เสียงของชายชราแหบแห้ง ”เฮ่อเหลียนกวงเย่า ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลเฮ่อเหลียน”
นิ้วของเฮ่อเหลียนเวยเวยเกร็ง นางคาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ นางมองเพื่อนร่วมโต๊ะ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตายุ่งยากใจ คู่หูของนางทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินในสิ่งที่ชายชรากล่าว ใบหน้าของเขายังคงราบเรียบ ชั่วร้าย และไม่เผยอารมณ์ใดออกมาแม้แต่น้อย
“ในเวลานั้น ที่ตระกูลเฮ่อเหลียนเพิ่งมีคนตายพอดี เฮ่อเหลียนกวงเย่าจึงนิมนต์อาตมาไปที่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ แสร้งว่าต้องการให้อาตมาช่วยสวดมนต์ให้กับภรรยาของเขา แต่นั่นเป็นเพียงฉากหน้าเพื่อให้อาตมาทำการทำนายครั้งที่สองต่างหาก”
เมื่อชายชราเล่าเรื่องนี้ออกมา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็นึกถึงภาพที่ทำให้นางรู้สึกอึดอัดขึ้นมาได้ทันที ตอนที่ท่านแม่ของนางจากไป เฮ่อเหลียนกวงเย่าไม่แม้แต่จะเตรียมโลงศพดีๆ ให้กับนางเลยด้วยซ้ำ เขาสั่งให้ข้ารับใช้ห่อร่างของนางด้วยผ้าขี้ริ้ว แล้วนำร่างของนางไปไว้ที่โถงด้านใน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตน เขาแสดงบทบาทของสามีที่ร้องไห้ตรอมใจได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว แต่ร่างท่านแม่ของนางยังไม่ทันแข็งเลยด้วยซ้ำ เขาก็พาซูเหยียนโม่เข้ามาในบ้านแล้ว แม้เฮ่อเหลียนเวยเวยจะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง แต่ความทรมานที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างของนางก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางต้องกำหมัดแน่น ”ทำไมถึงต้องเป็นคฤหาสน์ผู้พิทักษ์”
“สถานที่ที่มีพลังวิญญาณกล้าแกร่งที่สุดในจักรวรรดิมีอยู่เพียงสองแห่งเท่านั้น นั่นคือวังหลวงและคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ การเข้าไปในวังหลวงย่อมเป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินไป อีกทั้งในเวลานั้น อดีตฮ่องเต้ก็ยังทรงครองราชย์อยู่ สี่ผู้อาวุโสจึงเกรงกลัวสติปัญญาของเขาในเรื่องนี้” ชายชราลดเสียงลง ”บางทีพวกเขาอาจวางแผนกันเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ระหว่างนั้นกลับมีความผิดพลาดบางประการเกิดขึ้น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลงเล็กน้อย ”มีอะไรผิดพลาดหรือ”
“คนที่พวกเขาส่งมาล้วนแต่ไว้ใจไม่ได้ทั้งสิ้น” ชายชราเอ่ยช้าๆ ”ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัวอยู่ไม่น้อย ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบุตรสาวของตัวเองด้วยแล้ว คฤหาสน์ผู้พิทักษ์มีบุตรสาวสามคนที่อายุไล่เลี่ยกัน คนที่อายุน้อยที่สุดห่างกับคนอื่นแค่เพียงปีเดียว แต่อีกสองคนอายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น คำทำนายบอกว่าในอีกสิบปี พระชายาจะกลับชาติมาเกิด และจุดหมายปลายทางนั้นก็คือคฤหาสน์ผู้พิทักษ์นั่นเอง” เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น แล้วรอให้ชายชราเอ่ยต่อ
“นี่เป็นคำทำนายสุดท้ายที่ทำให้อาตมาต้องตกอยู่ในอันตราย เพื่อทำให้สี่ผู้อาวุโสเชื่อว่าบุตรสาวแท้ๆ ของนางเป็นพระชายา ฮูหยินซูจากตระกูลคฤหาสน์ผู้พิทักษ์จึงส่งมือสังหารมาลอบสังหารอาตมาในตอนที่อาตมากำลังอ่อนแอจากการเปิดเผยคำทำนาย” ชายชราเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น ”แท้จริงแล้วยังมีเด็กผู้หญิงอยู่อีกหนึ่งคน ลูกแท้ๆ ของตระกูลเฮ่อเหลียนที่ชื่อเฮ่อเหลียนเวยเวย นางต่างหากที่เป็นพระชายาตัวจริง!”
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดเปรี้ยงกลางท้องฟ้า แสงของมันตกกระทบกับดวงตาสุกใสราวกับผลึกแก้วของเฮ่อเหลียนเวยเวย และสะท้อนให้เห็นสายตาอันเย็นชา
ริมฝีปากบางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่…
เขาไม่แปลกใจเลยที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นพระชายา
แต่วิธีการที่บรรดาผู้อาวุโสใช้นั้นล้วนแต่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
ชายชราไม่รู้ว่าหนึ่งในสองคนที่เข้ามาในถ้ำคือเฮ่อเหลียนเวยเวย เขาหลุบตาลงด้วยความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง สองแก้มซูบตอบ ”อาตมาเคยกระทำผิดเพียงครั้งเดียวในชีวิต อาตมาเปิดเผยความลับสวรรค์ พระชายากลับชาติมาเกิดแล้ว อาตมาหวังว่าแม่หนูจะช่วยตามหานาง แล้วเล่าเรื่องราวในอดีตนี้ให้นางฟัง ตลอดหลายปีมานี้อาตมาสงสัยว่าเหตุใดผู้อาวุโสจึงต้องการตัวเด็กสาวที่เป็นพระชายานัก ตอนนี้อาตมาเข้าใจแล้ว พวกเขาไม่ได้เพียงต้องการแค่พระชายา แต่พวกเขาไม่พอใจกับอำนาจที่ตนมีในปัจจุบันต่างหาก เพื่อจะต่อต้านราชวงศ์ พวกเขาจำเป็นต้องเสาะหาทุกโอกาสที่มี หากมันเป็นเพียงแค่การแย่งชิงอำนาจทั่วไปก็คงดี แต่ตอนที่อาตมาอยู่ที่จักรวรรดิ อาตมากลับล่วงรู้ความลับของพวกเขาเข้า ความลับนี้ทำให้อาตมายากจะสงบใจได้ พวกเขาเข่นฆ่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปมากมายโดยไม่ได้รับอนุญาต เหมือนกับว่าพวกเขามีแผนการบางอย่างอยู่ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม อาตมากังวลเรื่องอนาคตของโลกยิ่งนักหากมันต้องตกไปอยู่ในมือของคนพวกนั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อาตมาต้องการให้เจ้านำเรื่องนี้ไปบอกเด็กสาวที่เป็นพระชายาผู้นั้น นางจะได้ไม่ตกไปเป็นหุ่นเชิดของพวกเขา”
“นางไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าหล่อเหลาของเขามักทำให้ผู้คนเข้าใจว่ามีเทพเจ้ากำลังจุติลงมาจากสวรรค์
ชายชรามองเขาด้วยความตกใจ ”เจ้า…” เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงได้หน้าตาคล้ายกับเทวรูปที่เขาเคยเห็นในทุ่งหญ้าศักดิ์สิทธิ์มากถึงเพียงนี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนแสดงอารมณ์หลายอย่างออกมา
แต่เขากลับไม่สามารถรวบรวมความคิดได้
เขาได้ยินเฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยว่า ”ไต้ซือ อันที่จริงแล้ว ข้าคือเฮ่อเหลียนเวยเวย”
นางเกาสันจมูกของตน รอยยิ้มประหม่าปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
“เจ้า…” ชายชราตกตะลึง นิ้วของเขาสั่นเทา ”เจ้าคือนางหรือ แต่เจ้ามาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไรกัน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าชายชรากำลังพูดถึงสีผิวของนาง นางครุ่นคิด แล้วมะเขือเทศลูกเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นมาที่มือของนาง จากนั้นนางก็ถูเข้ากับใบหน้าของตน ใบหน้าอันงดงามตระการตาของนางปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์
“หลังจากที่ท่านแม่ของข้าจากไป ฮูหยินซูก็วางยาพิษข้า” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะเย็นชา ”นางอาจจะกังวลว่าข้าจะขโมยความสนใจจากบุตรสาวของตัวเองไปกระมัง แต่ก็ต้องขอบคุณความคิดนั้นของนาง มิฉะนั้นไม่รู้ว่าใบหน้าของข้าจะนำพาเรื่องวุ่นวายขนาดไหนเข้ามาบ้าง” นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ยอมกลับคืนสู่รูปลักษณ์ที่แท้จริงของตน
ชายชราถอนหายใจยาว ”ทุกอย่างเป็นความผิดของอาตมา หากไม่ใช่เพราะอาตมา…”
“หากไม่ใช่เพราะไต้ซือ เช่นนั้นป่านนี้ข้าก็คงได้กลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้วจริงๆ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มพร้อมกับพูดต่อจากประโยคของเขา นางยกหลังมือขึ้นลูบหน้า ใบหน้าของนางกลับมาคล้ำดังเดิม
ชายชรามองนาง แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนได้ยินไปทั่ว ”นับว่าโชคดี เป็นเรื่องตลกบนความโชคดีจริงๆ อาตมาไม่นึกเลยว่าจะมีโชคได้พบกับพระชายาระหว่างที่อาตมาต้องมาติดอยู่ที่นี่ลำพังเพื่อทบทวนถึงความผิดพลาดในอดีตของตน”
“ไต้ซืออย่าได้เข้มงวดกับตัวเองเลย คนที่ทำผิดจริงๆ นั้นไม่ใช่ท่านหรอก” สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ชายชรามองแสงจันทร์ด้านนอก ”พระชายา นี่ก็ดึกมากแล้ว”
“แล้วทำไมหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วขึ้น
นางเห็นชายชราขยับมือข้างซ้าย ฝ่ามือของเขาราวกับมีพลังลึกลับสถิตอยู่ เขาลากมันไปตามลายมือของนาง แล้วทันใดนั้นพลังวิญญาณทั้งหมดก็พุ่งเข้าไปในตัวของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ภาพเหตุการณ์จำนวนมากแล่นเข้ามาในจิตของเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่พลังปริมาณมหาศาลนั้นกลับช่วยปกป้องจิตใจของนางไว้ เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าร่างทั้งร่างของนางถูกกระแสน้ำอุ่นรุกล้ำเข้ามา จากนั้นร่างของนางก็กระตุก แล้วสายน้ำก็พัดนางขึ้นไปกลางอากาศ เสื้อคลุมสีขาวของนางลู่ไปตามสายลม แขนเสื้อยาวของนางลอยขึ้นไปในอากาศ ยิ่งเมื่อมีแมกไม้เขียวขจี และท้องฟ้ากับเมฆสีขาวเป็นฉากหลัง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกราวกับว่าภาพนี้เป็นภาพการปรากฏตัวของเทพธิดา
“ความผิดที่อาตมาได้ก่อเอาไว้ในอดีตอาจทำให้โลกใบนี้เกิดหายนะได้ อาตมาขอส่งมอบพลังวิญญาณทั้งหมดของตัวเองให้กับเจ้า อาตมาหวังเพียงว่าพระชายาจะสามารถช่วยเหลือผู้คนบนโลกอันสับสนวุ่นวายนี้ได้”