หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 818 ลอบโจมตี!

บทที่ 818 ลอบโจมตี!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นก็เร่งความเร็วขึ้นจนกระทั่งมาถึงค่ายทหาร การกลับมาของเขาสร้างความมึนงง สับสน และวิตกไปทั่วกองทหารตระกูลไม่รู้สิ้น บรรดาผู้ฝึกตนต่างก็สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น…ผู้บัญชาการคนก่อนเพิ่งจะกลับมา แล้วตอนนี้ก็ดันมีอีกคนมาปรากฏตัว

พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนไหนเป็นตัวจริงกันแน่ คงไม่เป็นไรหากคนก่อนหน้านี้เป็นตัวจริง แต่หากคนนี้เป็นตัวจริงแล้วละก็ พวกเขาย่อมตกที่นั่งลำบากแน่นอน!

ความคิดเดียวกันนี้ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน ทำให้พวกเขาต่างก็ทั้งกลุ้มใจทั้งกังวล ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคนเหล่านี้ทันที จึงรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด

“หรือว่า…” ชายชราหายใจเร็วแรง ก่อนจะใช้สัมผัสเทพและเปิดพลังปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายออกมาเต็มที่ พลังวิญญาณไหลบ่าออกท่วมค่ายราวกับเป็นพายุคลั่งขณะที่เจ้าตัวส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราด

“เจ้าหน้ากากสุกรปลอมตัวเป็นข้าแล้วเข้ามาในค่ายใช่หรือไม่” การปล่อยพลังปราณออกมาอย่างปุบปับและน้ำเสียงที่ใช้ถามคำถามทำให้ทุกคนหมดความสงสัยในใจ พวกเขานึกขึ้นได้ว่าผู้บัญชาการคนก่อนไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนี้แต่อย่างใด ความคิดนั้นทำเอาทุกคนสั่นไปทั้งสรรพางค์กาย

คลื่นพลังกระเพื่อมกระจายออกไปท่ามกลางฝูงชน ในหมู่คนเหล่านั้นมีร่างอวตารของหวังเป่าเล่อรวมอยู่ด้วย พวกมันต่างทำสีหน้าตื่นกลัวและไม่อยากจะเชื่อสายตา ส่วนร่างอวตารหลักที่สร้างขึ้นมาโดยใช้กระบวนท่าสารัตถะก็ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนด้วยเช่นกัน เขายืนอยู่ใกล้ชายชราขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนและชั่งใจ ดูราวกับว่ามีเรื่องอยากจะพูดกับผู้อาวุโสกระนั้น ร่างอวตารยกเท้าขวาขึ้น ตั้งใจจะเดินเข้าไปทำความเคารพผู้อาวุโส

แต่ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะได้ขยับตัว ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เหมือนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้หลังจากที่ได้สัมผัสการระเบิดพลังของผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายและได้ยินสิ่งที่ชายชราถาม สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น ก่อนจะส่งเสียงตะโกนออกมาแล้วรีบพุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสทันที เขาส่งเสียงร้องพลางเดินไปหาผู้อาวุโสด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผู้บัญชาการขอรับ เมื่อครู่นี้มีใครบางคนปลอมตัวเป็นท่านแล้วเข้าไปในคลังอาวุธ เขา…” ผู้อาวุโสหันขวับมาทันทีก่อนที่ผู้ฝึกตนคนนั้นจะพูดจบ มีประกายแห่งจิตสังหารสะท้อนอยู่ในแววตา ชายชรายกมือขวาขึ้นโจมตีอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้าฟาด!

พลังการโจมตีนั้นมากล้นจนเหลือเชื่อ การปล่อยพลังปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายออกมาอย่างฉับพลันทำให้ทั้งสวรรค์และพื้นพิภพต้องสั่นคลอน สายลมปั่นป่วน เมฆม้วนกลับ พลังที่สามารถทลายภูเขาได้ไหลบ่ามารวมกันเป็นรอยฝ่ามือที่ประทับลงไปบนอกของผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นขั้นจุติวิญญาณคนนั้น

การโจมตีนั้นรวดเร็วและรุนแรงจนเหลือเชื่อ หวังเป่าเล่อเองก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อหลบหลีก ส่วนผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณคนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ พวกเขายืนอยู่ใกล้กันมากเมื่อผู้อาวุโสโจมตีอย่างรวดเร็วและไร้เมตตา

เสียงกัมปนาทดังก้องสะท้อนไปในอากาศ ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณชั้นสมบูรณ์ไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำตอนที่ร่างกายของเขาแหลกสลาย เลือดเนื้อกลายเป็นฝุ่นไปสิ้น ทั้งร่างกายและวิญญาณถูกทำลายจนสิ้นซาก!

ขนาดเลือดยังสลายกลายเป็นฝุ่นไปเพราะความรุนแรงของการโจมตี!

ภาพนั้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นทุกคนที่รายล้อมอยู่ พวกเขารีบถอยห่างจากผู้อาวุโสทันที หวังเป่าเล่อเบิกตากว้างก่อนจะส่งเสียงออกมา โชคยังดีที่เขาไม่ได้ไปถึงตัวผู้อาวุโสก่อน ร่างอวตารอื่นๆ เองก็ไม่ได้เข้าใกล้ผู้อาวุโสเช่นกัน แม้ว่าชายหนุ่มอาจจะรอดชีวิตจากการโจมตีของผู้อาวุโส แต่ก็คงบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่

เขาช่างไร้เมตตา ไม่สนใจเลยว่าจะเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ ไม่ว่าเป็นใครก็ถูกฆ่าได้เหมือนกันหมด! หวังเป่าเล่อตะลึง ชายชราขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายมีสีหน้าเคร่งขรึม เพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าผู้ฝึกตนที่สังหารไปนั้นไม่ใช่ร่างอวตารของหน้ากากสุกรหรือตัวหน้ากากสุกรแต่อย่างใด แต่เป็นสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นคนหนึ่ง

ความขุ่นเคืองและรำคาญใจภายในเริ่มเพิ่มขึ้น โทสะก็พุ่งพล่าน แต่ตอนนั้นเอง หวังเป่าเล่อก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ชายหนุ่มส่งร่างอวตารร่างหนึ่งมุ่งตรงไปหาผู้อาวุโสทันที ร่างอวตารวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเศร้าโศก ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าแล้วร้องห่มร้องไห้

“ผู้บัญชาการ โปรดใจเย็นๆ เถิดขอรับ สิ่งนี้ไม่ใช่ความเลินเล่อหรืออ่อนแอของพวกเราแม้แต่น้อย แต่เพราะไอ้หน้ากากสุกรบัดซบนั่นมันปลอมตัวเป็นท่านแล้วก็…เข้าไปขโมยของหมดคลังอาวุธเลยขอรับ”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ” นัยน์ตาของผู้อาวุโสเบิกโพลง ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาทางร่างอวตารของหวังเป่าเล่อ ดวงตาทั้งสองแทบจะถลนออกจากเบ้า เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เพิ่งได้ยินนั้นมีผลกับเขาอย่างยิ่ง

แค่คิดว่าพวกเขาถูกปล้นทรัพยากรทางการทหารไปจนเกลี้ยงก็ส่งเอาความเจ็บปวดเสียดแทงเข้าไปทั้งจิตใจ ชายชราส่งเสียงคำรามก่อนจะส่งสัมผัสเทพออกไปอีกครั้ง คราวนี้มุ่งหน้าไปยังคลังอาวุธ เขาจะต้องดูให้รู้แน่แก่ใจด้วยตนเอง

ตอนนั้นเอง ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้น กริชสีดำปรากฏอยู่ในมือ หากไม่ใช่เพราะทุกคนมองเห็นเหตุการณ์นั้นเต็มสองตา ก็คงไม่มีใครเชื่อ ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อปักกริชลงไปบนต้นขาของผู้อาวุโสอย่างจัง!

กริชประหลาดระเบิดตัวเอง แรงระเบิดทำให้การป้องกันรอบกายของผู้อาวุโสแตกสลาย ก่อนที่กริชจะปักลงไปบนกายเนื้อของเขา พิษไหลบ่าเข้าสู่กายของชายชราจากปากแผล ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนไม่มีใครเตรียมการณ์รับมือได้ทัน นัยน์ตาของผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงและโกรธจัด โทสะทะลักล้นออกมาจากกายขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วส่งเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว เขาปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่ เรียกพายุหมุนมาล้อมร่างอวตารของหวังเป่าเล่อเอาไว้

การโจมตีดังกล่าวขยี้ร่างอวตารของชายหนุ่มเป็นผุยผง แล้วยังก่อความโกลาหลขึ้นในหมู่ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่รอบกายผู้อาวุโส ร่างอวตารหลักของหวังเป่าเล่อที่สร้างขึ้นจากกระบวนท่าสารัตถะยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น ผู้อาวุโสยังคงคำรามต่อไป พายุหมุนจากพลังปราณของเขายังกวาดโถงอยู่ไปมา ขณะที่ทุกคนกำลังโวยวายจนแทบเสียสติ จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นติดต่อกัน

แผ่นดินราวกับจะสั่นคลอน ค่ายทั้งค่ายก็สั่นไหว เสียงระเบิดดังขึ้นมาจากหลายต่อหลายจุด สัมผัสถึงความรุนแรงได้จากทั่วทั้งค่าย คลื่นพลังวิญญาณเข้าปะทะกันและไหลรวมกันกลายเป็นคลื่นพลังที่รุนแรงขึ้นจนสั่นสะเทือนถึงสวรรค์และผืนปฐพี ครอบวงกลมกองทัพสี่อันแตกเป็นเสี่ยงร่วงลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะกระทบพื้นแล้วสลายเป็นฝุ่นไป!

ค่ายทหารตกอยู่ในความโกลาหลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนหนึ่งรีบรุดเข้าไปหาผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่ชายชรายังคงงุนงงจากความรุนแรงของแรงระเบิดรอบกายและความเสียหายของครอบวงกลมหลายต่อหลายอัน ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนนั้นชักกริชออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายทันที

“ลอบโจมตีอีกครั้งหรือ” ผู้อาวุโสหันขวับมาทันที ดวงตาฉาบเคลือบไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า ขณะที่เอื้อมมือขวาออกมาจับผู้โจมตีเอาไว้ ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นอีกคนก็โผล่มาจากด้านหลัง พุ่งเข้ามาพร้อมกริชสีดำอีกเล่มหนึ่ง!

ไม่เพียงเท่านั้น ไกลออกไปอีกหน่อย มีผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นอีกคนจู่ๆ ก็คลุ้มคลั่ง แทนที่จะพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสเพื่อลอบสังหาร แต่กลับหันไปอีกด้านหนึ่งแล้วเริ่มออกวิ่ง เขาพยายามหลบหนีท่ามกลางความวุ่นวายในค่าย

เหตุการณ์ชวนตื่นตะลึงทั้งหมดทำเอาผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นแตกตื่นกันไปหมด ทุกคนต่างนิ่งงันมึนงง พวกเขาเพิ่งได้เห็นความพยายามลอบสังหารซ้ำไปซ้ำมา ตามด้วยความพยายามที่จะหลบหนี ทั้งหมดส่งเสียงร้องด้วยความโกรธขึ้งและเริ่มวิ่งไล่ตามผู้ฝึกตนที่วิ่งหนีไปโดยไม่ทันได้คิดอะไร

ผู้อาวุโสทำลายร่างอวตารที่พุ่งเข้ามา เช่นเดียวกับร่างที่สามที่พยายามโจมตีจากด้านหลัง ก่อนจะเงยหน้ามองแผ่นหลังของผู้ฝึกตนที่กำลังวิ่งหนีไป…ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นจำนวนมากวิ่งไล่ตามเขาไป ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนหนึ่งจากฝูงชนก็ชักกริชสีดำออกมาแทงผู้อาวุโส!

แม้จะระมัดระวังตัวมากเพียงใดก็ตาม แต่ผู้อาวุโสก็ไม่ทันตั้งตัวรับการลอบโจมตีนั้น กริชปักไปบนแขนของเขา ผู้อาวุโสเงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วส่งเสียงคำรามอย่างน่าสะพรึงกลัวขณะที่พิษหลั่งไหลเข้าไปในกาย

“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน!” เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าจะสังหารพวกเดียวกันหรือไม่ พายุหมุนพวยพุ่งขึ้นรอบกายและสังหารผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นทุกคนที่กล้าเข้ามาใกล้ ทุกสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในรัศมีสามร้อยกิโลเมตรมีเพียงเลือดและความตายเท่านั้น จากนั้นผู้อาวุโสก็ออกตัว วิ่งไล่ตามผู้ฝึกตนที่กำลังหลบหนีไป ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนอื่นๆ ต่างก็ผงะด้วยความกลัวจากการทำลายล้างครั้งใหญ่ของผู้อาวุโส ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ชายชราแม้แต่คนเดียว

ร่างอวตารหลักของหวังเป่าเล่อยังคงซ่อนตัวอยู่ในหมู่ผู้ฝึกตนเหล่านั้น ร่างอวตารห้าร่างก่อนหน้านี้เป็นร่างย่อยที่สร้างขึ้นมาจากร่างอวตารหลัก ร่างอวตารหลักขณะนี้มีใบหน้าตื่นกลัว ตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นตกใจไปพร้อมๆ เพื่อนร่วมตระกูลคนอื่นๆ แต่ภายในใจของหวังเป่าเล่อเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นอาจจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ฉลาดนัก หวังเป่าเล่อแอบสร้างผนึกฝ่ามืออย่างลับๆ

ตอนนั้นเองประคำระเบิดตัวเองทั้งหมดที่เหลืออยู่ในค่าย…ก็ระเบิดขึ้นทันที แรงระเบิดสั่นคลอนทั้งท้องฟ้าและผืนดิน ครอบวงกลมกองทหารอีกสามอันสั่นคลอนก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้น ดูคล้ายเป็นการพยายามหยุดยั้งผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายจากการไล่ล่า…

ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายยิ่งลุกลี้ลุกลนเมื่อมีอุปสรรคมาขวางหน้า เขายอมลดการป้องกันทุกอย่างลงเพื่อมุ่งหน้าไล่ล่าเต็มกำลัง สุดท้ายก็ตามทันในชั่วพริบตา!

“ตาย!”

…………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท