หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 847 เหยื่อล่อ!

บทที่ 847 เหยื่อล่อ!

โลกนี้แทบไม่ต่างอะไรกับโลกภายนอก ท้องฟ้าสีคราม ผืนดินปกคลุมไปด้วยพืชพรรณ หญ้าและต้นไม้ใหญ่น้อยสดใสเขียวขจี ห่างออกไปมีทิวเขาที่ทอดยาวทาบทับเส้นขอบฟ้า อากาศก็เต็มเปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณเข้มข้น

ที่นี่ดูไม่เหมือนสุสานหลวงแม้แต่น้อย สายลมอ่อนๆ นำพาเสียงนกร้องและกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ นกกระสาฝูงใหญ่โผบินผ่านท้องฟ้าอยู่เนืองๆ มีเทพธิดาสะสวยนั่งอยู่บนหลังนกกระสา พวกนางก้มหน้าลงมองหวังเป่าเล่ออย่างฉงนสงสัย

หากเป็นผู้ฝึกตนคนอื่นที่ได้มาเห็นภาพดังกล่าว ก็คงไม่อาจสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติได้แม้จะมีระดับปราณสูงกว่าหวังเป่าเล่อและอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์แล้วก็ตาม แต่หวังเป่าเล่อนั้นแตกต่างออกไป ประกายประหลาดฉายวาบอยู่ในดวงตาของชายหนุ่มขณะที่เขาหรี่ตาลง

ในประกายประหลาดนั้นมีร่องรอยของเปลวไฟสีดำอยู่ด้วย มันไหลเข้ามาท่วมดวงตาของชายหนุ่ม ก่อนที่โลกตรงหน้าจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของสถานที่แห่งนี้!

ท้องฟ้าไม่ได้เป็นสีคราม แต่กลับแดงฉาน!

พื้นดินไม่ได้ปกคลุมไปด้วยพืชเขียวชอุ่ม ทุกสิ่งนั้นเหี่ยวเฉาตายไปหมดแล้ว สิ่งที่ดูคล้ายภูเขานั้น…แท้จริงแล้วเป็นกองกระดูกขนาดมโหฬาร นกกระสาที่โบยบินอยู่บนฟ้าจริงๆ แล้วเป็นวิญญาณน่าสะพรึงกลัว และเทพธิดา…ก็คือหนอนน่ารังเกียจ!

ปราณวิญญาณเข้มข้นเมื่อครู่…ไม่ใช่ปราณวิญญาณแต่อย่างใด แต่กลับเป็นรัศมีแห่งความตายอันแรงกล้า ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่นั้นไม่ได้ว่างเปล่า หากแต่เต็มไปด้วยกองทัพผีดิบนับล้าน ดวงตาของบรรดาทหารผีทั้งเย็นเยือกและไร้อารมณ์ขณะที่พวกมันยืนเรียงกันเป็นแถวเรียบร้อย อาจกล่าวได้ว่าเป็นภาพที่งดงามมากทีเดียว

บนท้องฟ้าเหนือภูเขากองกระดูกมีพระราชวังกว้างใหญ่ วังนั้นเป็นสีม่วงและมรกต มองเห็นบังลังก์หรูหราทั้งสิบสามตั้งอยู่ภายใน!

บังลังก์สิบสองจากสิบสามบัลลังก์เรียงกันอยู่เป็นสองแถว บัลลังก์สุดท้ายตั้งอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของวัง มันอยู่เหนือบัลลังก์อื่นๆ อีกทั้งยังใหญ่และอลังการกว่าบังลังก์อื่นๆ มากนัก

มีคนนั่งอยู่บนลังลังก์ทุกบัลลังก์ บัลลังก์ทั้งสิบสองมีชายชรานั่งอยู่ แม้ใบหน้าจะแตกต่างกันแต่ก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันบางประการ นัยน์ตาของทุกคนส่องประกายด้วยอำนาจ ขณะที่ใบหน้าต่างสุขุมและไร้อารมณ์ ทุกคนสวมเสื้อคลุมสีเหลืองและมีมงกุฎบนศีรษะ ต่างก็จับจ้องอย่างเฉยเมยมายังทิศทางที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่

ในส่วนที่ลึกที่สุดของวัง บนบัลลังก์สุดท้าย…มีร่างสูงซึ่งกระจายพลังและอำนาจที่ยิ่งใหญ่ราวกับว่าจะสามารถพลิกแผ่นดินได้ออกมา มีบางอย่างเกี่ยวกับร่างนี้ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ใบหน้าของเขาว่างเปล่า!

สีหน้าแปลกแปร่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อเมื่อชายหนุ่มรู้ว่าเขากำลังจ้องมองสิ่งใดอยู่ แต่ก่อนที่จะได้ทำสิ่งใด จักรพรรดิไร้หน้าผู้ยิ่งใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมา

แม้จะไม่มีเครื่องหน้า หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมาทางตน

สายตาของจักรพรรดิให้ความรู้สึกรุนแรงราวกับถูกโจมตีทางกายภาพ หวังเป่าเล่อตัวสั่นเมื่อดวงตาคู่นั้นหันมาจ้องมองเขา วิชาดวงเนตรปีศาจภายในกายตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างสุดจะควบคุม และดวงตาสีดำขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลัง

ดวงตานั้นมีขนาดใหญ่ร่วมสามร้อยเมตร และการปรากฏตัวของมันปลดปล่อยพลังงานมหาศาลที่เข้าไปปะทะกับพลังจากการจ้องมองของจักรพรรดิไร้หน้าทันที มีเสียงหัวเราะอย่างตื่นเต้นปะทุขึ้นมาจากดวงเนตรปีศาจภายในกายของหวังเป่าเล่อ

“หวังเป่าเล่อ ข้าขอขอบใจเจ้าที่พาข้ากลับมาจากสภาพใกล้ตายและให้โอกาสข้าได้มีชีวิตอีกครั้ง!” ขณะที่เสียงหัวเราะนั้นสะท้อนก้องไปในอากาศ เงาร่างของชายชราก็ปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำขนาดมหึมา พลางแผ่เอาพลังรุนแรงออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ชายชราก้าวออกมาจากดวงตาสีดำไปยืนอยู่บนท้องฟ้า

แม้ว่ากายของเขาจะเป็นดูเหมือนเป็นร่างมายา แต่ก็แผ่พลังที่ดูเหมือนจะประสานกับโลกนี้ได้อย่างไร้ที่ติ พลังนั้นรุนแรงราวกับว่าจะสามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เรียกลม และส่งก้อนเมฆให้เคลื่อนถอยหลังไปได้ คลื่นกดดันน่าสะพรึงไหลบ่าท่วมผืนดิน

“ท่านพูดจบหรือยัง จักรพรรดิองค์แรกแห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ข้ารู้ดีว่าคนแก่เช่นท่านชอบพูดเยิ่นเย้อ” หวังเป่าเล่อไม่อาจแสร้งทำเป็นตื่นตกใจกับการปรากฏตัวของจักรพรรดิได้ สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยขณะเอียงศีรษะมองชายชรา

“ท่านจะมาสิงร่างข้าตอนนี้เลยหรือไม่เล่า คงจะยากสักหน่อยนะกับสภาพของท่านตอนนี้ หากเป็นเช่นนี้…แล้วไพ่ตายของท่านคืออะไรเล่า อะไรทำให้ท่านมั่นใจนักว่าท่านจะทำสำเร็จ” ขณะที่พูดไป หวังเป่าเล่อก็เข้าใจว่าโอกาสที่เซี่ยไห่หยางพูดถึงคือสิ่งใด

เป็นไปได้มากว่า…โอกาสนั้นจะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิองค์แรก ในเมื่อเขาสามารถทำการค้ากับสามฝ่ายได้พร้อมๆ กัน เขาต้องรู้แน่ว่าจักรพรรดิองค์แรกต้องการจะสิงร่างข้าเพื่อชุบชีวิตตนเอง โอกาสของข้าต้องเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิองค์แรกอย่างแน่นอน ข้ามั่นใจ!

เซี่ยไห่หยางอาจจะหลอกข้า แต่ก็คงไม่อยากจะให้ข้าตาย หากเป็นเช่นนั้น เขามั่นใจได้อย่างไรว่าการพยายามสิงร่างจะล้มเหลวและจักรพรรดิพองค์แรกจะกลายมาเป็นพลังงานให้กับการฝึกปราณและส่งให้ข้าบรรลุขั้นได้ บางทีเซี่ยไห่หยางอาจจะวางแผนให้ข้าเข้ามาที่นี่ แล้วจ่ายเงินให้เขาช่วยเหลือก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้น ก็แปลว่าเซี่ยไห่หยางไม่เชื่อว่าข้าจะทำสำเร็จได้ด้วยตนเอง…มีสองทางเท่านั้นที่เขาจะสรุปเช่นนั้นได้ หากเขาไม่รู้ว่าข้ามาจากสำนักแห่งความมืด…ก็ต้องมีบางอย่างผิดปรกติเกี่ยวกับผีแก่ตนนี้!

ขณะที่สมองของหวังเป่าเล่อกำลังทำงานอย่างหนัก จักรพรรดิองค์แรกก็หรี่ตาก่อนจะยิ้มหยัน

“เพื่อเป็นการขอบคุณ ข้าจะสิงร่างเจ้าและใช้ชีวิตแทนเจ้าให้เอง!” เมื่อพูดจบ ผีชราก็ยกมือขวาขึ้นก่อนจะวาดมือผ่านอากาศ

รัศมีของเขาปะทุขึ้นมาในบัดดล และทันใดนั้น กองทัพผีดิบนับล้านที่ยืนนิ่งสนิทอยู่ในทุ่งตรงหน้าของหวังเป่าเล่อก็ตัวสั่น ความเยือกเย็นในแววตาของพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่ง พวกมันทรุดตัวลงคุกเข่าทันที

การได้เห็นกองทัพนับล้านทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกันให้ความรู้สึกคล้ายกับการได้เห็นคลื่นแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง เรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือสิ่งที่ตามมาต่อจากนั้น ขณะที่กองทัพผีดิบทรุดตัวลงคุกเข่า พวกมันก็เปิดปากพูดออกมาพร้อมกัน!

“ยินดีต้อนรับกลับสู่วัง ท่านจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!”

ทันทีที่เสียงนั้นดังออกไป ดวงไฟวิญญาณจำนวนก็ลอยออกมาจากศีรษะของทหารนับล้าน ตรงไปยัง…ชายชราที่กำลังเดินออกจากดวงเนตรปีศาจ จักรพรรดิองค์แรกแห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์!

ประกายกล้าสะท้อนออกมาจากดวงตาของหวังเป่าเล่อขณะที่เขาจ้องมองฉากตรงหน้า ความรู้สึกชั่งใจผุดขึ้นมาในศีรษะของชายหนุ่ม

เจ้าผีแก่นี่รู้หรือไม่ว่าข้ามาจากสำนักแห่งความมืด

หวังเป่าเล่อเป็นบุตรแห่งความมืดจากสำนักแห่งความมืด หากต้องการ เขาสามารถยึดและกินพลังของวิญญาณเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาชั่งใจ มีประกายเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็นสะท้อนอยู่ในแววตา ชายหนุ่มมีสีหน้าอวดดีขึ้นมาก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ข้าไม่รู้เลยว่าเหตุใดสำนักแห่งความมืดถึงได้ยุ่งกับวิชาดวงเนตรสวรรค์แต่ปล่อยท่านเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าท่านจะไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร…”

“วิชาแห่งศาสตร์มืด เรียกวิญญาณ!” ทันทีที่หวังเป่าเล่อพูดจบ เขาก็ยกมือขวาขึ้น เปลวไฟสีดำปะทุขึ้นมาในดวงตาของชายหนุ่ม รัศมีเก่าแก่ที่มาจากเปลวไฟสีดำเริ่มแผ่ออกมาจากกาย ทำให้โลกสั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของจักรพรรดิองค์แรกแสดงอารมณ์อย่างรุนแรง ปราณวิญญาณจากดวงวิญญาณคนตายนับล้านที่พุ่งไปหาชายชราก่อนหน้านี้หักเลี้ยวอย่างรวดเร็วตรงหน้าเขา…และพุ่งใส่หวังเป่าเล่อแทน!

“เป็นไปไม่ได้! ผู้สืบทอดบังลังก์กลับมาแล้ว!” ใบหน้าของจักรพรรดิองค์แรกตอนนี้แสดงความตกตะลึง และมีความตื่นตระหนกอยู่ในแววตา ดูเหมือนว่ากำลังวิตกกังวลอย่างหนัก เขารีบยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังพระราชวังบนท้องฟ้า

จักรพรรดิทั้งสิบสอง เว้นไว้เพียงจักรพรรดิไร้หน้าต่างก็ตัวสั่นก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน พวกเขาหันไปหาหวังเป่าเล่อและจักรพรรดิพระองค์แรกก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่า

“ยินดีต้อนรับกลับสู่วัง ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่!”

ปราณวิญญาณอันแข็งแกร่งปะทุออกมาจากร่างของจักรพรรดิทั้งสิบสองขณะที่เสียงของพวกเขาดังลั่นสะท้อนไปในอากาศ ปราณวิญญาณนั้นแปรสภาพเป็นมังกรวิญญาณทั้งสิบสองตัวและพุ่งออกจากวัง มุ่งหน้าไปหาจักรพรรดิองค์แรกทันที พวกเขาต้องการขัดขวางหวังเป่าเล่อจากการดึงปราณวิญญาณคนตายนับล้านไป!

ปราณจากวิญญาณคนตายและปราณจากวิญญาณจักรพรรดิเต็มแน่นท่วมอากาศ ในฐานะสมาชิกสำนักแห่งความมืด หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ว่าคลื่นพลังในอากาศตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใด หากเขารวบรวมปราณเหล่านี้เข้ากับกายตนเอง และย่อยปราณทั้งหมดไปเรื่อยๆ ระดับปราณของเขาจะต้องพุ่งทะยาน บรรลุจากขั้นเชื่อมวิญญาณไปสู่ขั้นจิตวิญญาณอมตะได้แน่นอน อันที่จริงแล้ว การบรรลุขั้นอาจไม่หยุดอยู่เพียงขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นเท่านั้น อาจทะลุไปถึงชั้นกลางเลยก็เป็นได้!

ช่างยั่วยวนใจอะไรอย่างนี้…ความชั่งใจและความปรารถนาต่างต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในใจของหวังเป่าเล่อ

………………………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท