ตอนที่กิเลนอัคคีผลักประตูเข้ามา มันก็เห็นเหตุการณ์นั้นพอดี
มันแทบไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น
นอกจากกิเลนอัคคีแล้ว จะมีใครกล้าเข้าใกล้นายท่านของมันตอนที่กำลังโกรธจัดอีกเล่า
กิเลนอัคคีตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะปิดประตูลงอย่างเงียบๆ
จากนั้น มันก็พรางตัวและยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มือพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น และตั้งใจที่จะลุกขึ้นยืน
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรั้งตัวนางกลับมา เขาพูดเสียงเบา “เจ้าลุกขึ้นได้ แล้วข้าเล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เข้าใจในความหมายของเขา นางจึงขมวดคิ้วทรงสวยของตนเอง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชี้นิ้วเรียวยาวไปที่แขนของตนเอง
ตอนนั้นเองเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ตระหนักได้ว่าตอนที่กระโจนตัวเข้าไปอย่างไม่ระมัดระวังก่อนหน้านี้ ทำให้องค์ชายสามบาดเจ็บ “เอ่อ เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้ท่านเอง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าสิ่งที่นางทำบ่อยที่สุดทุกครั้งที่เจอไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคือทำแผลให้เขา
อย่างไรก็ตาม…
“ยกนิ้วขึ้นมา…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินคำสั่งที่เรียบเฉยนั้น และไม่เข้าใจว่าทำไมองค์ชายท่านนี้ถึงต้องการจะทำแผลให้นางแทน นิ้วของนางมีเพียงแผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ว่า…
องค์ชายสามจะใช้เวลาพันผ้าทำแผลอีกนานเพียงใดกันเล่า
งานประมูลอาวุธก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว แต่องค์ชายสามยังคงสู้รบกับผ้าทำแผลอยู่เลย คิ้วเรียวยาวของเขาขมวดเล็กน้อย และรู้สึกคลางแคลงใจกับความเฉลียวฉลาดของตนเอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยอยากจะพูดว่า “วางมันลง แล้วปล่อยข้าไปเถอะ”
แต่นางก็กลัวว่าหากพูดตรงๆ จะทำให้องค์ชายสามคิดว่านางกำลังเย้ยหยันสติปัญญาของเขาอยู่
ซึ่งไม่ใช่ความจริงเลย
เป็นสติปัญญาของนางต่างหากที่มักจะถูกเย้ยหยัน
ในที่สุด องค์ชายสามก็สามารถพันผ้าเป็นรูปทรงที่ไม่น่าเกลียดเกินไปได้สำเร็จ เขาเม้มริมฝีปากบางของตนเองเล็กน้อย “ปกติเจ้าใช้ผ้าบางเช่นนี้ทำแผลให้ข้าเช่นนั้นหรือ มันไม่ค่อยถนัดนัก”
เฮ่อเหลียนเวยเวย: … เชื่อข้าเถอะว่ามันไม่เกี่ยวกับชนิดของผ้าหรอก มันเป็นปัญหาจากตัวท่านเองล้วนๆ!
“องค์ชายไม่เคยพันแผลให้ใครมาก่อนเลยหรือ”
“อืม”
“แล้ว… ถ้าท่านได้รับบาดเจ็บจากการฝึกปราณ คนอื่นก็เป็นคนทำแผลให้ท่านเช่นนั้นหรือ”
“เปล่า ตอนที่บาดเจ็บ ก็แค่เจ็บไปเท่านั้น”
แทบจะทันทีที่เฮ่อเหลียนเวยเวยได้ฟังน้ำเสียงที่เฉยเมยขององค์ชายสาม ภาพลักษณ์อันเรียบเฉยและหล่อเหลาขององค์ชายก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของหญิงสาว หน้าผากของเขายังคงมีเลือดไหล แต่เขากลับไม่แม้แต่จะกะพริบตาและดูสงบ เขาใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีผู้ใดเคียงข้าง แต่เขาก็ยังมีพลังอันแข็งแกร่งจนสามารถครอบครองท้องฟ้าได้
เขาเหงาหรือไม่
แน่นอนอยู่แล้ว
เพราะเขาเกิดในตระกูลราชวงศ์ จึงถูกลิขิตให้ต้องระแวดระวังภัยจากแผนการร้ายต่างๆ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้น เขาจึงดูเหมือนไม่สามารถเข้ากับโลกนี้ได้
มันอาจจะดูเกินจริงไปหน่อย…
“ลุกขึ้น และเดินไปมาสองรอบ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ
เฮ่อเหลียนเวยเวยพ่นลมหายใจแรง และเดินไปมาสองรอบตามคำสั่ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยวางผ้าในมือลง “มันดูไม่เลวเลย”
เฮ่อเหลียเวยเวยต้องการที่จะตอบโต้
แต่นางก็ได้ยินไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ขอโทษ”
ในตอนแรก นางคิดว่าตนเองได้ยินผิดไป เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้าไปทางด้านข้าง และเห็นว่าเขากำลังจับมือซ้ายของนางอยู่ นางเห็นเพียงแค่เค้าโครงใบหน้าของเขาจางๆ เท่านั้น
คนบางคนดูเย็นชาที่เปลือกนอก แต่จริงๆ แล้วภายในใจกลับอ่อนโยนและอบอุ่น และนั่นคือท่าน องค์ชายสาม
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มให้เขา ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงระฆังแรกก็ดังขึ้นจากด้านนอกประตู
ดูเหมือนว่าสถานการณ์วุ่นวายก่อนหน้านี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานประมูลเลย
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพรสวรรค์เรื่องการวางแผนกลยุทธ์ในการตัดสินใจและบริหารจัดการของเฮยเจ๋อที่มีมาแต่กำเนิด รวมถึงการฝึกฝนพนักงานอย่างดีของเวยเจ๋อด้วยเช่นกัน
แม้ว่ากลุ่มผู้ชมจะยังคงรู้สึกสงสัย แต่พวกเขาก็ยังสนใจเหล่าอาวุธที่กำลังจะปรากฏบนเวทีด้วยเช่นกัน
ในห้องที่สว่างไสวและตกแต่งสวยงามนั้น มีพัดแบบรวบเก็บได้พร้อมกับพลังทำลายล้างสูงปรากฏขึ้น
เฉินอีเฟิงอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ เขาไม่อยากเชื่อสายตาของตนเองเลยว่าจะมีอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตเช่นนี้ หากใครได้ครอบครองอาวุธชิ้นนี้ ก็จะต้องดูโดดเด่นสะดุดตาอย่างแน่นอน
เฮยเจ๋อเองก็ชื่นชอบอาวุธชิ้นนี้อย่างมาก เขาต้องการที่จะมอบมันเป็นของขวัญให้กับหญิงสาวไร้เดียงสาคนนั้น เขารู้สึกเสียดายที่ท่านพ่อของตนกักบริเวณเขาไว้ ทำให้เขาไม่ได้เห็นอาวุธชิ้นนี้ก่อนการประมูล
แต่มันก็ไม่สำคัญ เพราะเขาสามารถได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่งของราคาประมูล
“เราจะเริ่มประมูลด้วยเงินห้าแสนตำลึงขอรับ!” โฆษกงานประมูลเคาะค้อนขนาดเล็ก
ทันใดนั้น ก็มีใครบางคนยกมือขึ้น
“แขกท่านนี้ให้อีกห้าสิบตำลึง! มีท่านใดต้องการจะประมูลให้สูงกว่านี้บ้างขอรับ”
“ห้าแสนหนึ่งพันตำลึง!”
“ห้าแสนหนึ่งหมื่นสองพันตำลึง! มีใครให้สูงกว่านี้อีกหรือไม่”
“หกแสนตำลึง!”
“เจ็ดแสนตำลึง!”
หลังจากที่เฮยเจ๋อเสนอราคาประมูลที่เจ็ดแสนตำลึง ก็ไม่มีใครสู้ราคาอีก เพราะแม้ว่าอาวุธชิ้นนี้จะมีคุณภาพดี แต่พวกเขาก็ต้องพิจารณาถึงเรื่องราคาด้วย
อาวุธที่คุณชายอู๋ซวงสร้างด้วยมือของตนเองนั้น ยังมีราคาไม่ถึงหนึ่งล้านตำลึงเลยด้วยซ้ำ
“เจ็ดแสนตำลึงครั้งที่หนึ่ง! เจ็ดแสนตำลึงครั้งที่สอง!”
“หนึ่งล้านตำลึง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินออกไปข้างหน้าอย่างผ่อนคลาย ดวงตาของเขาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง
หนึ่งล้านตำลึงหรือ
ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง จำนวนเงินนั้นเพียงพอที่จะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ได้เลยทีเดียว!
อาวุธชิ้นนี้คุ้มค่ากับเงินจำนวนมากขนาดนี้เลยหรือ
เมื่อเฮยเจ๋อเห็นว่าผู้เสนอราคาประมูลนี้คือไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายตั้งใจจะฉกอาวุธชิ้นนี้ไปจากเขาเช่นนั้นหรือ
“หนึ่งล้านหนึ่งแสนตำลึง” เฮยเจ๋อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปัดแขนเสื้อตัวเอง “สองล้านตำลึง”
ทันใดนั้น เฮยเจ๋อก็รู้สึกได้ทันทีว่าเลือดพุ่งไปที่ศีรษะของเขา “ข้าขอประมูลที่สามล้านตำลึง!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วและมองเฮยเจ๋อ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ
โฆษกงานประมูลเริ่มนับเพื่อปิดการประมูล “สามล้านตำลึงครั้งที่หนึ่ง!”
เฮยเจ๋อจ้องไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างดุดัน แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะแสดงปฏิกิริยาใดๆ เลย
โฆษกงานประมูลนับต่อ “สามล้านตำลึงครั้งที่สอง!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วทันที เขาจงใจเสนอราคาประมูลนี้มาตั้งแต่แรกหรือ
แต่เฮยเจ๋อรู้สึกตื่นเต้นกับชัยชนะที่ยากลำบากครั้งนี้ เขาหันหน้ามาทางเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างภาคภูมิใจ และพูดพลางหัวเราะไปด้วย “พี่ชายของเจ้าคนนี้สุดยอดมาก! ข้ากำราบองค์ชายสามได้แล้ว”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองเขาและพูดอย่างแผ่วเบา “เจ้ามีเงินหรือ”
เฮยเจ๋อตัวแข็งเป็นหินทันที
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดต่ออย่างเชื่องช้าและไม่รีบร้อน “มีคนพูดกันว่าคุณชายเฮยถังแตก ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วเจ้าจะชำระเงินในการประมูลนี้ได้อย่างไรกัน”
ตอนนั้นเองที่เฮยเจ๋อเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาตกหลุมพรางขององค์ชายท่านนี้อย่างจัง
เวยเจ๋อไม่เคยให้ใครซื้อของโดยติดค้างเงินไว้ก่อน ไม่เว้นแม้แต่เฮยเจ๋อ!
แล้วจะทำอย่างไรต่อเล่า! เขาติดกับจนดิ้นไม่หลุด
“สามล้านตำลึงครั้งที่สาม! ปิดการขาย!”
บ้าเอ๊ย!
เฮยเจ๋อสบถอย่างเดือดดาล!
เขาต้องฝืนกัดลิ้นทำสิ่งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาของเพื่อนคนนี้บูดเบี้ยวอย่างเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจยาว มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
เขาไม่มีทางเลือกอื่น
เฮยเจ๋อทำได้เพียงต้องบังคับตัวเองให้ไปขอน่าหลานหงเย่มาช่วยจ่ายเงินค่าอาวุธชิ้นนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาซื้ออาวุธโดยใช้เงินของผู้หญิงต่อหน้าทุกคน!
องค์ชายคนนี้มีเจตนาที่ไม่ดี!
แต่อาวุธอีกสี่ชิ้นถัดมานั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เป็นคนที่เสนอราคาประมูลสูงสุดทั้งหมด และมอบอาวุธทุกชิ้นเป็นของขวัญให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย
นั่นทำให้เฮยเจ๋อยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าตอนนี้องค์ชายจงใจที่จะสร้างปัญหาให้เขา
เพียงแต่ทำไมเขาถึงต้องทำเช่นนั้นด้วยเล่า
หรือเป็นเพราะ…เวยเวยเช่นนั้นหรือ