บทที่ 237 ความลับสวรรค์เปิดเผย ผลการพยากรณ์สำแดง
“หากเจาะจงบริเวณ ช่วยให้เวลาพยากรณ์เร็วขึ้นหรือไม่?”
หลังประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีบอก จึงรีบหันไปถามผู้เฒ่าเมิ่งจีด้วยสีหน้าตึงเครียด
สือเฟิงเองก็มองผู้เฒ่าเมิ่งจีด้วยสีหน้ากังวล
เรื่องนี้สำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีเท่านั้น
“บริเวณใด?”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีตาลุกวาว
“ข้าค้นเจอจากบันทึกโบราณว่าในยุคโบราณ เคยมีจักรพรรดิอ้วนตนหนึ่ง ใช้ดินเทวานานาชนิดบุกเบิกจนเกิดเป็นไร่มวลผัก…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรีบเล่าเนื้อหาที่สืบมาได้ให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีได้ทราบ
หลังผู้เฒ่าเมิ่งจีฟังจบ เขามิได้พูดจา หน้าตาคร่ำเครียด
เกิดอะไรขึ้น… ทำไม่ได้หรือ?
เห็นสีหน้าเช่นนี้ของผู้เฒ่าเมิ่งจี ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงต่างมีสีหน้าผิดหวัง พวกเขาคิดว่าคงทำไม่ได้…
ทว่าวาจาต่อจากนั้นของผู้เฒ่าเมิ่งจีกลับปัดเป่าความผิดหวังของพวกเขาออกไปจนหมด
“ข้าลองไตร่ตรองดูแล้ว น่าจะทำได้!”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีเอ่ยยิ้ม ๆ เมื่อครู่ที่เขาไม่ได้พูดอะไรไปเพราะกำลังพิจารณาอยู่ว่าทำได้หรือไม่
หากไม่เกิดอุบัติเหตุใดขึ้น น่าจะไม่มีปัญหา!
“จริงหรือ!?”
สือเฟิงหัวเราะร่วนด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“น่าจะ ข้าไม่รับประกันว่าสำเร็จได้แน่ แต่ข้าจะลองดู”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าว
“ตามข้ามา”
เขาสั่งให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงตามเขาไปถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในนิกายลับสวรรค์
บนยอดเขามีตำหนักโบราณซึ่งเปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลาและความองอาจยิ่งใหญ่ มีป้ายหนึ่งแขวนไว้ด้านบน สลักไว้ว่า ‘ตำหนักลับสวรรค์’
นี่คือตำหนักที่บูรพาจารย์ในนิกายของพวกเขาก่อตั้งขึ้น มีค่ายกลโบราณมากมายช่วยเสริมพลัง สามารถช่วยพวกเขาในการพยากรณ์ได้ และเพิ่มโอกาสสำเร็จของการพยากรณ์
แน่นอนว่า ที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีมาที่นี่มิได้มาเพื่อค่ายกลโบราณที่คอยเสริมพลังให้แก่ตำหนัก หากแต่มาเพื่อภาพวาดกระดองเต่าซึ่งแขวนอยู่ในตำหนัก
ภาพวาดกระดองเต่านี้เป็นฝีมือของท่านเซียน เจ้านิกายของเขาเคยช่วยเป็นธุระให้ท่านเซียน นำ ‘เครื่องปรับอากาศ’ กลับไปให้ท่านเซียนสำเร็จ หรือก็คือลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์ ต่อมาท่านเซียนจึงประทานภาพวาดกระดองเต่านี้ให้
ภาพที่ท่านเซียนวาดนั้น กระดองเต๋าในภาพวาดสมจริงราวกับมีชีวิต ไม่มีรายละเอียดส่วนไหนหายไปสักจุด ประหนึ่งตีตรากระดองเต่าจริง ๆ ลงบนกระดาษก็ไม่ปาน
ลวดลายอักขระบนกระดองเต่าสมบูรณ์แบบ อีกทั้งเจือไปด้วยจังหวะแห่งวิถีสวรรค์
เมื่อมีภาพวาดกระดองเต่านี้อยู่ เขาสามารถพยากรณ์ได้ดีกว่าเดิม และล่วงรู้ความลับสวรรค์ได้อย่างมีประสิทธิผลกว่าเดิม
นอกจากนี้ เพราะมีภาพวาดกระดองเต่านี้อยู่ ผู้เฒ่าเมิ่งจีถึงมีโอกาสสำเร็จ จึงยอมลอง
หากไร้ซึ่งภาพวาดกระดองเต่านี้ ต่อให้กำหนดบริเวณได้ผู้เฒ่าเมิ่งจีก็ไม่มั่นใจอยู่ดี
“นี่คือภาพที่คุณชายวาดหรือ!?”
เมื่อสือเฟิงได้เห็นภาพวาดกระดองเต่า ก็สะท้านใจอย่างมาก
ภาพวาดกระดองเต่าเพียงภาพเดียว สำแดงแก่นวิถีและความลับสวรรค์ออกมาจนสิ้น น่าทึ่งนัก แทบไม่กล้าเชื่อเลย ระดับของท่านเซียนสูงเกินหยั่งจริง ๆ!
“นอกจากนายท่านแล้ว ผู้ใดจะสามารถวาดภาพระดับนี้ได้อีก…”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีหัวเราะ ก่อนจะมาอยู่หน้าโต๊ะอักษร บนนั้นมีของจำพวกพู่กัน จานบดหมึก ปึกกระดาษตั้งอยู่
พู่กัน จานบดหมึก และกระดาษเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา มีจังหวะแห่งจักรพรรดิอันน่าทึ่งไหลเวียนอยู่ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงรู้สึกว่า ของเหล่านี้ทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิเสียอีก!
“นายท่านเคยสอนข้าวาดภาพ แท้จริงแล้วท่านต้องการชี้แนะวิชาพยากรณ์ความลับสวรรค์ของข้า ก่อนข้าจากนายท่านมา นายท่านยกชุดพู่กัน จานบดหมึก และกระดาษชุดนี้ให้ นายท่านกล่าวว่าท่านทำเองกับมือ”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีเห็นสีหน้าของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงก็รู้แล้วว่าทั้งสองคิดสิ่งใดอยู่ จึงเอ่ยขึ้นพลางยิ้ม
ท่านเซียนทำหรือ!?
มิน่า ชุดพู่กัน จานบดหมึก และกระดาษชุดนี้ถึงน่าทึ่งปานนี้!
“อิจฉาเสียจริง!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงเห็นแล้วต่างรู้สึกอิจฉาเหลือแสน
หนึ่งคือพวกเขาอิจฉาผู้เฒ่าเมิ่งจีที่ได้ชุดพู่กัน จานบดหมึก และกระดาษที่ท่านเซียนทำด้วยตัวเอง สองคือพวกเขาอิจฉาผู้เฒ่าเมิ่งจีที่ได้รับการชี้แนะสั่งสอนจากท่านเซียน
พวกเขาสองคนต่างไม่มีวาสนาเช่นนี้ ไม่เคยได้รับการชี้แนะสั่งสอนจากท่านเซียนเอง
“พวกเจ้าก็มิได้ด้อยไปกว่า”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีตอบ ก่อนจะมีสีหน้าขึงขัง หยิบพู่กันขึ้นมา และเริ่มทำการพยากรณ์
ตั้งแต่ได้รับคำชี้แนะจากท่านเซียน วิธีพยากรณ์ของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ในอดีต เขาต้องค้นหาความลับสวรรค์ไปทั่วทุกหนแห่ง แล้วใช้พลังจากความลับสวรรค์ในการพยากรณ์
เขาในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนั้นอีก
การตามหาความลับสวรรค์ไปทั่วสารทิศเป็นเรื่องที่โง่มาก ทั้งยังตกที่นั่งที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วย
แต่บัดนี้ เขาวาดรูปบนกระดาษ ชักนำความลับสวรรค์จุติลงมา แล้วค่อยทำการพยากรณ์
เขาในตอนนี้เท่ากับเป็นฝ่ายบงการแทน!
มือหยิบพู่กันขึ้น ผสานวิชาพยากรณ์เข้าไปในพู่กัน แล้วเริ่มวาดรูปบนกระดาษตามคำบอกเล่าของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
พริบตาที่พู่กันของเขาจรดบนกระดาษ ภาพวาดกระดองเต่าที่แขวนอยู่บนกำแพง พลันเริ่มส่องประกายเจิดจรัสแยงตา!
ขณะเดียวกัน ลวดลายบนภาพวาดกระดองเต่าราวกับมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ และเริ่มว่ายวน
อีกด้าน พู่กันในมือผู้เฒ่าเมิ่งจีก็เริ่มส่องประกายเช่นกัน เขาเริ่มแสดงวิชาพยากรณ์แล้ว บัดนี้กำลังชักนำความลับสวรรค์เข้ามา
ที่นี่เป็นตำหนักที่ล้อมเป็นวงกลม จุดศูนย์กลางเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ต่อตรงขึ้นไปถึงนภา
ภาพที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีวาดก็คือจุดศูนย์กลาง
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เพียงพริบตาเดียว ก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์มากมายทาบทับลงมาจากฟ้า พร้อมด้วยจังหวะแห่งวิถีสวรรค์อันน่าทึ่ง จุติลงในพู่กันในมือของผู้เฒ่าเมิ่งจี
จากนั้น พู่กันขยับ ราวกับมันเป็นฝ่ายจูงมือผู้เฒ่าเมิ่งจีวาดลวดลาย และเริ่มวาดภาพบนกระดาษ
อันที่จริง มิใช่พู่กันเหมือนจูงมือเขาวาดลวดลาย แต่พู่กันเป็นฝ่ายจูงมือเขาวาดภาพจริง ๆ!
ความลับสวรรค์จุติในพู่กัน และยืมพู่กันเพื่อแสดงผลลัพธ์!
ใบหน้าผู้เฒ่าเมิ่งจีเปื้อนยิ้ม
ความลับสวรรค์จุติ พู่กันขยับเป็นภาพเอง หมายความว่าข่าวลือเกี่ยวกับจักรพรรดิอ้วนที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ค้นพบนั้นคือเรื่องจริง มิใช่เรื่องแต่ง
หากเป็นเรื่องสมมติซึ่งไม่มีอยู่จริง ความลับสวรรค์ย่อมไม่จุติ พู่กันก็ไม่อาจขยับเป็นภาพเอง
พู่กันจรดบนกระดาษ ขยับอย่างคล่องแคล่วไหลลื่นประดุจสายน้ำ ไม่นานนักภาพหนึ่งภาพก็เสร็จสิ้น
จากนั้น พู่กันหยุดขยับ ลวดลายที่เคยว่ายวนอยู่บนภาพวาดกระดองเต่าก็ชะงัก ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
ผลพยากรณ์แสดงให้เห็นบนภาพ
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงเขยิบเข้ามา พวกเขาเห็นชายวัยกลางคนผู้มีรูปโฉมเปี่ยมเมตตา มีหนวด และมีร่างกายอ้วนสุด ๆ กำลังปลูกพืชผักนานาชนิดบนภาพ
“นี่คือจักรพรรดิอ้วนในยุคโบราณหรือ?”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ย ใจคิดไปว่าจักรพรรดิอ้วนผู้นี้ดูก็รู้ว่าสำเร็จวิถีอาหาร ดูจากท้องกลมป่องนั่นก็รู้ว่าคงกินเก่งเป็นพิเศษ…
“อืม”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีพยักหน้า “นี่ก็คือจักรพรรดิอ้วนในยุคโบราณ ความลับสวรรค์เปิดเผย ผลการพยากรณ์สำแดงแล้ว!”
สือเฟิงพินิจรูปวาดอย่างละเอียดอีกครั้ง ในภาพนั้นมีทิวทัศน์รอบ ๆ สถานที่ที่จักรพรรดิอ้วนอยู่ด้วย แต่เขาดูไม่ออกว่านั่นคือที่ใด
“ยุคโบราณผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ปฐพีแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ต้องไปหาจากที่ใดกันเล่า”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเอ่ย
ทิวทัศน์ในภาพคงเป็นทิวทัศน์ในยุคโบราณ ต่อให้พวกเขาตามหาไปตามภาพ เกรงว่าคงหาไม่เจอในยุคนี้
“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ ความลับสวรรค์ถูกเปิดเผย ผลการพยากรณ์สำแดงแล้ว”
ผู้เฒ่าเมิ่งจียิ้ม “พวกเจ้าตามข้ามา”
จากนั้นเขาก็หยิบภาพวาดแล้วเหินขึ้นไปบนฟ้า มาอยู่บนหมู่เมฆ
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงรีบเหินตามขึ้นไป มาอยู่ข้างกายผู้เฒ่าเมิ่งจี
“พวกเจ้า…จงดู!”
ผู้เฒ่าเมิ่งจียกมือโยนภาพวาดออกไปกลางอากาศ หลังจากนั้น ภาพวาดก็เริ่มแยกตัว ก่อนจะกลายเป็นลำแสงมากมายโบยบินออกไปไกล และจุติลงในสถานที่แห่งหนึ่ง
“ที่นั่นคือสถานที่ตั้งไร่มวลผักของจักรพรรดิอ้วน!”
เขาชี้ไปทิศนั้นซึ่งมีลำแสงเจิดจ้าทะลุนภา ทิ่มแทงเข้ามาถึงหมู่เมฆ มองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
“เอ๊ะ! ตรงไหน?”
“เหตุใดพวกเราถึงไม่เห็นอะไรเลย”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงมองตามทางที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีชี้ ทว่ากลับไม่มีสิ่งใด พวกเขาไม่เห็นแสงสวรรค์ทะลุนภาแต่อย่างใด
“ฮ่า ๆ ลืมไป พวกท่านไม่เคยเบิกเนตรที่สาม จึงมองไม่เห็นแสงสวรรค์ที่ความลับสวรรค์สำแดงออกมา”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีหัวเราะ หยิบยันต์ออกมาสองแผ่น ก่อนจะจุดไฟแล้วกวัดแกว่งอยู่ตรงสายตาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิง
“เห็นแล้ว!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงต่างเต็มตื้นสุด ๆ พวกเขามองเห็นแสงสวรรค์ที่ทะลุนภาแล้ว!
“ยันต์สองแผ่นนี้ช่วยให้พวกท่านเบิกเนตรที่สามได้ชั่วคราว เอาล่ะ พวกท่านไปเถิด อย่าเสียเวลา”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าว
“ผู้อาวุโสไม่ไปกับพวกเราหรือ”
สือเฟิงถาม
“ไม่ไป พวกเจ้าไปเถิด ข้าว่าข้าจะออกพเนจรไปตามแคว้น…”
…
ส่วนสูงสุดของชั้นนภาซึ่งอยู่เหนืออาณาจักรทั้งปวง มีหมอกเซียนหลั่งไหลกระเพื่อมอยู่มหาศาล ลมปราณเซียนแผ่ปกคลุมทั่วฟ้าดิน
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนผู้หนึ่งกำลังสวาปามด้วยความสุขี
ทันใดนั้น เขาก็จามออกมา จนสุราที่เพิ่งดื่มเข้าไปกระฉอกออกมาหมด
เขาลูบจมูกปอย ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอำมหิต “ผู้ใดนินทากัน!?”