ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 8-4

ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 8-4

“…!”

ความคิดที่โผล่ขึ้นมาในหัวทำให้อินซอบดีดตัวลุกขึ้น และเริ่มแกะลังอย่างไม่เลือก หลังจากแกะไปได้ประมาณสิบลัง เขาก็เจอลังที่เขาห่อหนังสือเก็บเอาไว้ เขาหยิบหนังสือที่เรียงไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาทั้งหมด และล้วงเอาหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ที่ก้นลังออกมายากลำบาก

‘การเดินทางไม่มีสิ้นสุด’

หากต้องวางมือจากหนังสือไปในขณะที่กำลังอ่านอยู่ อีอูยอนมักจะมีนิสัยชอบพับหัวมุมกระดาษไว้เล็กๆ พอเขาถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้นทุกครั้งโดยไม่ใช้ที่คั่นหนังสือ อีกฝ่ายก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบ

‘ยังไงมันก็เป็นแค่หนังสือนี่ครับ จะไปสนใจอะไรล่ะ’

อินซอบใช้มือที่สั่นเทากางหนังสือออกและหาวรรคสุดท้ายของนิยาย จากนั้นก็เดินไปที่หน้าชั้นวางหนังสืออย่างช้าๆ หน้าที่หนึ่ง หน้าที่สอง และหน้าที่สาม

“…”

หัวมุมกระดาษแผ่นที่สามตรงหน้าในส่วนของบทสรุปถูกพับไว้เล็กๆ

วันที่อีกฝ่ายรออยู่ทั้งคืนที่กรรมการผู้จัดการคิมพูดถึง คือวันนั้นที่เขาเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก วันนั้นอีอูยอนอยู่ที่ห้องของเขา

เขาเข้าใจในน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่ไม่ง่วงเลยสักนิดเดียวในตอนที่โทรศัพท์ไปหาตอนกลางดึก และท่าทีที่เย็นชาของอีกฝ่ายในคราวเดียว

‘ต่อให้คุณอินซอบจะทิ้งผมไป ผมก็จะรอจนกว่าคุณจะถือกล่องเค้กกลับมาครับ’

‘ถ้าไม่มีอะไรจะบอก ก็ควรจะเอาเค้กมาด้วยสิ’

เสียงของอีอูยอนดังซ้อนทับกันอยู่ในหัว คำพูดต่างๆ ของอีกฝ่ายที่เขาไม่เข้าใจในตอนนั้นเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นมาทีละนิด ตอนนั้นอินซอบถึงได้รู้เหตุผลที่อีอูยอนไม่เค้นถามเรื่องตนเรื่องการโกหก และรอให้พูดความจริง

เขาไม่อยากให้เรื่องที่ฮาวายเกิดขึ้นซ้ำอีก เพราะแบบนั้นวันนั้นอีอูยอนอ่านหนังสือให้ฟังทั้งคืนทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเขาเองโกหก

“…”

หนังสือที่ถืออยู่ในมือตกลงบนพื้นราวกับลื่นหลุดจากมือ

อีอูยอนต่อสู้ขนาดนั้นเพื่อที่จะเชื่อใจเขา แต่เขากลับพยายามเพื่อที่จะสงสัยในตัวอีกฝ่าย เพื่อหาความชอบธรรมว่าอีกฝ่ายต้องทรยศตัวเองเป็นแน่

ท้องไส้ของเขาปั่นป่วน อินซอบวิ่งไปที่ห้องน้ำ และทรุดนั่งลงกับพื้น แต่ไม่มีอะไรให้อ้วกออกมา มีเพียงน้ำย่อยเปรี้ยวๆ ที่ปนกับน้ำลายเท่าที่ไหลขึ้นมาตามลำคอ เขารู้สึกปวดราวกับกระเพาะถูกวัตถุติดไฟชั้นดีแทง แต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดทางร่างกาย แม้จะใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา แต่ก็เปล่าประโยชน์ น้ำตาของเขาไหลลงมาราวกับพยายามจะระบายความชื้นทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกายออกมาให้หมด

เขาคิดว่าวันหนึ่งคงต้องจบลง และฝ่ายที่ถูกทิ้งจะต้องเป็นตัวเองแน่ๆ เพราะเขาเชื่อว่าความรู้สึกที่มีต่ออีอูยอนจะไม่เปลี่ยนแปลง

แต่คนที่เปลี่ยนไปก็คือตัวเขาเอง ยิ่งเวลาผ่านไป ความโลภที่มีต่ออีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนทำให้เขารู้สึกกดดันในที่สุด อีกฝ่ายพยายามจะรักษาสัญญาที่ตัวเองให้ไว้ให้ได้จนถึงที่สุด แต่ในที่สุดเขาก็ทิ้งอีอูยอนไปด้วยหัวใจที่ไม่ได้เรื่องของตัวเอง

อินซอบใช้มือทั้งสองข้างกุมใบหน้าของตัวเอง

ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ปฏิเสธในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำ ไม่สิ เขาอาจจะไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิเสธก็ได้ และการที่เขาเบื่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว เพราะเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเชื่อใจตนแต่ตนกลับถูกคำพูดของคนอื่นทำให้ไขว้เขว และยอมแพ้ในตัวของอีอูยอน

น้ำตาที่หยดลงมาเปียกพื้น ความรู้สึกเสียใจที่ทำลงไปกับความละอายถาโถมเข้ามา เขาอึดอัดใจจนหายใจได้ลำบาก และทั้งตัวก็เย็นเฉียบขึ้นมาอย่างกะทันหันเหมือนกับเลือดไหลออกมาจากใต้เท้า เขาได้ยินเสียงดังตึกตักในหูเหมือนกับสมองกับหัวใจเชื่อมต่อกัน

อินซอบลุกขึ้นอย่างลำบาก เขาหาขวดยาที่วางอยู่ตรงชั้นวางของในห้องน้ำและกลืนยาลงไป เขานั่งอย่างหมิ่นเหม่ตรงอ่างอาบน้ำพลางปรับลมหายใจให้เข้าที่จนกว่ายาจะออกฤทธิ์ พอเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกว่าเลือดได้กลับมาสูบฉีดทั่วทั้งตัวแล้ว เหงื่อที่เปียกโชกไหลลงมาตามหน้าผาก และหยดลงบนหลังมือ

เขานึกถึงคำเตือนของหมอที่บอกว่าห้ามประมาทกับความเครียด และคิดว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป สักวันเขาอาจจะตายจริงๆ ก็ได้

‘จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตกับการคบหากันด้วยเหรอครับ’

“…”

เขาตาลายเหมือนถูกตีเข้าที่หลังศีรษะ

จากนั้นคำพูดต่างๆ ที่อีอูยอนเคยพูดกับตนก็หลั่งไหลออกมาในความทรงจำ

กินข้าวเช้าหรือยังครับ ช่วงนี้นอนหลับสนิทหรือเปล่า ดูเหมือนจะกินไม่ได้มากกว่าปกติอีกนะ กินข้าวให้ครบทุกมื้อนะครับ ไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหนใช่ไหมครับ เหมือนจะไม่ใช่อาการหวัดนะครับ ไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหนจริงๆ ใช่ไหมครับ ร่างกายเป็นยังไงบ้างครับ

กินข้าวครบทุกมื้อ…หรือเปล่าครับ

นี่ไม่ใช่คำถามโดยทั่วไป มีความจริงใจแฝงอยู่ในคำพูดทั้งหมดที่เขาพูด

‘ห้ามป่วยนะครับ’

คำขอร้องที่อีกฝ่ายขอร้องตนด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งอย่างจริงจังเป็นพิเศษ

และนั่นก็คือเหตุผลที่อีอูยอนทิ้งเขา

***

พอขับรถผ่านจนน้ำกระเซ็นอย่างหนัก เขาก็ได้ยินเสียงบีบแตรด้วยความหงุดหงิดจากรถที่ขับอยู่ในเลนข้างๆ ถ้าเป็นปกติเขาน่าจะลดกระจกรถ และเอ่ยปากขอโทษ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะทำแบบนั้น

เขาต้องรีบไป

อินซอบจับพวงมาลัยอย่างกระวนกระวายใจ

พอได้รู้เหตุผลที่อีอูยอนโกหกตัวเอง อินซอบก็ต่อสายหากรรมการผู้จัดการคิมทันที

‘รู้แล้วเหรอว่าอีอูยอนอยู่ที่ไหน’

ทันทีที่รับสาย กรรมการผู้จัดการคิมก็ถามอย่างร้อนรน เขาสามารถรู้ได้เลยว่าคำพูดที่อีกฝ่ายพูดว่าไม่ต้องเป็นห่วงนั้นเป็นคำพูดที่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ

‘ยังไม่รู้เลยครับ ผมขอถามได้ไหมครับว่าไปลองหาคุณอีอูยอนที่ไหนมาบ้างแล้ว’

‘ไปหาที่บ้านเก่ากับบ้านที่เพิ่งย้ายไปใหม่มาหมดแล้ว’

‘ติดต่อไม่ได้เลยเหรอครับ’

กรรมการผู้จัดการคิมถอนหายใจ และเริ่มคร่ำครวญถึงความเสียใจที่กลั้นเอาไว้ออกมา

‘เพราะเขาทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ ฉันถึงได้ประสาทกินอยู่นี่ไงล่ะ ฉันกลัวว่าเขาจะก่อเรื่องอะไร เลยนอนเฝ้าอยู่บนเตียงคนเฝ้าไข้แข็งๆ ถึงสามวัน เขาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ถ้าหายไปโดยที่พูดอะไรไว้สักหน่อย มันจะแย่ลงกว่าเดิมตรงไหน แล้วถ้าใส่ชุดผู้ป่วยเดินไปไหนมาไหนในสถานการณ์แบบนี้ พวกนักข่าวต้องจิกกัดว่าอะไรสักอย่างแน่ๆ ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว เขาทิ้งโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ไว้แล้วหายไป ฉันแก่ลงไปจมเลยเนี่ย’

‘แล้วกุญแจรถล่ะครับ’

คำถามของอินซอบทำให้กรรมการผู้จัดการคิมถามกลับเหมือนกับงงว่า ‘กุญแจรถเหรอ’ พอได้ยินแบบนั้นเขาก็ค้นหาอะไรบางอย่างทันที และตะโกนอย่างดีใจว่า ‘ไม่มีกุญแจ’ แค่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยการเดิน เขาก็โล่งใจแล้ว

อินซอบวางสายจากกรรมการผู้จัดการคิม และเตรียมตัวที่จะออกไป เขานึกถึงที่ที่อีกฝ่ายน่าจะไป และความคิดที่โผล่ขึ้นมาในหัวก็ทำให้อินซอบรีบโทรศัพท์หากรรมการผู้จัดการคิมเพื่อขอยืมรถอีกครั้ง

กรรมการผู้จัดการคิมขับเฟอร์รารี่มาที่บ้านของอินซอบทันที เขาสั่งให้ใช้ได้ตามใจชอบเลย เพราะนี่เป็นรถที่เร็วที่สุดในบรรดารถของตัวเอง หากเป็นเวลาปกติ อินซอบคงจะปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขารับกุญแจรถมาโดยไม่ต้องพูดซ้ำ

พอเหยียบคันเร่ง เสียงเครื่องยนต์หนักๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับรถที่ทะยานออกไปข้างหน้า ฝนที่เทลงมาทำให้มองรอบๆ ได้อย่างยากลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นอินซอบก็ไม่ยอมลดความเร็ว

เขาไม่แน่ใจว่าอีอูยอนจะอยู่ที่นั่น อีกฝ่ายเคยพูดถึงที่นั่นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่นอกจากที่นั่นแล้วก็ไม่มีที่อื่นที่เขานึกออก

ขอให้อีอูยอนอยู่ที่นั่นด้วยเถอะ

เขาภาวนาเหมือนเดิมซ้ำๆ ไปตลอดทางที่ออกจากโซล

ได้โปรด ได้โปรด…ได้โปรด

พอออกจากตัวเมืองมาได้ไม่นาน เขาก็เห็นบ้านพักตากอากาศที่อยู่ใกล้ๆ กับทะเลสาบ และรถที่จอดอยู่หน้าพักตากอากาศก็เข้ามาในสายตา

รถของอีอูยอน

อินซอบจอดรถราวกับจอดมั่วๆ และถือร่มวิ่งออกไปข้างนอก

อยู่ในบ้านพักตากอากาศหรือเปล่านะ

ความคิดที่ว่าต้องเช็กดูด้านในก่อนทำให้อินซอบหมุนตัวกลับ แต่พอเห็นว่าประตูถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา เขาก็เริ่มมองสังเกตรอบๆ อีกครั้ง ฝนเทลงมาอย่างแรงจนทำให้ดินเป็นแอ่ง ถึงขนาดที่เกินกำลังของตัวเขาเองที่กำลังยืนถือร่มอยู่

“คุณอูยอน!”

แม้จะเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง แต่ก็ถูกเสียงฝนกั้นไว้ และทำให้เสียงเรียกนั้นสูญเปล่า

หรือว่าแค่จอดรถเอาไว้ที่นี่แล้วไปที่อื่นหรือเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้นก็…

เขามองผิวของทะเลสาบที่ถูกเม็ดฝนทำให้เกิดเสียงดังอึกทึก ความกังวลใจที่จู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้อินซอบรีบส่ายหน้า

อีกฝ่ายคงจะไปได้ไม่ไกล ต้องอยู่แถวๆ นี้อย่างแน่นะ…

“…!”

ตาของอินซอบเบิกกว้าง

อินซอบวิ่งไปที่ม้านั่งที่อยู่หน้าทะเลสาบ อีอูยอนนั่งอยู่บนม้านั่งนั้น และมองทะเลสาบด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก

เขาอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ชุดผู้ป่วยของเขาอยู่ในสภาพที่เปียกโชก อินซอบยื่นร่มคันใหญ่ไปด้านหน้าก่อนจะเอนตัวไป

“…คุณจะเป็นหวัดนะครับ”

คำพูดของอินซอบทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่บนม้านั่งค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา วินาทีที่สบตากัน อีอูยอนก็ขมวดคิ้วเหมือนกับงงงวย จากนั้นก็ก้มมองมือของตัวเอง

การกระทำของอีกฝ่ายที่ไม่สามารถเข้าใจได้ทำให้อินซอบเป็นกังวลขึ้นมาทันที

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

แม้อินซอบจะเอ่ยถาม แต่อีอูยอนกลับไม่ยอมขยับ และเอาแต่เพ่งมองมือของตัวเอง จากนั้นเขาถอนหายใจออกมาทันทีและกุมใบหน้าของตัวเองไว้

“มีธุระอะไรที่นี่ครับ”

ตอนนั้นเองอีอูยอนถึงได้เอ่ยปากพูด

“ผมมาหาคุณอูยอนครับ”

“ติดอุปกรณ์ติดตามไว้ที่รถเหรอครับ ไม่สิ หรือว่าตัดสินใจจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นสตอล์กเกอร์แล้ว”

“…ผมจำที่คุณพูดก่อนหน้านี้ได้น่ะครับ”

ก่อนงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ อีอูยอนกอดอินซอบไว้และกระซิบด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กหนุ่มที่ตื่นเต้น

‘เราไปที่ไหนกันดีครับ ทะเลสาบที่เคยไปด้วยกันคราวนั้นก็ดีนะครับ’

หลังจากนึกคำพูดที่อีกฝ่ายเคยพูดออก เขาก็ไม่สามารถคิดถึงที่อื่นได้เลย อินซอบขับรถตรงมาจนถึงคังวอนโด

อีอูยอนที่ได้ยินคำตอบของอินซอบยิ้มเล็กน้อย

“กรรมการผู้จัดการส่งมาเหรอครับ”

อีอูยอนเงยหน้าขึ้น

เขาหาความรู้สึกงงงัน หรือความสั่นไหวที่เห็นตอนที่สบตากันครั้งแรกไม่เจอเลย นี่เป็นหน้าตาสุภาพที่เก็บซ่อนความรู้สึกได้เป็นอย่างดี

“ผมมาหาเองครับ”

“เปล่าประโยชน์ครับ ผมมารับลมแค่แป๊บเดียวเท่านั้น และตั้งใจว่าจะกลับทันทีเลยครับ”

อีอูยอนยิ้ม เขาหาความอ่อนโยนบนใบหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนไม่เจอเลย

“ผมรู้แล้วครับว่าคุณโกหก”

“โกหกเรื่องอะไร?”

อีอูยอนถามกลับ และทำสีหน้าไม่สะทกสะท้าน

“ที่บอกว่าคุณไปเจอกับคุณแชยอนซอ…ผมรู้แล้วครับว่าไม่ใช่ ผมเห็นข่าวแล้วครับ”

อีอูยอนร้องอ๋อก่อนจะยิ้มจนตาหยี

“ผมไม่ได้โดนถ่ายรูปหรอกครับ ไอ้พวกโง่นั่นต่างหากที่โดน”

“…ผมเข้าใจผิดไปเองครับ”

“เข้าใจผิดเรื่องอะไรล่ะ คุณอินซอบไม่ได้เข้าใจผิดเลยครับ เพราะผมก็ชอบไปเที่ยวมีอะไรกับผู้หญิงจริงๆ”

อีอูยอนยิ้มก่อนจะพูดต่อ

“ผมเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วครับ คุณก็รู้ดีไม่ใช่เหรอครับ เพราะเคยแอบไปค้นหาเกี่ยวกับผมมาก่อน”

“ไม่ต้องจงใจพูดแบบนั้นก็ได้ครับ”

“ฮ่าๆๆ จงใจพูดอะไรเหรอครับ คงคิดว่าผมยังไม่เบื่อคุณอินซอบสินะครับ แค่เสียบรูของผู้ชายมันสำคัญอะไรล่ะ ถึงได้คิดว่าไอ้เวรอย่างผมจะรักษาความซื่อสัตย์มาจนถึงตอนนี้”

เขาพูดคำพูดที่โหดร้ายออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน นี่เป็นภาพที่อินซอบคุ้นเคย เป็นใบหน้าของนักแสดงที่เห็นในหน้าจอ

“ขอโทษครับ”

อินซอบก้มหัวขอโทษ

“มีอะไรให้ขอโทษครับ ผมเป็นแบบนี้ของผมอยู่แล้ว”

“…ขอโทษครับ”

อินซอบเอ่ยขอโทษอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังก้มหัวอยู่ ต่อให้ขอโทษสักพันครั้ง ไม่สิ สักหมื่นครั้งก็ยังไม่พอ อินซอบพูดคำเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ขอโทษครับ ขอโทษครับ…ขอโทษครับ

อีอูยอนลุกขึ้น

“ถ้ากลับไปที่โซลแล้วก็กลับอเมริกาไปทันทีเลยนะครับ”

น้ำเสียงเย็นชาของอีอูยอนผลักความรู้สึกออกไปได้อย่างหมดจด

อินซอบรั้งอีอูยอนที่กำลังจะเดินผ่านไปไว้ ร่มที่ถืออยู่ปลิวออกไปเพราะลม และกลิ้งไปบนพื้น แม้ฝนเย็นๆ จะตกกระทบใบหน้า อินซอบก็ยังพยายามรั้งอีอูยอนไว้

“ผมผะ ผิดเองครับ เพราะผมเข้าใจผิด….ผมทำตัวขี้ขลาดแบบนั้นเพราะไม่เชื่อใจคุณอีอูยอน”

มือของอินซอบที่รั้งอีอูยอนไว้สั่นระริก อีอูยอนวางมือของตัวเองลงบนมือของอินซอบ

“คุณอินซอบ”

มือนั้นเย็นราวกับแผ่นน้ำแข็ง

เขานั่งอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

อินซอบกลั้นน้ำตาไว้อย่างยากลำบาก

“ผมเองก็ไม่เคยเชื่อใจคุณเลย เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษกับเรื่องพวกนั้นทุกอย่างหรอกครับ”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท