ตอนที่โจวเสวียนเดินเข้ามา องค์หญิงจินเหยาอาศัยโอกาสเดินตาม นางเดินผ่านฝูงชนมายืนอยู่ข้างเฉินตันจู จับมือของเฉินตันจูเอาไว้ไม่มีการทักทาย เมื่อเห็นการแต่งตัวขององค์หญิงจินเหยา ไม่ต้องทักทาย เฉินตันจูก็รู้ว่านางมาเพื่อสิ่งใด
ทั้งสองคนไม่มีผู้ใดพูด เพียงแค่ยืนจับมือกัน
เวลานี้หลังจากเฉินตันจูกับโจวเสวียนต่างพูดแล้ว ยังคงมีความโหวกเหวกคึกคักท่ามกลางหิมะ หากแต่บรรยากาศตึงเครียดสลายไป องค์หญิงจินเหยามองดูเหล่านักเรียน ก่อนจะมองเฉินตันจู
“ยังปะทะหรือไม่” นางถาม
เฉินตันจูขบขัน ส่ายมือของนาง “เวลานี้ยัง ประลองความรู้ก่อน”
องค์หญิงจินเหยากระจ่าง จับมือของเฉินตันจูแน่น “รอประลองแพ้ค่อยปะทะ”
ถึงแม้จะทำให้สวีซินแสขุ่นเคือง ถูกเสด็จพ่อและเสด็จแม่ลงโทษ แต่นางยังคงยืนกรานที่จะแก้แค้นแทนเฉินตันจู นางรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินตันจูและจางเหยา ครานี้สวีซินแสทำเกินไปอย่างแท้จริง สามัญชนทั่วไปถูกคำเล่าลือหลอกลวงก็แล้วไป แต่สวีซินแสเป็นอาจารย์หยู เป็นผู้กระจ่าง เป็นผู้มีเมตตา เหตุใดจึงล้วนทรยศ
เฉินตันจูหัวเราะร่า มองดูเหล่านักเรียนและอาจารย์ที่วิจารณ์อย่างเสียงดัง “ไม่ ถ้าประลองชนะ หม่อมฉันก็จะปะทะ”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะตาม “เจ้าพูดถูก ไม่ว่าอย่างไรต้องปะทะ!”
โจวเสวียนมองหญิงสาวทั้งสองที่ยืนจับมือหัวเราะ ส่งเสียงออกมา
“อย่าหัวเราะดีใจเพียงนั้น” เขาพูด “ต้องมีวันที่เจ้าร้องไห้…ตกลงตามนี้ ทางกั๋วจื่อเจี้ยน ข้าจะเป็นคนรวมคน ส่วนทางเจ้า…”
พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างเสียดสี
“จะว่าไป คงจะไม่ใช่ความคิดของเจ้าคนเดียวกระมัง คุณชายจางท่านนั้นกล้ารับคำท้าหรือไม่”
เฉินตันจูพูด “คุณชายโจวคำนึงมากเกินไปแล้ว เขาย่อมกล้า ข้าจะเรียกรวมผู้มีการศึกษาเหมือนดั่งจางเหยามา รอคุณชายโจวกำหนดเวลา”
โจวเสวียนหัวเราะเสียงเบากับเหล่านักเรียนข้างตัว “ดู สิ่งนี้เรียกความท้าทายอย่างไม่รู้และไร้ความเกรงกลัว”
เหล่านักเรียนข้างตัวต่างหัวเราะตามกัน สีหน้าหยิ่งยโสกว่าเดิม
โจวเสวียนยิ้มให้เฉินตันจู “รอเถิด ข้าจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ให้เจ้าและสามัญชนผู้มีความสามารถผู้นั้นได้เห็นความสง่าของชนชั้นสูง”
เขาพูดพลางมองไปยังเหล่านักเรียนรอบด้าน
ความสง่าของชนชั้นสูง พวกเขาย่อมเป็นเช่นนั้น เหล่านักเรียนต่างยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง พูดขึ้น “รอคอยวันประลอง”
เสียงแพร่กระจายออกไป เสียงของคนจำนวนมากต่างแย่งกันพูดขึ้น เต็มไปด้วยเสียงตะโกนเสียงหัวเราะในทันใด
โจวเสวียนหัวเราะอย่างเสียดสี “เฉินตันจู เวลานี้เจ้าออกจากกั๋วจื่อเจี้ยนไปได้แล้ว รอวันไหนที่เจ้าชนะ ค่อยมาใหม่เถิด”
เฉินตันจูไม่พูด เดินก้าวออกไปทางด้านนอก
องค์หญิงจินเหยารีบเดินตาม ในขณะที่เดินผ่านข้างตัวของสวีลั่วจือ สายตาของสวีลั่วจือจับจ้องบนตัวของนาง…อย่างไรก็เป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณ สายตาขององค์หญิงจินเหยาหลุบต่ำ แต่ยังคงหยุดชะงักลง
“ซินแส” นางพูดเสียงเบา “ข้าคิดว่า ครานี้ท่านทำผิด”
สวีลั่วจือพูดอย่างเรียบเฉย “ความรู้ขององค์หญิงพัฒนา รู้ถกเถียงผิดชอบแล้ว”
องค์หญิงจินเหยาเงยหน้ามองเขา “ซินแส ถึงแม้จะไม่เคยเรียนหนังสือ แต่แค่มีใจ ก็สามารถแยกแยะถูกผิดได้”
สวีลั่วจือมองนางด้วยสายตาเคร่งขรึม องค์หญิงจินเหยาหดหัววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
โจวเสวียนยืนส่ายหัวอยู่ด้านข้าง “ซินแส ท่านดู ล้วนถูกเฉินตันจูพาเสียคนแล้ว เฉินตันจูนี้ต้องสั่งสอนให้ดี มิฉะนั้นเมืองหลวงนับวันยิ่งตกต่ำ”
สวีลั่วจือหันมามองเขา เอ่ยถาม “เจ้าไม่ได้บอกว่าตนเองไม่ใช่นักเรียนอีกแล้วหรือ เหตุใดจึงออกตัวแทนเรื่องของนักเรียน”
สีหน้าของโจวเสวียนดำลง น้ำเสียงไม่ชัดเจนเหมือนก่อนหน้านี้ เขามองขึ้นไปยังป้ายบนประตู “อาจเป็นเพราะว่าข้ายังจำได้ว่าบิดาของข้าเป็นผู้มีการศึกษา”
เมื่อพูดถึงโจวชิง สวีลั่วจือไม่พูดสิ่งใดอีก เหล่านักเรียนรอบด้านต่างมีสีหน้าเศร้าโศก โจวชิงเป็นผู้มีการศึกษา ความรู้และความมุ่งมั่นในตัวของเขา จัดการเมืองช่วยราษฎร เพื่อเมืองอันสุขสงบ เป็นผู้นำของผู้มีการศึกษาในใต้หล้า แต่ยังไม่ทันได้เห็นความสำเร็จสุดท้ายก็ตายไป ยิ่งทำให้ผู้คนโศกเศร้า
ในฐานะบุตรชายของโจวชิง ถึงแม้เขาจะไม่ศึกษาต่อ แต่ก็ทำเพื่อความมุ่งมั่นของบิดาตนเอง แก้แค้นแทนบิดาของตนเอง ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินตันจูตะโกนเหยียดหยามผู้มีการศึกษา จะอดทนได้อย่างไร
หลังจากพูดประโยคนี้จบ โจวเสวียนไม่ได้มองผู้ใดอีก เขาหันหลังเดินออกไปทางด้านนอก
เหล่านักเรียนต่างหลีกทาง พร้อมมองตามด้วยสายตาชื่นชม มองดูชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งและโดดเดี่ยวท่ามกลางหิมะ โศกเศร้าอย่างมาก…
“คุณชายโจว พวกเราต้องชนะอย่างแน่นอน!”
“ย่อมต้องให้คนในใต้หล้ารู้ กั๋วจื่อเจี้ยนมีความสามารถ!”
“คุณชายโจว พวกเราอยู่กับท่าน!”
เสียงตะโกนนับไม่ถ้วนดังขึ้นจากด้านหลัง
โจวเสวียนไม่ได้หันหลังกลับไป เขาเดินออกจากกั๋วจื่อเจี้ยนพร้อมกับสายตาและเสียงที่ดังจากด้านหลัง
เฉินตันจูจากไปแล้ว โจวเสวียนจากไปแล้ว องค์หญิงจินเหยาและองค์ชายสามจากไปแล้วเช่นเดียวกัน แต่ความคึกคักภายในกั๋วจื่อเจี้ยนยิ่งมากขึ้น เหล่านักเรียนรวมตัวกัน บ้างวิจารณ์เสียงเบา บ้างถกเถียงอย่างรุนแรง สิ่งที่ถกเถียงล้วนเป็นเรื่องการนัดหมายประลองของโจวเสวียนและเฉินตันจู
“ซินแส” ผู้ช่วยคนหนึ่งถามอย่างกังวล “ให้พวกเขาประลองจริงหรือ”
โจวเสวียนกระตุ้นทุกคน แต่หากสวีลั่วจือพูดย่อมสามารถห้ามเหล่านักเรียนได้
สวีลั่วจือยิ้ม “ไม่ต้องสนใจ ประลองไม่ได้” เขามองประตูใหญ่ท่ามกลางหิมะ “เฉินตันจูบอกว่าต้องการทวงความยุติธรรมให้แก่สามัญชน แต่นางลืมไป สามัญชนผู้มีการศึกษาก็ยังคงเป็นผู้มีการศึกษา”
แค่เป็นผู้มีการศึกษา ผู้ใดยอมมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่มีชื่อเสียงเลวร้ายอย่างนาง
…
เฉินตันจูเดินไปด้านนอกประตู บอกลาองค์หญิงจินเหยาและองค์ชายสาม
“ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว” นางคำนับขอบคุณ ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเอง “เป็นสหายกับหม่อมฉันคงลำบากมากใช่หรือไม่ มักจะอกสั่นขวัญแขวนเป็นประจำ”
องค์หญิงจินเหยาโบกมือให้นางไม่ต้องเกรงใจ องค์ชายสามก็ยิ้มออกมา
“ทำเพื่อสหาย” เขาพูด “สามารถเป็นสหายของคุณหนูตันจูโชคดียิ่งนัก”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา นึกถึงการกระทำขององค์ชายสาม “องค์ชายก็เช่นกัน หม่อมฉันดีใจอย่างมากที่ได้เป็นสหายขององค์ชายเพคะ”
องค์ชายสามยิ้ม
องค์หญิงจินเหยามองเฉินตันจู ก่อนจะมององค์ชายสาม ถอนหายใจอย่างหนัก “หิมะตกหนักแล้ว บัดนี้ไม่ใช่เวลาชื่นชมกัน อากาศเช่นนี้ท่านไม่ควรออกมา”
สุดท้ายองค์ชายสามได้ข่าวเร็วกว่านาง ออกจากวังมาเร็วกว่านางเสียอีก…
เป็นห่วงเฉินตันจูเช่นนี้ เพียงเพราะต้องการรักษาโรค? ผู้เป็นพี่ไม่อาจพูดออกมาได้ ทำได้เพียงให้น้องสาวอย่างนางช่วยพูดแล้ว
เฉินตันจูมององค์ชายสาม ถึงแม้อีกฝ่ายจะสวมผ้าคลุมผืนใหญ่ แต่ดวงตาของเขาก็แสดงออกถึงความหนาวเย็น ใบหน้าที่อ่อนแอยิ่งเย็นยะเยือก
“ใช่ ท่านไม่อาจรับความหนาวได้” นางรีบพูด ถามขึ้น “หม่อมฉันไม่สะดวกเข้าวัง ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง เฮ้อ ต่อจากนี้หม่อมฉันคงเข้าวังยากยิ่งขึ้น”
องค์ชายสามยิ้ม “ข้าสะดวกออกจากวัง ข้าไปหาเจ้า”
เฉินตันจูพยักหน้า “ได้เพคะ”
องค์หญิงจินเหยายิ้มอยู่ด้านข้าง “พี่สาม พวกเรารีบกลับวังกันเถิด ถือว่าทำเพื่อความกังวลในร่างกายท่านของคุณหนูตันจู อีกทั้งท่านต้องคำนึงแทนคุณหนูตันจู ก่อนที่โจวเสวียนจะไปทูลเสด็จพ่อเกินจริง พวกเราต้องรีบกลับไปแก้ตัวให้นาง”
เฉินตันจูพยักหน้า “ขอให้ท่านทั้งสองทำเพื่อสหายคนนี้ด้วย!”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะออกมา “เวลาใดกันแล้ว เจ้ายังยิ้มออกมาได้”
เฉินตันจูเศร้าโศก “หม่อมฉันไม่ได้ยิ้ม ท่านดู ใบหน้าเคร่งเครียด”
“ไม่เถียงกับเจ้าแล้ว” องค์หญิงจินเหยายิ้มพลางดึงองค์ชายสาม “พวกเราไปแล้ว”
องค์ชายสามยิ้มให้เฉินตันจู พูดอีกครั้ง “อย่ากังวล”
เฉินตันจูอมยิ้มพยักหน้า องค์ชายสามเดินขึ้นรถไปกับองค์หญิงจินเหยา เดินทางจากไปภายใต้การอารักขาขององครักษ์