ลู่เจียวมองเสิ่นซิ่วอย่างไร้วาจาจะกล่าว “สมองของเจ้าป่วยหรือ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้คิดแต่งกับเจ้าแม้แต่น้อย และไม่เคยให้คำสัญญาใดกับเจ้า แม้แต่ปฏิสัมพันธ์กับเจ้าก็ไม่มี ทำไมเจ้าคิดว่าเขาจะแต่งกับเจ้ากัน”
ลู่เจียวไม่เข้าใจสมองเสิ่นซิ่วจริงๆ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เคยแสดงท่าทีอันใดต่อนาง แต่นางก็ปักใจว่าหากไม่ใช่เพราะนางแต่งกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็ย่อมเป็นนางได้แต่ง
ผู้ใดมอบความมั่นใจนี้ให้แก่นางกัน
ลู่เจียวไม่เข้าใจ แต่เสิ่นซิ่วกลับเอ่ยว่า “เจ้าวางยาเขาได้ ทำไมข้าจะทำไม่ได้ หากไม่ใช่เจ้าแทรกเข้ามา ข้าก็ทำสำเร็จไปแล้ว ในเมื่อเขารับผิดชอบแต่งกับเจ้าได้ ทำไมจะรับผิดชอบแต่งกับข้าไม่ได้”
เสิ่นซิ่วกล่าวจบ ลู่เจียวก็เข้าใจในบัดดลว่าทำไมหญิงผู้นี้ยืนยันว่าเจ้าของร่างเดิมแย่งผู้ชายของนางไป
ที่แท้เสิ่นซิ่วก็ตัดสินใจจะวางยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะถูกเจ้าของร่างเดิมแย่งลงมือไปก่อน แต่ในความเป็นจริงเจ้าของร่างเดิมไม่ได้วางยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น เป็นผู้อื่นวางต่างหาก
แต่เสิ่นซิ่วปักใจว่าเจ้าของร่างเดิมแย่งนางไป กอปรกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นรับผิดชอบแต่งกับเจ้าของร่างเดิม ก็ยิ่งทำให้นางปักใจว่า หากไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมวางยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางก็จะแต่งเข้าตระกูลเซี่ยได้สำเร็จไปแล้ว
ลู่เจียวอดสบถใส่นางไม่ได้ “ข้าว่าสมองเจ้ามีปัญหาจริงๆ และยังสาหัสไม่น้อยด้วย”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่คิดเสวนากับเสิ่นซิ่วอีก
นางหันไปมองหร่วนจู๋ สั่งการว่า “จับตัวนางส่งไปที่ว่าการอำเภอ หญิงผู้นี้คือมือสังหารฆ่าจางเสี่ยวเหนียงจื่อในครอบครัวสวี่เซี่ยนเว่ย”
เสิ่นซิ่วคิดไม่ถึงว่าลู่เจียวพูดสู้นางไม่ได้ก็คิดให้คนจับนาง สีหน้านางแปรเปลี่ยนทันที จากนั้นก็ร่ำไห้ ไปแสดงท่าทีปวดใจไป “ลู่เจียว เจ้ารู้ไหมว่าข้าเกลียดอะไรเจ้าที่สุด ข้าไร้ทางไปแล้ว ก็แค่คิดจะเป็นอนุเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าก็ไม่ยอม เจ้ามันช่างน่าแค้นใจนัก น่าแค้นใจนัก”
หากได้เป็นอนุเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางก็ไม่ต้องลดตัวไปเป็นอนุให้ตาแก่อ้วนสวี่เซี่ยนเว่ย พอคิดถึงว่าตนเองต้องอยู่ร่วมกับตาแก่อ้วนนั่น นางก็รู้สึกจะสะอิดสะเอียนแทบจะอาเจียนออกมา
ลู่เจียวขี้เกียจจะสนใจเสิ่นซิ่ว หันไปโบกมือให้หร่วนจู๋เข้าไปจับตัวนาง
เสิ่นซิ่วเห็นลู่เจียวไม่คิดจะพูดกับนางต่อ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน พุ่งตัวเข้าใส่โต๊ะตัวหนึ่งในร้าน
บนโต๊ะมีมีดปอกผลไม้วางอยู่
สีหน้าคนในร้านพลันแปรเปลี่ยน คิดว่าเสิ่นซิ่วจะแย่งมีดไปทำร้ายลู่เจียว สีหน้าหร่วนจู๋แปรเปลี่ยน นางยกเท้าเตะมือเสิ่นซิ่วออก จากนั้นก็เข้าเตะอีกครั้งจนเสิ่นซิ่วกระเด็นออกไปกระแทกกำแพงด้านหลัง
เสิ่นซิ่วถูกกระแทกจนเห็นดาวลุกไม่ขึ้น หร่วนจู๋ก้าวเข้าไปกระทืบนางอีกหลายที จนกระทั่งเสิ่นซิ่วสลบไป นางจึงได้ก้มลงหิ้วเสิ่นซิ่วออกนอกประตูไป
ลู่เจียวสั่งให้หลินต้าพาหร่วนจู๋กับเสิ่นซิ่วไปที่ว่าการอำเภอ มอบเสิ่นซิ่วให้นายอำเภอหูจัดการ
หร่วนจู๋รับคำสั่งออกไป
ลู่เจียวมองมีดบนโต๊ะ จากนั้นก็หันไปมองเจ้าของที่จะขายร้าน
“ทำไมบนโต๊ะพวกเจ้าจึงมีมีด”
ในร้านเก็บกวาดสะอาด แต่โต๊ะข้างๆ กลับมีมีด เรื่องนี้เห็นชัดว่าเป็นกับดัก
เจ้าของร้านหวาดกลัวอย่างมาก พอได้ยินลู่เจียวถามก็รีบส่ายหน้า “พวกเราไม่ทันได้สังเกต สองวันนี้มีแต่คนมาดูร้าน ข้าไม่รู้ว่ามีดนี้มาทิ้งอยู่ตรงนี้ตอนไหน”
ลู่เจียวหรี่ตาจ้องมองพวกเขา ดูท่าทางพวกเขาไม่รู้เรื่องมีดนี้จริงๆ
ลู่เจียวก็ไม่มองเจ้าของร้านอีก
“ร้านนี้พวกเราซื้อ ลดราคาอีกได้ไหม”
เจ้าของไม่อยากลดราคา แต่ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ ก็ได้แต่ขายร้านนี้ทิ้งแล้ว
“ได้ ร้านสองห้องหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ลู่เจียวตกลง “ได้ ขายตอนนี้เลยไหม”
“ได้”
เจ้าของพยักหน้าอย่างดีใจ ลู่เจียวสั่งให้หลี่หนานเทียนไปจัดการเรื่องนี้
นางพาเฝิงจือเดินวนดูรอบๆ
พอไม่มีคน เฝิงจือก็รีบกล่าวกับลู่เจียวว่า “เหนียงจื่อ ข้ารู้สึกว่าการที่อยู่ๆ สตรีผู้นั้นปรากฏตัวที่นี่ เห็นชัดว่าเป็นเรื่องประหลาด นางฆ่าผู้อื่น อยู่ดีๆ แล่นมาหาเหนียงจื่อทำไมกัน นางคิดจะทำอะไรเหนียงจื่อกัน”
ลู่เจียวพยักหน้า “แน่นอน เพียงแต่ข้าไม่เปิดโอกาสให้นาง”
หญิงนั่นไม่ใช่ไม่คิดทำร้ายนาง เสิ่นซิ่วก็แค่คิดปลิดชีพตนเองแล้วโยนความผิดนาง
น่าเสียดายนางไม่เปิดโอกาสให้เสิ่นซิ่ว ดังนั้นนางคิดไปก็ไร้ประโยชน์
นอกร้านในหัวเลี้ยวมุมหนึ่งยามนี้ มีรถม้าจอดอยู่
ในรถม้ามีสตรีสองคน คุณหนูใหญ่ตระกูลจาง จางปี้เยียน กับคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา เฉาชิงเหลียน
สตรีสองคนแทบไม่อยากจะเชื่อ เห็นคนหิ้วตัวเสิ่นซิ่วออกมา หมดกัน ทำไมถูกจับได้อย่างนี้
หญิงผู้นี้ไร้ประโยชน์จริงๆ เสียทีที่พวกนางเชื่อว่านางจะทำได้สำเร็จ
การที่เสิ่นซิ่วปรากฎตัวได้ล้วนเป็นผลงานของจางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียน สตรีทั้งสองคิดให้เสิ่นซิ่วปลิดชีวิตตนเอง แล้วโยนความผิดให้ลู่เจียว พวกนางผ่านทางมาเป็นพยานพอดี แผนวางไว้เรียบร้อย มีดปอกผลไม้ก็แอบวางไว้ในร้านให้แล้ว
ขอเพียงเสิ่นซิ่วหาช่องทางหลอกให้คนของลู่เจียวกับเจ้าของร้านออกไป นางก็จะปลิดชีวิตตนเองแล้วโยนความผิดให้ลู่เจียว หญิงผู้นั้นแม้มีปากก็ยากแก้ต่าง แม้นางมีปากมากอีกเท่าไรก็ไม่อาจแก้ต่างให้ตนเองได้ว่าไม่ได้สังหารคน
แต่ตอนนี้เสิ่นซิ่วถูกจับตัวไปแล้ว และลู่เจียวก็ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
จางปี้เยียนอดด่าทอดังขึ้นมาไม่ได้ “นังโง่ เจ้ามันเป็นนังตัวโง่เง่าจริงๆ”
นางกล่าวจบก็หันหน้าไปสั่งการคนขับรถ “กลับ”
เฉาชิงเหลียนเองก็นิ่งเงียบ นางต้องหาทางอื่น
ตกค่ำ พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวก็เล่าเรื่องเสิ่นซิ่วปรากฎตัวขึ้นให้เขาฟัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าเย็นเยียบ ลู่เจียวอดมองเขาพร้อมกับบ่นพึมพำไม่ได้ “เซี่ยอวิ๋นจิ่น แม้ว่าเจ้าหน้าตาไม่เลว แต่ก็แค่ซิ่วไฉ ทำไมหญิงเหล่านั้นคนแล้วคนเล่าเอาแต่จะจ้องจะแต่งกับเจ้า”
ลู่เจียวไม่เข้าใจเรื่องนี้จริงๆ
ความจริงเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็แค่หน้าตาดี แต่ก็เป็นแค่ซิ่วไฉ และยากจนมาก เขาถึงกับทำให้หญิงมากมายคนแล้วคนเล่าพากันมาจ้องจะแต่งเป็นภรรยาเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวก็รีบส่งเสียงเหมือนโดนปรักปรำว่า “เจียวเจียว เจ้าอย่าได้ตำหนิข้าเพราะหญิงเหล่านั้น ข้าไม่ได้สนใจหญิงเหล่านั้น”
เขากล่าวจบก็อธิบายให้ลู่เจียวฟัง
“เพราะที่นี่เป็นอำเภอชิงเหอเล็กๆ ตำแหน่งขุนนางใหญ่สุดในอำเภอชิงเหอก็คือนายอำเภอระดับเจ็ด ในอำเภอนี้มีพ่อค้ามากที่สุด แม้แต่ตำแหน่งขุนนางเล็กๆ ก็สถานะสูงกว่าพ่อค้า บุตรสาวพ่อค้าเหล่านั้นล้วนคิดแต่งให้ได้ดีสักหน่อย แต่ก็หาคนไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่เล็งมาทางบัณฑิตอย่างพวกเรา พวกเขาคิดอาศัยพวกเราปีนขึ้นไปเบิกทางสะดวก”
“ส่วนข้า เพราะก่อนหน้านี้สอบซิ่วไฉได้อันดับหนึ่งของเมืองหนิงโจว คนพวกนั้นน่าจะคิดว่าข้ามีโอกาสสอบติดสูงขึ้นไปอีกได้ ดังนั้นพวกเขาก็เลยเล็งมาที่ข้า”
“แต่นี่ไม่ใช่ความผิดข้า เจียวเจียว เจ้าจะโทษ ก็ควรโทษหญิงเหล่านั้น ไม่ควรโทษข้า”