Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 186 คลื่นลมโหมซัด

ตอนที่ 186 คลื่นลมโหมซัด

แน่นอนว่าเฮ่อเซิ่งยังคงเป็นเฮ่อเซิ่งคนเดิม เพียงแต่หลังจากที่ผลลัพธ์ของไอเทมสตาร์พีซสิ้นสุดลง เขาก็สูญเสียแรงบันดาลใจในส่วนนี้ไปทันที

ทว่านับตั้งแต่ศักยภาพการแสดงครั้งนี้ระเบิดออก ในการแสดงหลังจากนั้น เฮ่อเซิ่งก็ได้พบประสบการณ์และแนวทางในการเพียรพยายามต่อไปแล้ว

เดิมทีหลินเยวียนคิดว่าเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สภาวะในการแสดงของเฮ่อเซิ่งจะตกฮวบลงทันที

แต่ความจริงก็คือ หนึ่งชั่วโมงให้หลัง สภาวะของเขาตกลงไปจริงๆ แต่นับว่าดีกว่าก่อนใช้ไอเทมมาก

หลายคนในกองถ่ายพยักหน้าชมเชย ต่างบอกกันว่าทักษะการแสดงของเฮ่อเซิ่งในวันนี้ได้ก้าวไปอีกขั้นแล้ว

นั่นทำให้หลินเยวียนย้อนกลับไปคิด

เขานึกว่าสตาร์พีซเป็นไอเทมที่ใช้แล้วทิ้งซะอีก

สตาร์พีซเป็นไอเทมที่ใช้แล้วทิ้งก็จริง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เมื่อใดที่ได้สัมผัสสภาวะนี้แล้ว ก็จะทำให้นักแสดงแสวงหาแนวทางของตนได้ง่ายขึ้น

บางทีนี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่แท้จริงของไอเทมสตาร์พีซก็เป็นได้

เมื่อการถ่ายทำของวันนี้จบลง

เฮ่อเซิ่งรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง

เขากระดกน้ำขึ้นดื่มอึกๆ กำลังจะไปขอบคุณตัวแทนหลินที่ช่วยชี้แนะ ปรากฏว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดสำลักน้ำ จนต้องไอโขลกใหญ่อย่างห้ามไม่อยู่

“แค่ก…แค่ก…”

เฮ่อเซิ่งโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยสำลักน้ำรุนแรงถึงขนาดนี้มาก่อน

เขาไอโขลกอยู่หลายนาที จนรู้สึกว่าตนแทบจะกระอักหัวใจตนเองออกมาด้วย จนคนรอบข้างพากันตกใจ

หลังจากไอโขลกอยู่สักพัก เขาหยุดหายใจสักพัก รู้สึกเพียงว่าคอหอยของตนร้อนเหมือนไฟลวก

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

ทุกคนถามด้วยความเป็นห่วง

เฮ่อเซิ่งยิ้มพลางโบกมือ แค่สำลักน้ำก็เท่านั้น

เขาพยายามข่มความรู้สึกทรมานที่ลำคอ สาวเท้าเดินไปเข้าไปหาหลินเยวียน แววตาเป็นประกายลึกล้ำ พูดว่า “ขอบคุณที่ตัวแทนหลินชี้แนะ หลังจากนี้ผมมาขอคำชี้แนะจากคุณอีกได้มั้ยครับ”

“ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องหรอกครับ”

หลินเยวียนส่ายหน้าอย่างชัดเจน

ไอเทมสตาร์พีซแพงเกินไป เขาซื้อมาให้อีกไม่ไหวหรอก จะกัดฟันใช้ก็แค่ตอนที่หลังชนฝาแล้วจริงๆ

“ก็ได้ครับ…”

เฮ่อเซิ่งคิดๆ ดูก็เห็นด้วย ไหนเลยจะมีให้นักเขียนบทมาคอยชี้แนะได้ตลอด

และการแสดงในวันนี้ ก็ทำให้เฮ่อเซิ่งได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เขารู้สึกว่าประตูบานใหญ่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแสดงกำลังแง้มออกตรงหน้าเขาแล้ว

หลังจากเลิกกอง

ระหว่างทางกลับบ้าน หลินเยวียนก็เรียกระบบออกมา “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ”

ใช่แล้ว เรื่องโชคร้ายที่เฮ่อเซิ่งประสบพบเจอ หลินเยวียนรู้สึกได้ว่ามีตรงไหนที่ไม่ชอบมาพากล

ความจริงเป็นประจักษ์ว่าความรู้สึกของเขาถูกต้อง

ระบบตอบไปว่า “ผลข้างเคียงจากการใช้ไอเทมก็คือมีโอกาสเกิดโชคร้ายได้”

“งั้นฉัน…”

หลินเยวียนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เขาใช้แคปซูลความทรงจำมาหลายครั้งแล้ว!

ระบบบอกว่า “โฮสต์ในฐานะเจ้าของ จะไม่มีวันโชคร้าย มีแค่ตอนที่โฮสต์ใช้ไอเทมกับคนอื่น อีกฝ่ายก็มีแนวโน้มจะโชคร้ายหลังจากที่ฤทธิ์ของไอเทมสิ้นสุดลง นอกจากนั้นแล้วโชคร้ายประเภทนี้จะไม่ร้ายแรงมากนัก”

หลินเยวียน “…”

ถ้าบอกว่า ‘งั้นฉันก็เบาใจแล้ว’ ก็จะฟังดูใจดำไปหน่อยไหม?

แต่หลินเยวียนก็เบาใจลงจริงๆ นั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอย่างเสแสร้ง

ยิ่งไปกว่านั้น เฮ่อเซิ่งเพียงแค่สำลักน้ำเท่านั้น…

ความโชคร้ายระดับนี้ อันที่จริงก็สามารถรับได้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพอันแสนอัศจรรย์ของไอเทม

เมื่อคิดถึงสภาวะของเฮ่อเซิ่งเมื่อครู่นี้อย่างละเอียด เขาแทบจะดูประหนึ่งถูกโจวซิงฉือเข้าครอบงำ การถ่ายทำภาพยนตร์อย่างเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ยังจะมีไอเทมไหนที่ดีกว่านี้อีกล่ะ?

……

ช่วงเวลาหลังจากนั้น เฮ่อเซิ่งยังคงรักษาฟอร์มการแสดงที่ดีเอาไว้ได้ ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ไม่ว่าอย่างไรก็แสดงไม่ออกเหมือนวันนั้นแล้ว

เรื่องนี้ทำให้หลินเยวียนผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

และระหว่างที่เรื่องเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศกำลังถ่ายทำอย่างคึกคัก การแข่งขันและกลืนกินของทุกสาขาทุกอาชีพก็เข้าสู่ภาวะดุเดือด

โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ทั้งสองอย่างปู้ลั่วและบล็อก ก็ยิ่งพยายามกันสุดแรงเกิดเพื่อแย่งชิงผู้ใช้งาน!

ในวันนี้

ปู้ลั่ววรรณกรรม

ฮั่นจี้เหม่ยในฐานะหัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านวรรณกรรม ช่วงนี้ก็งานยุ่งจนตัวเป็นเกลียว

ขณะนี้เป็นการประชุมกองบรรณาธิการของปู้ลั่ววรรณกรรม

หัวหน้าบรรณาธิการพูดด้วยสีหน้าย่ำแย่ “ทางบล็อกก่อตั้งแผนกวรรณกรรมขึ้นมา พวกเขาเองก็เล็งเป้าหมายไปที่ตลาดเรื่องสั้นออนไลน์ แถมพวกเขาลงมือเร็วมาก ตอนนี้เซ็นสัญญากับนักเขียนเรื่องสั้นฝีมือดีติดต่อกันหลายคนแล้ว เดือนหน้าเซกชันเรื่องสั้นจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว…”

นิยายขนาดสั้น

นี่เป็นประเภทของการอ่านออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

เมื่อก่อน นี่เป็นจุดเด่นของปู้ลั่ว ตั้งแต่ที่มีการปฏิรูปปู้ลั่ววรรณกรรม รูปแบบนี้ก็ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มาก ถึงขั้นที่ดึงผู้อ่านจากมณฑลฉีให้เข้ามาในปู้ลั่วเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ตลาดของมณฑลฉินและฉีผนวกรวมกันแล้ว

ทางบล็อกก็ลอกเลียนรูปแบบของปู้ลั่วอย่างรวดเร็ว จัดตั้งแผนกวรรณกรรมขึ้นมาเพื่อดึงดูดผู้ใช้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งจงใจใช้วิธีนี้ฉกชิงตลาดผู้ใช้กับปู้ลั่ว

ตอนนี้

บรรณาธิการของแผนกเอ่ยด้วยความกังวล “ตอนนี้ปู้ลั่วกับบล็อกอยู่ในสถานะชะงักงัน ผู้ใช้ของทั้งสองแพล็ตฟอร์มยังคงเท่ากัน มาตรฐานของบริษัทต่อทุกแผนกนั้นสูงมาก ถ้าหากแผนกวรรณกรรมของเราเกิดความผิดพลาด น่ากลัวว่าเบื้องบนคงลงดาบพวกเราแน่”

“วางใจเถอะ”

ฮั่นจี้เหม่ยกล่าวเสียงเรียบ “เบื้องบนไม่มีทางลงโทษพวกคุณหรอก มีแต่จะสั่งลงดาบหัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านวรรณกรรมอย่างฉันน่ะสิ แต่ถึงยังไงคู่แข่งก็เริ่มต้นช้ากว่าเรา เรารีบติดต่อนักเขียนเรื่องสั้นในความดูแล แล้วชิงตลาดเรื่องสั้นของเดือนมีนาคมดีกว่า!”

มีคนเอ่ยขึ้นว่า “งั้นต้องคิดหาวิธีกระตุ้นความกระตือรือร้นของนักเขียน”

ฮั่นจี้เหม่ยพยักหน้า “ดังนั้นฉันเลยวางแผนว่าในเดือนมีนาคม ปู้ลั่ววรรณกรรมจะตั้งรางวัลหนึ่งล้าน ผลงานที่ได้รางวัลที่หนึ่งจะได้เงินหนึ่งล้านหยวน การจัดอันดับนี้จะมาจากการโหวตของผู้ใช้ ก่อนที่จะปฏิรูปเราเคยจัดกิจกรรมนี้มาก่อน ผลลัพธ์ก็เห็นได้ชัดเจน”

“งั้นเพิ่มรางวัลที่สองกับรางวัลที่สามด้วยแล้วกันค่ะ…” หัวหน้าบรรณาธิการบางคนบอก

ฮั่นจี้เหม่ยพยักหน้า เธอมีแผนนี้อยู่ในใจแล้ว “รางวัลที่สองห้าแสนหยวน รางวัลที่สามสามแสนหยวน รางวัลที่สี่ถึงยี่สิบหนึ่งแสนหยวน!”

ขนาดของกิจกรรมในครั้งนี้ใหญ่กว่าก่อนปฏิรูปเยอะมาก!

แต่นี่ก็คือความโหดร้ายของการแข่งขันของตลาด

ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะสูงตามมา แต่ถ้าหากสามารถดึงดูดผู้ใช้ที่ชื่นชอบการอ่านเรื่องสั้นออนไลน์ได้ก็นับว่าคุ้มค่ามาก!

“เหนือสิ่งอื่นใดก็คือคุณภาพของผลงาน”

ประธานกรรมการทอดถอนใจ “พวกเราจัดกิจกรรมได้ บล็อกก็จัดกิจกรรมได้เหมือนกัน ด้วยสถานการณ์ของบริษัทที่ใกล้เคียงกัน การเปรียบเทียบอำนาจเงินทุนของทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร สุดท้ายแล้วก็ต้องดูว่าคุณภาพของนิยายฝั่งใครสูงกว่ากัน และเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้มากที่สุด”

“เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นการแข่งว่าใครมีคนเก่งมากกว่ากัน”

ฮั่นจี้เหม่ยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกคุณรีบติดต่อนักเขียนเรื่องสั้นไปเดี๋ยวนี้เลย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับยอดผู้เข้าชมของเดือนมีนาด้วย ไปเชิญนักเขียนเรื่องสั้นฝีมือดีที่สุดที่พวกคุณหาได้มาเลย!”

“รับทราบ!”

บรรณาธิการต่างตอบรับกันเซ็งแซ่

เชื่อได้ว่า รายชื่อนักเขียนเรื่องสั้นในครั้งนี้จะต้องยกระดับสูงขึ้นจากรายชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมปีที่แล้วมากอย่างแน่นอน!

ถึงขั้นที่มีคนนึกสงสัยว่า…

จะมีนักเขียนเรื่องสั้นชั้นนำปรากฏตัวออกมา

………………………………………………..

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท