี้!

“ไอ้โง่ชั่วช้า ทีนี้ลองมาทำลายข้าดูสิ!” ผู้อาวุโสมองดูการโจมตีของหวังเป่าเล่อถูกสะท้อนกลับไปด้านหลัง ในขณะที่ลำต้นของต้นไม้ที่ปกป้องร่างกายของเขาอยู่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เขาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความโกรธเกลียดในดวงตาหยั่งรากลึกยิ่งขึ้น ชายชราเริ่มปลุกพลังปราณในกายของตนให้เดินหน้าเต็มที่ หมายใช้การโจมตีทำลายคำสาปให้หมดฤทธิ์เร็วกว่าปกติ

แต่เขาก็ประเมินความมุ่งมั่นของหวังเป่าเล่อต่ำไป ดวงตาของชายหนุ่มวาววับด้วยความโหดเหี้ยมรุนแรงทันทีที่ได้ยินคำเย้ยหยันจากปากของคู่ต่อสู้ตรงหน้า

“เจ้าอยากรู้ว่าข้าจะทำลายไอ้สิ่งนี้ได้อย่างไรหรือ เช่นนั้นมาดูกันดีกว่าว่าบิดาเจ้าคนนี้จะทำอย่างไร!” หวังเป่าเล่อคำรามก้อง ร่างกายเซถลาไปด้านหลังจะแรงสะท้อนของการโจมตี ชายหนุ่มกดเท้าลงบนพื้นให้มั่นคง ยกมือขวาขึ้นชี้ไปบนท้องฟ้า ก่อนตะโกนก้องอีกครั้ง

“เรือบินรบเวท!”

ความตกใจวาบเข้ามาบนใบหน้าของผู้อาวุโสทันทีที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เรือบินรบเวทแมลงปอสีเลือดของหวังเป่าเล่อ ลดระดับลงมาจากท้องฟ้ามาปรากฏอยู่เหนือต้นไม้ยักษ์ เสียงของชายหนุ่มที่เจือด้วยความบ้าคลั่งดังอีกครั้งเพื่อออกคำสั่ง

“จงระเบิดให้สิ้นซาก!”

ท้องฟ้าสั่นสะเทือนอีกครั้ง พื้นดินเคลื่อนตัวดังลั่นไปทั่วบริเวณ เรือบินรบเวทของหวังเป่าเล่อระเบิดเป็นไฟบรรลัยกัลป์ ส่งกระแสปราณให้พวยพุ่งออกสู่บรรยากาศโดยรอบ ราวกับเป็นดาวหางที่พุ่งตัดอวกาศเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ และกำลังจะตกใส่ต้นไม้ยักษ์พอดิบพอดี!

พลังการโจมตีนี้ทำให้ทุกอย่างรอบตัวสั่นสะท้าน หมู่เมฆเดือดพล่านดาวเคราะห์สั่นไหว ผู้ฝึกตนจากทุกซอกทุกมุมของดาวพากันตกใจ ขณะหันหน้าไปมองบริเวณที่หวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสกำลังต่อสู้กันเป็นตาเดียว!

……………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท