บทที่ 241 ปวดหัวใจ นี่ข้าคิดถึงเขาอีกแล้วหรือ?
ออกจากร้านมาแล้ว พวกหยวนอีต่างหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าหนักอึ้ง
พวกเขายังครุ่นคิดอยู่ว่าเหตุใดท่านเซียนถึงกล่าวถึงชิงโจว ซ้ำยังถอนหายใจอีก!
“จะเกี่ยวข้องกับโพรงมังกรหรือไม่!”
หยวนอีตาลุกวาว ในหัวนึกไปถึงโพรงมังกร
ภายในโพรงมังกรมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่เห็น ๆ นอกจากโพรงมังกร นางคิดไม่ออกเลยว่าชิงโจวยังมีสิ่งอื่นใดให้ท่านเซียนกล่าวถึงได้อีก…
เมื่อครั้งยังอยู่ในโพรงมังกร นางก็คิดได้แล้วว่าท่านเซียนอาจมิได้แค่ต้องการให้นางไปนำกระถางดอกไม้จากโพรงมังกรเท่านั้น นางรู้สึกว่าท่านเซียนอยากให้นางได้ล่วงรู้สถานการณ์ในโพรงมังกรมากกว่า
บัดนี้มาคิดดูแล้ว เมื่อปะติดปะต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความคิดของนางมิได้ผิดเพี้ยน!
‘มิน่าคุณชายถึงประทานใบชาแก่เรา!’
หยวนอีคิดตกแล้วอย่างถ่องแท้
มังกรดำในโพรงมังกรนั้นดูก็รู้ว่ามิได้มาดี และความลับที่มังกรดำรักษาอยู่ต้องมิใช่เรื่องดีแน่!
ในสายตาของนาง ความลับใหญ่หลวงภายในโพรงมังกรเป็นเรื่องอันตรายมาก ไม่แน่อาจเกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในชิงโจว!
เพราะอย่างนั้นท่านเซียนถึงกล่าวถึงชิงโจว ซ้ำยังถอนหายใจ!
ท่านเซียนไม่ต้องการทนดูเรื่องนี้เกิดขึ้น ถึงได้สั่งให้นางไปนำกระถางดอกไม้จากโพรงมังกร ให้นางได้ล่วงรู้สถานการณ์ในโพรงมังกร
และที่ท่านเซียนประทานใบชาแก่พวกเขาคิดแล้วคงเพื่อเสริมพลังให้พวกเขา จักได้แก้ปัญหาของโพรงมังกรได้
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!”
หลังหยวนอีคิดตก นางมิกล้าชักช้าต่อไปแม้แต่น้อย รีบไปจากเมืองชิงซานพร้อมกับบิดาและบรรพจารย์ของนาง
ขณะพวกเขากลับยังไม่ลืมต้นหลิวกับก้อนหิน พวกเขามาอยู่ริมน้ำเพื่อบอกลาต้นหลิวกับก้อนหิน แล้วจึงจากที่นี่ไป
“มีมารยาทเสียจริง…”
ก้อนหินเอ่ยยิ้ม ๆ
“เจ้าหินโง่ ผู้ไร้มารยาทและมีจิตใจต่ำทราม ไฉนเลยจะได้พบคุณชาย!”
ต้นหลิวตำหนิ
…
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในอาณาจักรนี้
ที่แห่งนี้นั้นมิได้อยู่ในสิบแปดแคว้นแห่งดินแดนหยิน หากแต่อยู่ในอีกดินแดนหนึ่ง นามว่าดินแดนฮวง
โลกแห่งนี้มีมหาดินแดนอยู่สามแห่ง ประกอบด้วย ดินแดนหยิน ดินแดนฮวง และดินแดนฝู
ภายในสามมหาดินแดนนี้มีแคว้นอยู่หลายแคว้น
โฮก โฮก โฮก!
ภายในแดนมารประดุจคุกอเวจีแห่งหนึ่ง เสียงอสูรร้ายโหดเหี้ยมน่ากลัวดังอยู่มากมาย หมอกโลหิตท่วมท้นนภา สยดสยองถึงขีดสุด!
พวกมันมีขนาดตัวมหึมา ประหนึ่งทิวเขาสูงใหญ่มากมายที่อ้าปากอันเต็มไปด้วยเลือด คล้ายว่าสามารถกลืนกินสุริยันจันทราและดวงดาราเข้าไป!
ทว่า อสูรร้ายสยดสยองเยี่ยงนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวงามพิลาสดั่งนางเซียนจากสวรรค์ชั้นเก้ากลับอ่อนปวกเปียก ต้านทานไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว ด้อยพลังจนดูไม่ได้
หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงสีขาว เท้ามิแตะพื้น ราวกับเป็นงานศิลป์อันสมบูรณ์แบบที่สุดของสรวงสวรรค์ ดวงหน้านวลเนียนดั่งหยกประณีตไร้จุดด่างพร้อย
นางมีเรือนร่างอรชร สัดส่วนสมบูรณ์แบบ ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย ผมดกดำเงางามดั่งน้ำตกสยายคลอไหล่ ยิ่งทวีความงดงามขึ้นไปอีก
น่าเสียดาย สตรีโฉมสะคราญสมบูรณ์แบบเช่นนี้ กลับมีกลิ่นอายเย็นชา ให้ความรู้สึกไม่น่าเข้าใกล้
ใบหน้าของนางปราศจากรอยยิ้มและเยือกเย็นเป็นที่สุด
แต่หากนางได้ยิ้มคงดูดีไม่น้อย มวลบุปผาที่เบ่งบานล้วนต้องสูญเสียสีสัน ดวงดาวพร่างพรายบนท้องฟ้ายังต้องหม่นหมองลง
นางเดินผ่านฝูงอสูรร้ายน่ากลัว ผิวนอกของร่างกายเปล่งบารมีดั่งประกายแห่งเซียน และดูเหมือนนางเซียนท่านหนึ่ง
นางมิได้ลงมือด้วยซ้ำ เพียงแต่เดินผ่านไปเฉย ๆ อสูรร้ายน่ากลัวตัวแล้วตัวเล่าล้มลงไปกับพื้นทั้งอย่างนั้น ราวกับถูกประกายแสงแห่งเซียนเชือดเฉือนจนเลือดสาดกระเซ็น!
ตั้งแต่แรกจนจบ ใบหน้าของนางไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
ทันใดนั้นนางพลันตัวสั่นไปวูบหนึ่ง คล้ายว่าปวดหัวใจขึ้นมา
“นี่ข้า…เป็นอันใดไป?”
นางพึมพำเสียงแผ่ว สีหน้าเลื่อนลอยน้อย ๆ “ข้าคิดถึงเขาอีกแล้วหรือ”
หญิงสาวสั่นศีรษะ สงบความคิดลง ตัวนางยังเหลือหนทางต้องก้าวเดินอีกยาว…
…
ณ เหยียนโจว แดนบูรพาทิศ
หลี่จิ่วเต้าได้กระถางดอกไม้มาแล้ว จึงโยกดอกไม้ต้นหญ้าในลานมาไว้ในกระถางดอกไม้
อย่างที่คิด พืชเหล่านี้ต้องวางในกระถางดอกไม้จึงจะงดงาม
หลังจากโยกดอกไม้ต้นหญ้าทั้งหลายเข้าไปในกระถางดอกไม้แล้ว ภาพตรงหน้ายกระดับขึ้นไปอีก เห็นแล้วชวนจิตใจชื่นบานเป็นที่สุด
เขามิได้ย้ายดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านี้เข้าไปในห้อง เพียงแต่โยกดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านี้ไปที่อื่น
กระถางในห้องมีมากพอแล้ว ไม่เหลือที่ให้วางดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านี้
จากนั้นชายหนุ่มก็หยิบจอบขึ้นมาทำงาน
หลี่จิ่วเต้าใช้จอบพรวนดินที่เคยใช้ปลูกดอกไม้ต้นหญ้าอีกครั้ง
สวรรค์!
สบายเกินไปไหม!?
ภายในจอบ ญาณมารของดาบมารอมตะ เอ๊ะ! ไม่สิ ตอนนี้เป็นญาณแห่งจอบเซียนพูดในใจอย่างอดไม่ได้
ดินผืนนี้ ธรณีผืนนี้ สูงส่งเหนือปวงชนทุกอณู แฝงไว้ซึ่งพลังชีวิตเหลือล้น!
ทุกครั้งที่มันถูกเจาะลงไปในดินล้วนเป็นการดื่มด่ำ ความรู้สึกนี้จะสบายชื่นมื่นเกินไปแล้ว!
ข้าขอพรวนดินให้ท่านเซียนตลอดชีวิต!
มันตะโกนในใจ เต็มไปด้วยความสุขี
“คุณชายหลี่อยู่หรือไม่”
ขณะที่หลี่จิ่วเต้ากำลังพรวนดิน ก็ได้ยินมีคนเรียกเขา ชายหนุ่มวางจอบลง ก่อนจะสะบัดดินตามตัวออกแล้วเดินไปที่ร้าน
เอ๊ะ เหตุใดถึงหยุดลง?
ญาณแห่งจอบเซียนผิดหวังขึ้นมาในบัดดล ความรู้สึกที่ได้พรวนดินชวนให้ระลึกถึงอย่างยิ่ง
หลี่จิ่วเต้ามาถึงหน้าร้าน ก็เห็นว่าเป็นลุงจางข้างบ้านมาหาเขา
“ท่านลุงจาง มีอันใดหรือ”
หลี่จิ่วเต้าถาม
ลุงจางเปิดร้านอยู่ข้างเขา ห่างกันเพียงกำแพงเดียว
“คืออย่างนี้คุณชายหลี่”
ลุงจางคลี่ยิ้ม “คุณหลี่คงทราบว่าข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียวซึ่งแต่งงานไปอยู่ที่เมืองลั่วเยว่ ตั้งแต่บุตรสาวของข้าได้แต่งงานก็บอกว่าจะรับข้าไปอยู่ด้วย ข้าพิจารณาดูแล้วเห็นว่าไม่สะดวกนัก บวกกับร่างกายยังพอไหว จึงมิได้ไปเสียที”
เขาเอ่ยต่อ “ทว่าช่วงนี้ข้ารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสุขภาพข้ามิสู้เมื่อก่อน ข้าคิดว่าถึงเวลาที่ข้าควรไปหาบุตรสาวของข้าแล้ว สองวันนี้ข้าได้ยินว่าคุณชายหลี่กำลังหาลานเล็กที่ยังว่างอยู่ และยังไม่เจอที่เหมาะสม ถ้าคุณชายหลี่ไม่รังเกียจ ข้าขอยกลานเล็กของข้าให้คุณชายหลี่”
“เช่นนั้นได้เยี่ยงไร!”
หลี่จิ่วเต้าปฏิเสธรัว ยกลานเล็กให้เขาถือเป็นของขวัญนี่ใหญ่หลวงเกินไปแล้ว
“คุณชายหลี่พูดเช่นนี้คงมิได้!”
ลุงจางกล่าว “ภรรยาข้าด่วนจากไป บุตรสาวก็แต่งงานไปอยู่ที่เมืองลั่วเยว่อยู่นาน หากมิได้คุณชายหลี่ ข้าไฉนเลยจะมีชีวิตอยู่ถึงบัดนี้!”
เขาใช้ชีวิตตามลำพังอยู่ที่นี่ คุณชายหลี่อยู่ข้างบ้านเขา มาเยี่ยมเยียนดูแลเขาอยู่บ่อย ๆ
โดยเฉพาะครั้งหนึ่งที่เขาเจ็บป่วยขึ้นมากะทันหัน หากมิได้คุณชายหลี่มาเจอเข้าได้ทันท่วงทีและทำการรักษาเขา เขาคงตายไปตั้งแต่ครานั้นแล้ว
เขาเองก็ตัดสินใจตามบุตรสาวไปที่เมืองลั่วเยว่ตั้งแต่ครานั้น
ตัวเขามีนิสัยค่อนข้างรั้น ที่ผ่านมาไม่อยากจากที่ที่เคยอยู่ร่วมกับภรรยา ทว่าเขาแก่ชราลงเรื่อย ๆ จำต้องมีคนคอยดูแลอยู่ตลอด
ครอบครัวของบุตรสาวอยู่ที่เมืองลั่วเยว่กันหมด เขาไม่คิดเผื่อตนเองก็ต้องคิดเผื่อบุตรสาวของเขา บุตรสาวไม่สะดวกอยู่ดูแลเขาที่นี่ในระยะยาว
เพราะอย่างนั้น หลายวันมานี้เขาจึงทำการตัดสินใจว่าจะตามบุตรสาวไปที่เมืองลั่วเยว่
ตัวเขาเก็บกวาดสัมภาระเรียบร้อยและนำไปเก็บไว้บนรถแล้ว รอเพียงออกเดินทางเท่านั้น
จากกันครานี้ เกรงว่าเขาคงมิได้กลับมาอีกแล้ว
นึกถึงหลี่จิ่วเต้าที่ดูแลเขามาหลายปี จึงคิดจะยกลานเล็กให้หลี่จิ่วเต้าเพื่อแทนคำขอบคุณ
“คุณชายอย่าปฏิเสธเลย! นี่คือกุญแจของลาน!”
ลุงจางยัดกุญแจใส่มือหลี่จิ่วเต้า แล้วรีบร้อนไปจากที่นี่
เขารู้ว่าคุณชายมีเมตตา ไม่หวังสิ่งเหล่านี้ กระนั้นเขาเก็บลานเล็กแห่งนี้ไว้ก็เปล่าประโยชน์
เขากลัวหลี่จิ่วเต้าปฏิเสธเขาอีกจึงรีบร้อนออกไป
“ท่านลุงจาง รอข้าก่อน!”
หลี่จิ่วเต้ารีบวิ่งเข้าไปในบ้าน หยิบตำลึงเงินจำนวนหนึ่งแล้วตามออกไป
ทว่าเวลานั้น ลุงจางขึ้นรถไปแล้ว
หลี่จิ่วเต้าวิ่งเข้าไปวางตำลึงเงินบนรถ
“คุณชายหลี่ ท่าน…”
ลุงจางถอนหายใจ เขาได้คุณชายหลี่ดูแลมานาน ซ้ำคุณชายหลี่ยังเคยช่วยชีวิตเขา ลำพังยกลานเล็กให้ยังไม่พอจะแสดงความขอบคุณที่เขามีต่อคุณชายหลี่เลย!
“คุณชาย เท่านี้มันมากเกินไปแล้ว!”
บุตรสาวของลุงจางเห็นจำนวนตำลึงเงินที่หลี่จิ่วเต้าวางไว้บนรถม้าจึงรีบเอ่ยขึ้น “ที่ท่านพ่อยกลานเล็กให้ท่าน ข้าเองก็เห็นด้วย พวกเราไม่อาจรับเงินของคุณชายได้!”
“ไม่เป็นไร”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม ดันตำลึงเงินกลับไป “ดูแลท่านพ่อของเจ้าให้ดี เข้าใจหรือไม่”
เขาไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมไว้ในหลายปีมานี้มากพอแล้ว
เขามีความสามารถติดตัวมากมาย ไม่ว่าความสามารถไหนต่างรับประกันชีวิตของเขาได้
“ขอบคุณคุณชายหลี่!”
บุตรสาวลุงจางกล่าวขอบคุณหลี่จิ่วเต้า
คุณชายหลี่เป็นผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง ตำลึงเงินที่ให้มาพอซื้อลานเล็กเช่นนี้ถึงสองหลังแล้ว
“ลาก่อนคุณชายหลี่!”
ลุงจางบอกลาหลี่จิ่วเต้า รถม้าแล่นจากไป
“เดินทางปลอดภัย”
หลี่จิ่วเต้าโบกมือลาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยามชรามีบุตรหลานข้างกายเป็นเรื่องที่มีความสุขยิ่ง
“คราวนี้ไม่ต้องกลุ้มใจอีกแล้ว…”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย เขาสามารถทุบให้ลานเล็กสองแห่งเชื่อมถึงกัน ถึงครานั้นอยากจะปลูกผักชนิดก็ได้ พื้นที่กว้างขวางสุด ๆ