รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 233 ไม่เป็นธรรมกับข้าเลย ข้าเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน!

บทที่ 233 ไม่เป็นธรรมกับข้าเลย ข้าเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน!

บทที่ 233 ไม่เป็นธรรมกับข้าเลย ข้าเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน!

ณ โพรงมังกร

มังกรดำมาอยู่ที่ส่วนลึกสุด

ข้างในนี้กว้างใหญ่ไพศาล ทว่าว่างเปล่ายิ่งนัก นอกจากโลงศพที่ลอยเด่นอยู่ตรงกลางแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย

นี่คือโลงศพสีแดงฉาน ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุใด ทว่าทั้งโลงกลับมีกลิ่นอายอึมครึมมุ่งร้ายแผ่ซ่านออกมา!

บนนั้นมีอักขระสีดำโบราณซับซ้อนสลักอยู่มากมายเต็มโลงศพทั้งสี่ด้าน ดูพิศวงน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง!

“เฮ้อ…ไม่รู้ว่าเมื่อใดท่านจะฟื้นขึ้นมาเสียที!”

มังกรดำมองโลงศพสีแดงฉาน พลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

เหตุใดมันถึงอยู่มาได้อย่างยาวนานโดยไม่ตายตก ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับโลงศพนี้…

ขณะเดียวกัน เหตุใดมันต้องดึงดูดสิ่งมีชีวิตและยอดฝีมือเข้ามามากมายเพื่อฆ่า ก็เกี่ยวข้องกับโลงศพนี้เช่นกัน…

นอกจากนี้ เหตุผลที่มันไม่อาจไปจากโพรงมังกรก็เกี่ยวข้องกับโลงศพนี้ด้วย…

หยวนอีเดาไม่ผิด นางเดาได้ถูกต้องหมดเลย

ณ เหยียนโจว ภาคกลาง

บันทึกเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ผักขั้นวิเศษนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อยในใต้หล้านี้

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงบุกไปยังกองกำลังลับกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ยืมอ่านคัมภีร์บันทึกโบราณของกองกำลังเหล่านี้ แต่ยังไม่พบบันทึกด้านนี้

แน่นอนว่าขั้นตอนการขอยืมคัมภีร์บันทึกโบราณของกองกำลังลับต่างๆ มาอ่านนั้นมิได้ราบรื่น…

กองกำลังลับต่างๆ ยังเคียดแค้นลัทธิไท่เสวียนอยู่

เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเจ้าลัทธิไท่เสวียน หยวนเซิ่งคิดจะขอยืมคัมภีร์บันทึกโบราณของพวกเขาไปอ่าน ก็ปฏิเสธทันควัน ไม่มีผู้ใดยินยอม

ให้ตายเถอะ ครานั้นเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติในแดนลับกาลเวลา พวกเขาวางแผนมานาน ทุ่มเทกำลังทั้งหมดอบรมบ่มเพาะยอดฝีมือที่สามารถเข้าไปช่วงชิงสมบัติในแดนลับ

และยอดฝีมือเหล่านี้ก็ฝึกฝนขัดเกลาทุกคืนวันเพื่อให้พลังกายเนื้อของตนแข็งแกร่งขึ้น ทนทรมานมาไม่น้อย…

แต่ผลสุดท้ายเล่า?

ผลสุดท้าย ยอดฝีมือทุกคนที่พวกเขาส่งเข้าไปต่างถูกล้มโดยประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ลัทธิไท่เสวียนได้ผลประโยชน์ไปแต่เพียงผู้เดียว!

พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมบัติชั้นเลิศในแดนลับแห่งกาลเวลาคือสิ่งใด!

พวกเขาไม่แค้นลัทธิไท่เสวียนสิแปลก!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงใช้พลังเข้าข่มกองกำลังลับเหล่านี้ จนท้ายที่สุดได้อ่านคัมภีร์บันทึกโบราณสำเร็จ

เป็นผลให้กองกำลังลับทั้งหลายยิ่งผูกใจเจ็บกับลัทธิไท่เสวียนมากขึ้นไปอีก!

ถึงอย่างไรในครานั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนลับได้ก็เพราะหยวนเซิ่งพาเขาไป

ตอนนี้ หยวนเซิ่งยังเป็นคนพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงเข้ามา

พวกเขาจึงยิ่งปักใจเชื่อว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงเป็นคนของลัทธิไท่เสวียน!

“ไม่เป็นธรรมกับข้าเลย!”

หยวนเซิ่งอยากจะร่ำไห้…

กองกำลังลับทั้งหลายต่างเข้าใจว่าเขาคือ ผู้ได้ครอบครองสมบัติชั้นเลิศในแดนลับกาลเวลา

ทว่าความจริงเป็นเช่นนั้นหรือ

เปล่าเลย!

ไม่ต้องพูดถึงว่ากองกำลังลับทั้งหลายไม่รู้ว่า สมบัติชั้นเลิศในแดนลับกาลเวลาคือสิ่งใด ตัวเขาเองก็ไม่รู้!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมิได้ให้เขาดู!

และเขาก็ได้ผลึกเวลาขนาดเล็กมาจำนวนหนึ่งเท่านั้น…

แต่ผลึกเวลาขนาดเล็กจำนวนนี้เทียบกับสมบัติที่แท้จริงแล้ว ไม่ควรค่าให้แก่การพูดถึงเลย ซ้ำยังไร้ค่าสิ้นดี!

ไหนจะเรื่องที่เขาพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงมายืมอ่านคัมภีร์บันทึกโบราณจากกองกำลังลับต่าง ๆ

บรรดากองกำลังลับไม่ยอม จึงโดนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงใช้กำลังเข้ากำราบ

จากนั้น กองกำลังลับทั้งหลายก็ต้องการคิดบัญชีนี้กับเขา ยิ่งคิดยิ่งเคียดแค้นเขาเข้าไปใหญ่

เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ทุกท่าน ช่วยเบิกตาดูหน่อยว่าข้ามีปัญญาขัดขืนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงหรือไม่?

ข้าหยวนเซิ่งดีกว่าพวกท่านตรงไหนกัน?

ข้าเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน!

พวกท่านคิดว่าข้าเต็มใจพาพวกเขามาหรือ… ข้าโดนบีบบังคังต่างหากเล่า!

“เฮ้อ กลุ่มอำนาจต่าง ๆ ยังไม่ล่วงรู้สถานการณ์ที่แท้จริง หากรู้เข้า คงต้องเคียดแค้นในตัวข้าแน่!”

หยวนเซิ่งถอนหายใจ รู้สึกว่าลัทธิไท่เสวียนของพวกเขาอนาคตเลือนราง เต็มไปด้วยความมืดมิด

จะมิให้มืดมิดได้เยี่ยงไร?

แม้ว่ากองกำลังลับต่าง ๆ จะทราบเรื่องที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาจากโลกภายนอก มิใช่คนของลัทธิไท่เสวียน

แต่พวกเขายังไม่ล่วงรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเขากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

กองกำลังลับเหล่านี้ต่างคิดว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอยู่ใต้บัญชาของเขา…

หากกองกำลังลับเหล่านี้รู้ว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมิได้อยู่ใต้อาณัติของเขา และเขากลับพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพายังที่ตั้งของกองกำลังลับต่าง ๆ กองกำลังลับเหล่านี้ย่อมต้องรวมตัวบุกมายังลัทธิไท่เสวียนของพวกเขาอย่างแน่นอน!

สิ่งที่ตามมาหลังเปิดเผยที่ตั้งรกรากนั้นรุนแรงยิ่ง!

เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาจักต้องยอมประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกันหมด โดนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจับจุดอ่อนไว้ได้!

หากไม่อยากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ จำต้องย้ายออกจากที่นี่ ไปตั้งรกรากที่อื่น

ทว่าการย้ายถิ่นฐานหาได้ง่ายดายปานนั้น…

ที่สถานที่ตั้งของพวกเขาปลอดภัยและลับตาคน ล้วนเป็นเพราะภายในถิ่นฐานของพวกเขามีม่านพลังกางอยู่!

พลังของม่านพลังช่วยให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นไม่สามารถค้นพบตัวพวกเขาได้

หากไร้ซึ่งม่านพลัง พวกเขาย่อมไม่มีทางซ่อนตัวได้แนบเนียนเช่นนี้ ยิ่งไม่มีทางอยู่จวบจนบัดนี้แล้วยังไม่ถูกเปิดเผยตัวตนแม้แต่น้อย

การหาถิ่นฐานใหม่ พวกเขาย่อมต้องกางม่านพลังขึ้นใหม่ เช่นนี้สถานที่ตั้งใหม่จึงจะปลอดภัยลับตาคน

แต่ด้วยสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถกางม่านพลังเช่นนั้นได้เลย!

ม่านพลังที่กางอยู่ในถิ่นฐานของพวกเขา กางขึ้นโดยเหล่าบรรพชนของแต่ละกลุ่มอำนาจ!

สิ่งแวดล้อมในฟ้าดินย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ถึงแม้กองกำลังลับอย่างพวกเขาจะทรงพลังกว่าสิ่งมีชีวิตข้างนอกด้วยการสืบสานที่สมบูรณ์กว่า ระดับพลังของยอดฝีมือก็สูงส่งกว่าสิ่งมีชีวิตข้างนอก

แต่การกางม่านพลังระดับนั้น พวกเขาอย่าแม้แต่จะคิด ไม่มีทางทำได้!

หากต้องการกางม่านพลังระดับนั้น อย่างน้อยต้องอยู่ในขอบเขตเทวาก่อนถึงจะทำได้!

และสำหรับพวกเขา ขอบเขตเทวานั้นไกลเกินเอื้อม…

“กลับไปแล้วต้องปิดกั้นม่านพลังทั้งหมด!”

หยวนเซิ่งเอ่ยด้วยความหวาดหวั่นใจ เขานึกกลัวจากใจ เป็นไปได้ว่าลัทธิไท่เสวียนอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด!

ไปค้นหาจากคัมภีร์บันทึกโบราณในกองกำลังลับมากมายขนาดนี้แล้วยังไร้ผล แต่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงยังไม่ยอมแพ้

ยังมีกองกำลังลับอีกหลายที่ยังไม่ได้ไป!

“ไปได้แล้ว!”

พวกเขาจากไป ปล่อยให้หยวนเซิ่งนำทางต่อ

“เจอแล้ว!”

หลังจากไปเยี่ยมเยียนถึงอีกสองกองกำลังลับ ในที่สุดพวกเขาก็เจอเบาะแส ในนี้มีบันทึกเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ผักขั้นสูงส่ง

คัมภีร์โบราณเล่มนี้บันทึกไว้ดังนี้ ร่ำลือกันว่าในยุคโบราณ มีมหาจักรพรรดิตนหนึ่งบรรลุวิถีอาหาร ตั้งสมญานามให้ตนว่าจักรพรรดิอ้วน บุกเบิกไร่มวลผักด้วยดินเทวานานาชนิด ภายในนั้นมีเมล็ดพันธุ์ผักที่จักพรรดิอ้วนเพาะพันธุ์ขึ้นมาเองปลูกอยู่นานาชนิด!

ลือกันว่าผักที่จักรพรรดิเพาะพันธุ์มีฤทธิ์ไม่ด้อยไปกว่าโอสถจักรพรรดิ ใบผักกาดเล็ก ๆ ใบเดียวก็สามารถยกระดับขอบเขตผู้ฝึกตนได้เป็นเท่าตัว!

แม้กระทั่งนักบุญยังได้ประโยชน์อย่างมหาศาล!

ในข่าวลือนั้นมีบันทึกว่าเคยมีนักบุญคนหนึ่งกินมะเขือเทศที่จักรพรรดิอ้วนเพาะพันธุ์ไปหนึ่งลูก ขอบเขตทวีคูณในบัดดล บรรลุรวดเดียวถึงขอบเขตสูงสุด!

ครานั้น ยอดฝีมือเกินคณานับต่างเฝ้าฝันอยากได้ผักที่จักรพรรดิอ้วนเพาะพันธุ์ขึ้นมา!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสบตากับสือเฟิง ก่อนทั้งคู่จะคลี่ยิ้มออกมา

นี่คือสิ่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่มิใช่หรือ

ในเมื่อจักรพรรดิอ้วนเพาะเมล็ดพันธุ์ผักที่วิเศษปานนี้ออกมาได้ เช่นนั้น จักรพรรดิอ้วนย่อมมีเมล็ดผักของพันธุ์นั้น ๆ ด้วย

ถึงอย่างไรการที่ปลูกผักออกมาได้ย่อมหมายความว่ามีเมล็ดของพันธุ์นั้น ๆ

“แต่…ต้องไปหาที่ใดกัน?”

หลังจากนั้น สือเฟิงก็คิ้วขมวดในบัดดล

สิ่งที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์โบราณเล่มนี้มีจำกัด จารึกไว้เพียงข่าวลือที่เกี่ยวกับจักรพรรดิอ้วนท่อนเดียว ส่วนบันทึกเกี่ยวกับประวัติก่อนหลังของจักรพรรดิอ้วนนั้นไม่มีเลย

สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ข่าวลือเป็นเรื่องจริง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องไปหาจากที่ใด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท