พอเช้ามา ชาวอำเภอชิงเหอก็ได้ยินเรื่องนี้ เมื่อคืนเหลียงจื่อเหวินตระกูลเหลียงสั่งลูกน้องวางเพลิงบ้านเซี่ยซิ่วไฉ ถูกมือปราบจ้าวนำคนจับตัวไว้ได้ นายอำเภอหูรับคดีแล้วก็สอบสวนไปเมื่อคืน ลูกน้องรับสารภาพ นายอำเภอหูมีคำสั่งจับตัวเหลียงจื่อเหวิน
ชาวบ้านพอรู้ข่าวต่างปรบมือยินดีปรีดา เหลียงจื่อเหวินทำตัวกร่างในอำเภอชิงเหอ รังแกผู้ชายข่มเหงผู้หญิง ตอนนี้ถูกจับไปก็สมน้ำหน้า
นายอำเภอหูสอบปากคำเหลียงจื่อเหวิน เหลียงจื่อเหวินยอมรับว่าตนเองบงการคนไปทำเรื่องเช่นนั้นจริง แต่เขาคิดว่า แม้ลูกน้องวางเพลิงบ้านตระกูลเซี่ย แต่ตระกูลเซี่ยไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย เขาย่อมโดนโทษไม่หนัก
แต่ตอนเหลียงจื่อเหวินเพิ่งรับสารภาพ นอกประตูที่ว่าการอำเภอก็มีหลายคนพุ่งเข้ามาฟ้องเหลียงจื่อ เหวิน
ณ บ้านตระกูลเซี่ย ลู่เจียวไม่รู้เรื่องพวกนี้ นางกำลังปลอบใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อยู่
“เอาละ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ลูกรักอย่าได้เป็นห่วง”
แม้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จิตใจวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวมาก เพราะลู่เจียวอยู่กับพวกเขา พวกเขาสบายใจ ไม่รู้สึกกลัว
“ท่านแม่ พวกเราไม่กลัว”
ต้าเป่าเม้มปากส่ายหน้าถามลู่เจียว “ท่านแม่มีคนเลวจ้องเอาเรื่องบ้านเราอีกแล้วใช่ไหม”
ต้าเป่ากล่าวจบ เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่าก็หันไปมองลู่เจียว
ลู่เจียวเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองนางอย่างเป็นกังวล ในใจก็ตัดสินแล้วว่าจะต้องรีบกำจัดสี่ตระกูลใหญ่อำเภอชิงเหอให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นปล่อยคาราคาซังไปเช่นนี้ รังแต่จะทำให้เด็กๆ เป็นกังวล
“อืม ความจริงก็บรรดาคนเลวที่จับตัวเอ้อร์เป่าไปก่อนหน้านี้กลุ่มนั้น แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง แม่กับท่านพ่อเจ้าจะต้องหาทางจัดการพวกเขาได้แน่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้าใจทันที ระยะนี้ที่ลู่เจียวอยู่แต่ในบ้านตระกูลเซี่ย เพราะท่านแม่เป็นห่วงพวกเขา จึงอยู่คอยดูแลพวกเขาหรือ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกเบิกบานใจ มองลู่เจียวเอ่ยรับรองว่า “ท่านแม่วางใจ พวกเราไม่ออกไป”
ต้าเป่าคิดถึงครั้งก่อนที่เอ้อร์เป่าถูกจับตัวไป เพราะคนรับใช้ตระกูลหันถูกซื้อตัว เขารีบมองลู่เจียวเสนอว่า “ท่านแม่ พวกเราให้ท่านน้าไปแจ้งพวกท่านลุงจ้าว ท่านอาหัน อย่าเพิ่งส่งจ้าวอวี้หลัวกับพวกหันตงเซิ่งมา”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้”
แม่ลูกกำลังคุยกันอยู่ในห้อง ประตูใหญ่พลันมีเสียงตบประตูดังเร่งร้อนใจยิ่ง
ลู่เจียวชะงักทันที ลุกขึ้นเดินไปมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสัญชาตญาณ
ตอนนี้พวกนางนอนอยู่ในห้องแถวริมประตูหน้า ดังนั้นมองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเป็นสถานการณ์ตรงประตูใหญ่
หน้าประตูใหญ่บ้านตระกูลเซี่ย ยามนี้มีรถม้ามาจอดสองคัน มีผู้หญิงลงมาจากรถม้าหลายคน คนที่นำมาเป็นสตรีวัยกลางคนกับสาวน้อย ก็คืออู่เหนียงจื่อมารดาเหลียงจื่อเหวินกับเหลียงหรูน้องสาวเขา
ทั้งสองคนพาสาวใช้และผอจื่อมาเคาะเรียกตรงประตูใหญ่บ้านตระกูลเซี่ย
ลู่เจียวมองทั้งสองคนหน้าประตูอย่างรู้สึกไม่เป็นมิตร
สองคนนี้มาหาพวกนางถึงตระกูลเซี่ยทำไมกัน เหลียงจื่อเหวินถูกจับหรือ
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ นอกประตูก็มีเสียงท่านอาเหวินดังเข้ามา “เหนียงจื่อ มารดากับน้องสาวเหลียงจื่อ เหวินต้องการขอพบเหนียงจื่อ”
ลู่เจียวไม่อยากพบคนตระกูลเหลียง จึงสั่งการออกไปทันทีว่า “ไม่พบ ให้พวกนางไสหัวไป”
ตระกูลเหลียงไม่มีคนดี ไม่สิ คนตระกูลใหญ่ทั้งสี่ล้วนไม่มีคนดี
ตาเฒ่าเหวินได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็หันกลับออกไปบอกคนตระกูลเหลียง
ผู้ใดจะรู้ว่ามารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวินไม่ยอมไป ลงคุกเข่าหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ยร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมาทันที
“ลู่เหนียงจื่อ ขอเจ้าโปรดละเว้นจื่อเหวินด้วย เขาอายุยังน้อย จึงได้ทำเรื่องผิดไป ขอเจ้าปล่อยเขาไปสักครั้ง”
“ลู่เหนียงจื่อ พี่ชายข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงได้ทำเรื่องเหลวไหลเลอะเลือนออกไปได้ ขอลู่เหนียงจื่อ ปล่อยเขาไปด้วย คนในอำเภอชิงเหอต่างบอกว่าลู่เหนียงจื่อเป็นผู้มีคุณธรรมยิ่งใหญ่และเมตตาอารี หากลู่เหนียงจื่อเมตตาอารีจริง ก็ไปที่ว่าการอำเภอกับพวกเราด้วย ไปบอกว่าเจ้ายอมปล่อยพี่ชายข้าไป”
น้องสาวเหลียงจื่อเหวินกล่าววาจาได้คล่องแคล่วไม่เลว รู้จักพูดจาไม่น้อย
ลู่เจียวในห้องแค่นหัวเราะเย็นเยียบ หันไปบอกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่า “แม่ไปดูสักหน่อย พวกเจ้าตามพี่เฝิงจือไปอาบน้ำที่เรือนด้านหลังก่อน ดีไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองนางอย่างเป็นห่วง “ท่านแม่ พวกเราไปกับท่านแม่”
“ใช่ พวกเราไปกับท่านแม่”
ลู่เจียวยิ้มโบกมือ “วางใจเถิด แม่ร้ายกาจมาก พวกเจ้าไปแปรงฟันล้างหน้าที่เรือนด้านหลัง แม่จะได้ไปกินอาหารเช้ากับพวกเจ้า”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นลู่เจียวยิ้มเบิกบาน แต่ในใจก็ยังคงเป็นห่วง
“ได้ขอรับ”
ลู่เจียวตามเฝิงจือเข้ามาพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปแปรงฟันล้างหน้าที่เรือนด้านหลัง นางพาหร่วนจู๋ออกไปหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ย
ยามนี้หน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ยมีเพื่อนบ้านมายืนออดูกันไม่น้อย บรรดาเพื่อนบ้านพากันซุบซิบว่ากล่าวคนตระกูลเหลียงว่าไม่ดี
แต่ในนั้นมีคนสองคนที่กำลังรู้สึกยินดีกับหายนะของผู้อื่น
“เหอะๆ ครอบครัวพวกเขาคงไม่ใช่คนดีอะไร”
“ใช่ ครอบครัวผู้อื่นไม่เห็นเป็นอะไร มีแต่ครอบครัวพวกเขามีเรื่องไม่หยุด เมื่อวานบ้านพวกเรายังเกือบโดนเผาไปด้วย”
คนที่กล่าววาจานี้ก็คือยายเฒ่ากับสะใภ้บ้านตระกูลซูข้างบ้าน
หลูเหนียงจื่อภรรยามือปราบจ้าวหันไปถลึงตามใส่ยายเฒ่ากับสะใภ้บ้านตระกูลซูทันที
“พวกเจ้าหุบปาก เมื่อคืนครอบครัวอวิ๋นจิ่นเกือบโดนวางเพลิง พวกเจ้ายังพูดจาเหมือนยินดีกับหายนะผู้อื่นเช่นนี้ ยังเป็นคนอยู่อีกหรือ”
ท่านย่าหลิวสบถเสียงดังใส่ทันที “ปากคนเราควรสะสมคุณธรรมไว้บ้าง ไม่แน่วันไหนอาจโดนสวรรค์ลงโทษ ทำเอาสะใภ้หนีไปยังไม่รู้จักทำตัวให้ดี ยังคิดจะทำอะไรอีก ความผิดบาปพวกเจ้าไม่ใช่ว่าไม่มีกรรมตามสนอง เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาสนองเท่านั้น”
“หากพวกเจ้าว่าเจียวเจียวไม่ดีอีก ดูซิว่ายายแก่อย่างข้าจะฉีกปากพวกเจ้าไหม ตัวเองไร้คุณธรรมยังไม่รู้ตัวอีกหรือ”
ยายเฒ่าซูกับสะใภ้บ้านตระกูลซูถูกโต้กลับก็พากันเดินหลบหายไป
ทุกคนหันไปมองมารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวินหน้าประตูตระกูลเซี่ย “บุตรชายพวกเจ้าทำเรื่องเลวร้ายต่ำช้า ยังมีหน้ามาขอร้อง พวกเจ้าช่างหน้าไม่อายจริงๆ”
“ใช่ อบรมเลี้ยงดูบุตรชายจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ออกมาได้ พวกเจ้าก็ย่อมเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมเช่นกัน”
ชาวอำเภอชิงเหอไม่มีผู้ใดไม่รังเกียจคนสี่ตระกูลใหญ่ ก่อนหน้านี้ราคาสินค้าอำเภอชิงเหอก็ถูกดึงราคาให้สูง โชคดีนายอำเภอหูจัดตั้งสมาคมการค้าลดราคาสินค้าลงมาได้
พอทุกคนเอ่ยถึงตระกูลจาง เหลียง เฉาและวัง ต่างก็พากันโกรธแค้น แทบจะถ่มน้ำลายใส่พวกเขา
มารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวินเดิมคิดอาศัยปากผู้อื่นบีบลู่เจียวให้ปล่อยเหลียงจื่อเหวิน คิดไม่ถึงว่าตนเองถูกทุกคนโกรธแค้นใส่แทน ทั้งสองคนทั้งโมโหทั้งเป็นห่วงคนของตน สุดท้ายได้แต่ร้องไห้ไปคร่ำครวญไปอยู่ที่หน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ย
“ข้าไม่อยากมีชีวิตต่อไปอีกแล้ว วันนี้ไม่อาจมีชีวิตต่อไปแล้วจริงๆ พวกเราทำอะไรจึงทำให้พวกเจ้าทำกับพวกเราเช่นนี้”
“พวกเจ้าร่วมมือกันรังแกพวกเรา พวกเราไม่มีทางดำรงชีวิตต่อไปได้แล้ว”
สองแม่ลูกกำลังร้องไห้โวยวาย ลู่เจียวก็พาคนเดินมา
พอนางออกมา มารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวินก็บีบน้ำตาเปอระเปื้อนทั่วใบหน้า มองนางพลางขอร้องว่า
“ลู่เหนียงจื่อ ข้ารู้ว่าแต่ไรมาเจ้าเป็นคนดีมีเมตตา ขอเจ้าปล่อยลูกชายข้าไปเถอะนะ”
“ลู่เหนียงจื่อ ขอเจ้าปล่อยพี่ชายข้าไปเถอะ รอให้เขาออกมา พวกเราต้องให้เขาไปขอขมาพวกเจ้าที่ตระกูลเซี่ย ข้ารับรองว่าวันหน้าพี่ชายข้าจะไม่มาหาเรื่องพวกเจ้าอีก”