ผู้หญิงคนนี้เป็นเป้าหมายของการถูกพวกเขาหัวเราะเยาะเย้ยโดยแท้ เมื่อใดที่นางเห็นมู่หรงซื่อจื่อ ดวงตาของนางก็ไม่เคยที่จะละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้เลย โชคร้ายที่นางโตขึ้นมามีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเช่นนี้ ถ้าเขาไม่รู้ว่าในเวลานี้นางร่ำรวยเงินทอง และเป็นถึงนายหญิงของเวยเจ๋อ เขาก็คงไม่แม้แต่จะชายตาแลใบหน้าอัปลักษณ์ของนางเลยด้วยซ้ำ มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่าในตอนที่นางได้ยินเขาพููดเช่นนั้น นางคงจะรู้สึกปลาบปลื้มจนตกลงที่จะแต่งงานกับเขาอย่างยินดี เขาใช้อุบายนี้หลอกลวงผู้คนมามากมาย กระทั่งคุณหนูสามของคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ก็ยังมาตกลงปลงใจกับเขา แล้วนับประสาอะไรกับหญิงที่ถูกตระกูลตัวเองขับไล่ออกจากมาอย่างนางเล่า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มของชายหนุ่มก็ยิ่งกว้างขึ้น
เขายังไม่รู้ว่าภายใต้ความเยาว์วัย และการเสแสร้งแกล้งทำเป็นเด็กสาวผู้สิ้นหวังของเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้น แท้จริงแล้วจะเป็นราชินียอดนักรบ
ส่วนเรื่องการตกลงปลงใจกันระหว่างฮว๋ายหนานกับเฮ่อเหลียนเหมยนั้น นางย่อมไม่มีหลักฐานอย่างแน่นอน
“ตอนนี้เจ้าก็รู้ว่าข้าจำเจ้าไม่ได้แล้ว ทำไมเจ้าถึงยังไม่รีบกลับไปอีกล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา เหมือนแมวที่พร้อมจะกางกรงเล็บ
ใบหน้าของฮว๋ายหนานแข็งกระด้างขึ้น เขาคาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าจะได้รับการตอบกลับเช่นนั้น มันเหมือนกับการตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคนไม่มีผิด
ในเมื่อใช้วิธี ‘อ่อนโยนนุ่มนวลดุจสายน้ำ’ ไม่ได้ผล ฮว๋ายหนานก็เพียงแค่เยาะขึ้นว่า ”เจ้าบอกให้ข้ากลับหรือ คฤหาสน์ผู้พิทักษ์รับของหมั้นจากข้าไปแล้ว แต่ตอนนี้เจ้ากลับมาบอกให้ข้าไปจากที่นี่อย่างนั้นหรือ เจ้าเอาคำพูดของแม่สื่อไปไว้ที่ใดกัน”
คนที่อยู่ตรงนั้นมองหน้ากัน ตามหลักการแล้ว เมื่อได้รับของหมั้นไปแล้ว ก็หมายถึงตกลงยินยอม และทั้งสองจะต้องแต่งงานกัน มิฉะนั้นพวกเขาจะกลายเป็นที่ตำหนิของสังคมเอาได้
ในตอนแรกเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แต่แล้วนางก็จำได้ว่าองค์ชายสามเคยเปรยเรื่องชื่อเสียงกับนางมาก่อน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงข่มโทสะของตน และห้ามตัวเองไม่ให้ซัดหมัดเข้าใส่หน้าฮว๋ายหนานเท่านั้น
จะว่าไปแล้ว การสู่ขอนี้ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป นางเพิ่งจะเปิดเผยตัวตนออกไปได้ไม่ทันไร แล้วจู่ๆ ก็มีผู้ชายหน้าด้านพรรค์นี้ปรากฏตัวขึ้นมาทันที มิหนำซ้ำยังพูดว่าเขามอบของหมั้นให้นางไปแล้วอีกด้วย จะต้องมีใครบางคนจงใจอยากให้นางแต่งงานอย่างแน่นอน!
ส่วนเจ้าฮว๋ายหนานคนนี้ แม้จะมีหน้าตาหล่อเหลาราวกับหยก แต่เขาจะต้องเป็นคนเฮงซวยไม่ผิดแน่
หากนางแต่งงานกับเขา ไม่ใช่เพียงแค่เขาจะปฏิบัติกับนางไม่ดี แต่เขาอาจจะมีแผนการอื่นอยู่ในใจอีกก็ได้ ส่วนคนที่เป็นคนจัดการรับของหมั้นทั้งหมดไปล่วงหน้า และทำให้นางไม่มีโอกาสแม้แต่จะปฏิเสธการแต่งงานนี้ก็ช่างเป็นคนที่จิตใจชั่วช้านัก!
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเย็นชา สายตาของนางตวัดไปมองเครื่องประดับที่เอวของฮว๋ายหนาน มุมปากของนางกระตุกขึ้น ”เจ้าพูดถึงเรื่องของหมั้น แต่ข้ายังไม่ได้เห็นพวกมันเลยด้วยซ้ำ ไปหาคนที่รับของจากเจ้าแทนก็แล้วกัน”
“เจ้าคิดจะผิดคำสัญญาหรือ” ฮว๋ายหนานก้าวออกมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ”ตอนนี้ของหมั้นพวกนั้นอยู่ที่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ ฮูหยินซูรับมันไปดูแลให้กับเจ้าแล้ว รอก็แต่เพียงให้เจ้าเข้าพิธีแต่งงานเท่านั้น เวยเวย เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้ เจ้าไม่เชื่อหรือว่าข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
ฮว๋ายหนานเป็นคนฉลาด เขารู้จักใช้ไม้แข็งก่อนแล้วจึงค่อยใช้ไม้อ่อนตาม
หากพูดแบบนี้ คำพูดของเขาก็จะไม่ฟังดูระคายหูคนอื่นมากเกินไป แต่ทุกคนจะคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยใช้เรื่องสินสอดทองหมั้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้
หากเรื่องนี้ เป็นที่ยอมรับโดยไร้ซึ่งปัญหา และทุกอย่างได้รับการเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว มันก็มีค่าเท่ากับยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ และทุกอย่างก็จะชี้ให้เห็นว่าคนที่ผิดคือเฮ่อเหลียนเวยเวย!
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะเยาะเย้ย ”ในเมื่อคนที่รับของหมั้น และคนที่จัดการเรื่องการหมั้นหมายนี้ขึ้นคือฮูหยินซู เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่ไปแต่งงานกับนางแทนล่ะ”
“เฮ่อเหลียนเวยเวย เจ้า… เจ้า!” ฮว๋ายหนานโกรธมากจนแทบจะรักษาท่าทีของตนเองเอาไว้ไม่อยู่ แต่สุดท้ายเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยว่า ”เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็พากันส่ายหน้า และคิดว่าแม้เฮ่อเหลียนเวยเวยจะโชคดี แต่นางก็ชั่วร้ายนัก แม่เลี้ยงของนางใจดีถึงขนาดช่วยจัดการเรื่องการแต่งงานให้กับนาง แต่นางกลับไม่เข้าใจถึงความกรุณานั้น ช่างเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่กตัญญูและยังโง่เขลาเสียจริง
ในเวลานี้ เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กับเฮ่อเหลียนเหมยเพิ่งจะมาถึง เมื่อเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เห็นแม่สื่อที่ถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยถีบไปกองอยู่กับพื้น นางก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ”เกิดอะไรขึ้น แม่เฒ่าจาง ท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อประกาศเรื่องแต่งงานให้กับคุณชายฮว๋ายหนานหรอกหรือ เหตุใดมันถึงกลายเป็นเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ไปได้เล่า”
“คุณหนูเจียวเอ๋อร์” แม่สื่อทำหน้าเหมือนได้เห็นญาติ นางเช็ดเลือดที่มุมปากของตน ”บรรพบุรุษของข้าทำบาปกรรมอันใดไว้หนอ ข้าก็เพียงแค่เจตนาดี อยากจะช่วยเหลือ แต่ก็ถูกทำร้ายจนเจ็บหนัก ข้าเคยประกาศการแต่งงานให้ใครต่อใครมาก็ตั้งมากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้มาก่อนเลย…” แม่เฒ่าจางอยากจะเล่าเรื่องนังคนชั้นต่ำคนนี้ยิ่งนัก แต่เมื่อดวงตาของนางสบเข้ากับสายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวย ร่างของนางก็ถึงกับสั่นสะท้าน และละล่ำละลักเปลี่ยนคำพูดของตนทันทีว่า ”การโน้มน้าวจิตใจของคุณหนูใหญ่ช่างยากลำบากยิ่งนัก”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดใบหน้าของแม่สื่ออย่างมีเมตตาราวกับเป็นเทพธิดา นางหันหน้าไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วเอ่ยว่า ”พี่ใหญ่ แม่เฒ่าจางมีเจตนาดี ท่านทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร ท่านแม่ปรารถนาให้ท่านได้แต่งงานจากใจจริง ท่านไม่เพียงแต่ไม่เห็นถึงความเมตตานั้น แต่กลับยังทำให้ทุกคนต้องอับอายอีก”
“เจตนาดีหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ”เจตนาดีพรรค์ไหนกันหรือที่แนะนำชายหนุ่มที่คบหาดูใจกับน้องสามอยู่ให้กับข้า นางคิดอะไรอยู่หรือ คนที่เขาไม่รู้เรื่องจะเชื่อเอาได้ว่าข้า เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนโง่เง่ามัวเมาในความรัก จนต้องการขโมยผู้ชายของน้องสาวตัวเองน่ะสิ ข้าไม่เหมือนเจ้า คนที่ไม่อาจห้ามตัวเองให้ยื่นมือไปแตะต้องผู้ชายของพี่สาวตัวเองได้หรอก”
เพียงคำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ได้ตบหน้าคนสามคนไปพร้อมกันในทีเดียว เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
ทุกคนรู้ว่าสิ่งสุดท้ายที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ต้องการพูดถึงคือการที่นางจงใจช่วงชิงการแต่งงานมาจากเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่เพราะการคัดเลือกพระชายาขององค์ชายสาม นางจึงรีบปล่อยมือจากเรื่องนั้นทันที และกลอุบายเช่นนี้ย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ได้ผ่านการเตรียมการอย่างละเอียดมาแล้ว
เฮ่อเหลียนเหมยแผดเสียงดังลั่นเพราะร้อนตัวในความผิดของตัวเอง ”เจ้าบอกว่าใครกำลังคบหากันอยู่! เฮ่อเหลียนเวยเวย ข้าขอเตือนเจ้านะว่าอย่ามาสาดโคลนใส่คนอื่น!”
“สาดโคลนใส่คนอื่นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยก้าวเล็กๆ เข้าไปหาฮว๋ายหนานอย่างรวดเร็ว ตอนที่นางเดินผ่านเขา ในมือข้างซ้ายของนางก็มีถุงผ้าถักด้วยมือใบเล็กๆ หน้าตางดงามใบหนึ่งติดมา ”น้องสาม บนถุงผ้าใบนี้มีชื่อของเจ้าเขียนอยู่ มันมาห้อยอยู่บนตัวของผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรหรือ”
เฮ่อเหลียนเหมยหน้าถอดสี!
แม้กระทั่งเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่ามีของเช่นนั้นอยู่ นางมองกลับไปที่เฮ่อเหลียนเหมย และขบฟันแน่น เรื่องนี้สร้างความเสียหายได้รุนแรงยิ่งนัก!
วุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว!
ถุงผ้าของหญิงที่ยังไม่แต่งงานไปอยู่บนตัวของผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องพูด ทุกคนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทุกคนเบนสายตาไปที่เฮ่อเหลียนเหมยกับฮว๋ายหนาน
สีหน้าของฮว๋ายหนานก็ดูน่าเกลียดน่ากลัวเช่นกัน เขายื่นมือออกไปหมายจะคว้าถุงผ้ามาจากมือของเฮ่อเหลียนเวยเวย
คาดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะหันหน้ากลับมา พร้อมกับคว้าแขนของฮว๋ายหนาน แล้วทุ่มเขาลงกับพื้นด้วยท่วงท่าที่งดงาม นิ้วของนางคว้าเข้าที่ลำคอของฮว๋ายหนานอย่างสง่างาม น้ำเสียงของนางเย็นชา ”ยังสนใจอยากได้ข้าเป็นภรรยาอยู่หรือเปล่า เจ้าคิดว่าข้า เฮ่อเหลียนเวยเวยคนนี้เป็นคนโง่หรือ จะเป็นผลดีกับตัวเจ้ามากกว่าหากเจ้ายอมบอกมาว่า ใครเป็นคนเสนอความคิด และเรื่องของหมั้นหมายพวกนี้ขึ้นมากันแน่”