การถ่ายทำใช่ว่าจะราบรื่นไปตลอดรอดฝั่ง
เริ่มต้นมาก็สนุกสนานครึกครื้นกันอยู่หรอก แต่หลังจากที่ถ่ายทำมาได้สักระยะหนึ่ง การแสดงเริ่มมีความยากขึ้น นั่นก็คือจุดที่มีมุกตลกพิลึกกึอกือเหล่านั้น พานให้พระเอกอย่างเหอเซิ่งคล้ายจะควบคุมไม่อยู่
ในวันนี้
ระหว่างการถ่ายทำฉากในจวนสกุลหวา ไม่ว่าเฮ่อเซิ่งจะแสดงอย่างไรก็หาอารมณ์ไม่เจอสักที ต่อให้เป็นคนที่อารมณ์ดีอย่างอี้เฉิงกง ก็ยังทนไม่ไหวบอกให้พักการถ่ายทำชั่วคราว และเรียกเฮ่อเซิ่งไปคุยส่วนตัวร่วมสิบนาทีเห็นจะได้
น่าเสียดายที่ผลสัมฤทธิ์ของการคุยส่วนตัวนั้นมีขีดจำกัด…
เมื่อเข้าไปอยู่ในการแสดงอีกครั้ง ผลลัพธ์จากการตีบทของเฮ่อเซิ่ง ยังคงแตะไม่ถึงตามมาตรฐานของอี้เฉิงกง
ไม่เพียงอี้เฉิงกง
แม้แต่โปรดิวเซอร์อย่างเสิ่นชิงซึ่งส่วนมากจะตามติดกองถ่าย ก็ยังมองออกว่าเฮ่อเซิ่งแปลกไป
ส่วนรายละเอียดนั้นยากจะอธิบาย
ความรู้สึกก็คือ เฮ่อเซิ่งคล้ายว่าจะไม่ตลกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว?
แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ
การถ่ายทำภาพยนตร์มักจะเจอกับความยากเช่นนี้
มาตรฐานของอี้เฉิงกงนั้นเข้มงวดสักหน่อยนับเป็นเรื่องดี
อันที่จริงนี่ไม่ใช่ปัญหาของเฮ่อเซิ่งหรอก แต่เป็นปัญหาจากการวางบทบาทของตัวละครอย่างถังปั๋วหู่ เพราะต้องเข้าใจก่อนว่านี่เป็นตัวละครของโจวซิงฉือ!
ตัวละครของโจวซิงฉือนั้นแลดูตลกโปกฮา แสดงออกมาได้อย่างเรียบง่ายสบายๆ แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต้องใช้ทักษะด้านการแสดงคอมเมดีที่สูงมาก
ถึงอย่างไรเฮ่อเซิงก็ไม่ใช่โจวซิงฉือ
เขาแสดงช่วงหนึ่งออกมาได้ดี ไม่ได้หมายความว่าเขาจะคุมทั้งเรื่องได้อยู่หมัด
ถ้าหากหาโจวซิงฉือเวอร์ชันสำเนาบนบลูสตาร์ได้ง่ายดายปานนั้นจริง โจวซิงฉือก็คงไม่ใช่โจวซิงฉือหรอก
สุดท้ายแล้วอี้เฉิงกงก็อับจนหนทาง ทำได้เพียงโบกมือไหวๆ “ถ่ายส่วนของคนอื่นก่อนแล้วกัน”
เฮ่อเซิ่งพยักหน้า ไปนั่งหลบมุมด้วยความหงุดหงิดใจ
เขาเป็นเพียงนักแสดงตัวเล็กๆ ประสบการณ์การแสดงที่มี แท้จริงแล้วมาจากประสบการณ์การเป็นตัวประกอบล้วนๆ
ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมาใช้กับที่นี่ไม่ได้เลย…
ฉะนั้นแล้ว เมื่อการแสดงเข้าสู่ภาวะชะงักงันราวกับติดอยู่กลางคอขวด เขาทำได้เพียงหาวิถีทะลวงออกมาด้วยตนเอง
ไม่มีผู้ช่วย เขาเริ่มรู้สึกกระหายขึ้นมา ขณะที่กำลังไปหาน้ำดื่ม ด้านข้างกลับมีน้ำแร่ขวดหนึ่งยื่นมาให้
“ตัวแทนหลิน? ขอบคุณครับ…”
เฮ่อเซิ่งลุกขึ้นอย่างเก้อเขิน
หลินเยวียนเป็นนักเขียนบท แต่เสิ่นชิงกับอี้เฉิงกงล้วนแต่เรียกหลินเยวียนว่าตัวแทนหลิน ทำให้คนอื่นๆ พลอยเรียกหลินเยวียนว่าตัวแทนหลินตามไปด้วย
ขณะเดียวกันในใจของเขาก็อดรู้สึกวิตกขึ้นมาไม่ได้
เขากังวลว่าตัวแทนหลินจะไม่พอใจกับผลงานของตน จึงเดินมาต่อว่า
ที่ยื่นน้ำมาให้ตนดื่ม ก็เป็นเพียงความสงบก่อนพายุฝนพัดถล่มก็แค่นั้น
“นั่งเถอะครับ”
หลินเยวียนเอ่ยถาม “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
หลินเยวียนเพิ่งใช้แคปซูลความทรงจำเสร็จ และเห็นภาพที่การแสดงของเฮ่อเซิ่งทำให้ผู้กำกับหัวเสียเข้าพอดี จึงมาหาด้วยความเป็นห่วง
“ผมหาความรู้สึกไม่เจอ…”
เฮ่อเซิ่งพูดอย่างรู้สึกผิด “หลังจากนี้ผมจะพยายาม…”
หลินเยวียนเงียบ…
ถ้าพยายามไปแล้วได้ผล จะมีระบบไว้ทำไมล่ะ
อันที่จริงหากว่ากันตามผลงาน เฮ่อเซิ่งก็มีกลิ่นอายของโจวซิงฉืออยู่มากทีเดียว ฉะนั้นหลินเยวียนถึงรู้สึกพึงพอใจกับนักแสดงอย่างเฮ่อเซิ่งมาก
แต่พึงพอใจก็ส่วนพึงพอใจ
ลึกๆ ในใจหลินเยวียนรู้ดี ไม่ว่าอย่างไรเฮ่อเซิ่งก็ไม่ใช่โจวซิงฉือ
หน้าใหม่คนนี้ไม่มีการแสดงของโจวซิงฉือมาเป็นต้นแบบด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเขาคลำโขดหินข้ามแม่น้ำอย่างแท้จริง
แสดงออกมาได้แบบนี้ นับว่าเก่งมากแล้ว
และด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ อันที่จริงถ้าเฮ่อเซิ่งจะกลายเป็นโจวซิงฉือของบลูสตาร์ได้ จำเป็นต้องผ่านการขัดเกลาอีกมาก
บางทีเขาอาจมีหวังที่จะก้าวข้ามกำแพงตรงหน้านี้ไปได้
หรือบางทีเขาอาจก้าวไม่พ้นกำแพงนี้ไปชั่วชีวิต
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นเรื่องของเฮ่อเซิ่ง เฮ่อเซิ่งจะต้องเป็นคนเอาชนะมันด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่หลินเยวียนต้องทำ ก็คือทำให้เฮ่อเซิ่งกลายเป็นโจวซิงฉือชั่วคราว!
“แพงเกินไป”
หลินเยวียนพึมพำ
เฮ่อเซิ่งงงงัน “อะไรแพงเกินไปเหรอครับ”
หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไร
แพงเกินไปหมายถึงราคาของไอเทม ‘สตาร์พีซ’ ซึ่งตกผลึกฝีมือการแสดงของโจวซิงฉือ ราคาตั้งชิ้นละสามล้าน!
ประสิทธิภาพมีระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง
หลินเยวียนเห็นว่าการแสดงของเฮ่อเซิ่งไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงไม่ยอมใช้มาโดยตลอด
เห็นทีตอนนี้จำเป็นต้องหยิบออกมาใช้จริงๆ ซะแล้ว
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำอย่างปุบปับฉับพลันได้ หลินเยวียนตัดสินใจพูดคุยกับเฮ่อเซิ่งเกี่ยวกับการแสดง หนังสือที่เขาอ่านหลายวันมานี้ไม่สูญเปล่า ลำพังเรื่องทฤษฎีการแสดง ความรู้ของหลินเยวียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักแสดงมืออาชีพหลายคนเลย
“คุณคิดว่าถังปั๋วหู่เป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือเป็นผู้น้อย”
“คนใหญ่คนโต…ล่ะมั้งครับ?”
“ผิดครับ ถังปั๋วหู่เป็นผู้น้อยต่างหาก”
หลินเยวียนสรุปรวมความรู้จากตำราที่ได้อ่านในช่วงนี้ เริ่มหว่านล้อมล่อหลอก แม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดเลยก็ตาม “ตามเนื้อแท้แล้ว ที่จริงถังปั๋วหู่เป็นแค่ผู้น้อย สิ่งที่เรียกว่าผู้ยิ่งใหญ่ ในความจริงเป็นแค่ตัวตนภายนอกเท่านั้น ผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีทางอับจนหนทางแบบถังปั๋วหู่หรอกครับ ตัวตนที่แท้จริงของถังปั๋วหู่ในเรื่องนี้คือหวาอัน และสิ่งที่เขาประสบพบเจอในจวนสกุลหวา อันที่จริงก็เป็นสิ่งที่ผู้น้อยประสบพบเจอกันทั้งนั้น เพียงแต่เขามีไพ่ตายเป็นตำแหน่งของตัวเอง และไพ่ตายใบนี้เขาจะหยิบออกมาใช้ตอนท้ายเรื่อง”
เฮ่อเซิ่งชะงักไป
เขาพอใจเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว…
เปลือกนอกของถังปั๋วหู่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ผู้ยิ่งใหญ่มีหรือจะรับมือกับภรรยาแปดคนไม่ได้?
ผู้ยิ่งใหญ่จะถูกภรรยาทั้งแปดคนป่วนจนแทบกระอักเลือด?
ผู้ยิ่งใหญ่จะพยายามตามจีบสาวใช้แทบเป็นแทบตาย แถมยอมถูกโขกสับสารพัด?
โดยเฉพาะตั้งแต่ถังปั๋วหู่เข้าไปในจวนสกุลหวา เขาก็กลายเป็นผู้น้อยไร้อำนาจและชื่อเสียงใด
อุตส่าห์ไปโวยวายแข่งกับคนอื่นว่าชีวิตของใครเอน็จอนาถกว่ากัน แถมหยิบแมลงสาบขึ้นมาตีโพยตีพายบอกว่าเป็นสหายรักมานานหลายปี
ตอนกินข้าวในโรงอาหาร ก็ถูกคนแย่งไปหมด จนตัวเองเหลือแค่จานเปล่า…
สิ่งที่คนผู้น้อยประสบพบเจอ ถังปั๋วหู่ก็ผ่านมาหมดแล้ว และปฏิกิริยายามที่เขาเผชิญเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ว่าจะไร้สาระแค่ไหน ตลกขบขันอย่างบอกไม่ถูกแค่ไหน ก็ล้วนเป็นปฏิกิริยาที่ผู้น้อยพึงมีทั้งนั้น
“งั้นผมก็ผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว?”
ชั่วขณะนั้นเฮ่อเซิ่งถึงขั้นสงสัยในตัวเอง
หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่ลุกขึ้นยืน มองไปยังอี้เฉิงกงซึ่งเพิ่งถ่ายทำอีกฉากหนึ่งเสร็จไปหมาดๆ “ถ่ายพาร์ทของเฮ่อเซิ่งต่อเลยครับ”
“ตัวแทนหลิน ตอนนี้ผม…”
แม้ว่าเฮ่อเซิ่งรู้สึกว่าตนจะตระหนักบางอย่างได้ แต่ถ้าว่ากันจากการแสดงแล้ว เขายังขบคิดหาวิธีแก้ปัญหาไม่ออก นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยค
อี้เฉิงกงก็กล่าวอย่างทนไม่ไหว “เฮ่อเซิ่งตอนนี้นายโอเคหรือยัง”
“ยังครับ”
เฮ่อเซิ่งตอบอย่างกระอักกระอ่วนระคนจนใจ
หลินเยวียนกลับขมวดคิ้ว “เขาโอเคแล้วครับ”
“ผมไม่โอเคจริงๆ…” เฮ่อเซิ่งถูกสั่งคัตไม่รู้กี่ครั้ง เข้าใจแล้วว่าซีนนี้ยุ่งยากขนาดไหน
หลินเยวียนบอก “ผมบอกว่าโอเคคุณก็ต้องโอเค”
เขาเปิดใช้ไอเทมสตาร์พีซกับเฮ่อเซิ่งไปแล้ว
มีเวลาเพียงชั่วโมงเดียว เขาไม่อยากให้เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น
โชคดีที่สุดท้ายแล้วกองถ่ายนี้ตัวแทนหลินมีสิทธิ์ขาด
เพราะความดึงดันของหลินเยวียน เฮ่อเซิ่งจึงทำได้เพียงกัดฟันเดินกลับเข้าไปในเซ็ต
เพียงแต่ขณะที่ทีมงานในกองรู้สึกจนใจ
ตัวแทนหลินรับบทเป็นไลฟ์โค้ชแล้วเหรอเนี่ย
เมื่อกี้การแสดงของเฮ่อเซิ่งใช้ไม่ได้เลยสักครั้ง แค่เขาคุยกับเฮ่อเซิ่งไม่กี่ประโยค เฮ่อเซิ่งก็แสดงได้แล้ว?
ขนาดเฮ่อเซิ่งเองยังบอกเลยว่าตัวเองไม่โอเค!
ในตอนนั้น สายตาที่ผู้คนมองไปยังเฮ่อเซิ่ง ก็แฝงไปด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างห้ามไม่อยู่
และแม้แต่เสิ่นชิงที่ตามกองมาในวันนี้ ยังอดทอดถอนใจไม่ได้
ประเดี๋ยวเฮ่อเซิ่งแสดงไม่ได้ ตัวแทนหลินคงหัวเสียน่าดู?
นี่ก็เท่ากับบอกเป็นนัยว่าตัวแทนหลินไม่รู้เรื่องการแสดงใช่ไหมล่ะ
ตนจะต้องช่วยเฮ่อเซิ่งสู้แล้ว
ถึงแม้จะไม่พอใจกับบท แต่เสิ่นชิงคิดว่าเฮ่อเซิ่งนับว่าเป็นนักแสดงที่มีความพยายามมากคนหนึ่ง
เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเฮ่อเซิ่ง นักแสดงยากที่จะหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เป็นราชาภาพยนตร์ก็เคยถูกคัตหลายสิบเทคติดต่อกันเพราะเล่นไม่ดี นับประสาอะไรกับเฮ่อเซิ่งซึ่งเป็นนักแสดงหน้าใหม่
“งั้นเริ่มเลยแล้วกัน”
อี้เฉิงกงไม่ได้พูดอะไรมาก ในใจกลับตัดสินใจว่า ไม่ว่าเฮ่อเซิ่งจะเล่นแย่แค่ไหน ตนก็จะไม่ด่าทออย่างรุนแรงเป็นอันขาด
เมื่อเป็นเช่นนี้
การถ่ายทำจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
เดิมทีเฮ่อเซิ่งไม่มั่นใจในตัวเองเลย แต่ทันทีที่เข้าบทบาท จู่ๆ เขาก็รู้สึกแปลกชอบกล คล้ายกับว่าตนตรัสรู้ได้ในชั่วพริบตา!
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมา เคาะถ้วยชามหลายใบตรงหน้า เริ่มร้องเพลงแร็ป
“ข้าน้อยอาศัยอยู่ริมน้ำ ณ เมืองซู มีบ้านสุดหรู แถมมีไร่นา ชีวิตดี๊ด๊าแสนสุขขี…”
รื่นดีแฮะ…
แต่ก็แปลกอยู่นะ!
ทำไมรู้สึกเหมือนมือควบคุมไม่ได้เลยล่ะ
จังหวะนี้ของฉันมันไม่มืออาชีพไปหน่อยหรือ
แม้แต่เนื้อเพลงก็ยังมีทำนองสูงต่ำ ทั้งร้องทั้งแร็ป เป็นจังหวะโจ๊ะๆ สุดเหวี่ยง “ใครเล่าจะรู้ว่าเจ้างั่งถังปั๋วหู่ เหิมเกริมไร้เหตุผล มาแย่งลูก แย่งภรรยา แถมมันยังยึดที่นาของข้าไป…”
เฮ่อเซิ่งเข้าถึงบทบาทแล้ว!
ในตอนนี้เขาถึงขั้นลืมไปแล้วว่าตนเองเป็นใคร เข้าสู่บทบาทของตัวละครถังปั๋วหู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความเชี่ยวชาญราวกับเขาแสดงฉากนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แสดงออกมาได้เต็มความสามารถอย่างง่ายดาย!
แววตาของอี้เฉิงกงเปลี่ยนไป
แววตาของเสิ่นชิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
และอารมณ์เช่นนี้ ก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งกองในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าใครก็สัมผัสได้ ในฉากนี้ เฮ่อเซิ่งเข้าโหมดเทพเป็นที่เรียบร้อย!
นักแสดงซึ่งเล่นเป็นหวาฮูหยินกับสาวใช้ ถึงกับพลอยเคลิ้มตาม โยกคอไปข้างหน้าข้างหลังตามจังหวะไปด้วย
หลังฉากมีคนหลุดหัวเราะออกมาเพราะกลั้นขำไม่ไหว
อันที่จริงฉากนี้ตลกมาก แต่การแสดงก่อนหน้านี้ของเฮ่อเซิ่งขาดความน่าสนใจ ทำให้คนรู้สึกคล้ายกับเป็นการแสดงเพื่อแสดง จงใจเกินไปจนแลดูประดักประเดิด
แต่ในครั้งนี้ การแสดงของเฮ่อเซิ่งสามารถใช้คำว่าตีบทแตกได้เลย!
เขาคือถังปั๋วหู่ เขาคือหวาอัน เขาคือ 9527!
ดังนั้นเมื่อการแสดงจบลง สีหน้าของทุกคนจึงแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงถึงขีดสุด
หลังจากนั้น สายตาแต่ละคู่ก็เบนไปจับจ้องที่หลินเยวียนพร้อมกัน
“ผู้กำกับ ฟังที่ตัวแทนหลินบอก…”
เฮ่อเซิ่งก็ชำเลืองมองหลินเยวียนด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างรอไม่ไหว น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผมว่าผมทำได้แล้ว!”
“รีบเตรียมซีนต่อไปเลยครับ!”
แน่นอนว่าอี้เฉิงกงรู้ว่าสภาวะเช่นนี้ของนักแสดงนั้นล้ำค่าแค่ไหน เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว เฮ่อเซิ่งเปลี่ยนไปราวกับผลัดเนื้อเปลี่ยนกระดูก!
ดังนั้นหลังจากตั้งสติได้ เขาก็รีบตะโกนบอกทีมงานด้านหลังทันที
ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ ทุกคนเร่งมือจัดฉากอย่างคล่องแคล่วว่องไว เพื่อเตรียมพร้อมในการถ่ายทำซีนต่อไป
และระหว่างกระบวนการนั้นเอง
แววตาที่ผู้คนมองไปยังหลินเยวียน ก็แลดูตื่นตะลึงอยู่บ้าง
ทุกคนได้เห็นกับตา ว่าเฮ่อเซิ่งซึ่งก่อนหน้านี้แทบจะไม่รู้เลยว่าควรแสดงอย่างไร ในตอนนี้กลับแสดงศักยภาพออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดตั้งแต่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มา
และเรื่องนี้ ล้วนเป็นผลจากการชี้แนะของตัวแทนหลิน!
การฝึกนักแสดงเดิมทีเป็นความรับผิดชอบของผู้กำกับ แต่ชั่วขณะนั้นอี้เฉิงกงเข้าใจดี ว่าความดีความชอบในการชี้แนะด้านการแสดงต้องยกให้หลินเยวียน!
ตัวแทนหลินพูดอะไรกับเฮ่อเซิ่ง?
เสิ่นชิงและคนอื่นๆ จ้องมองตาโตเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าหลินเยวียนทำได้อย่างไร หรือว่าหลินเยวียนเป็นปรมาจารย์สอนการแสดงที่เร้นกายอยู่ในกอง?
ไม่ ไม่สิ
แบบนี้จะเรียกว่าสอนได้ยังไง
นี่มันสร้างขึ้นมาใหม่เลยชัดๆ!
ก็ดูเฮ่อเซิ่งตอนนี้สิ เขาใช่เฮ่อเซิ่งคนเดิมที่ไหนกัน!?
……………………………………………………………