เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วรูปใบหลิวของตน นางเดินเข้าไปตรวจดูมือของคนที่สอง
เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังออกมาจากลำคอของชายชุดดำอีกคน ราวกับเสียงหัวเราะของปีศาจร้าย ”หึๆๆ อย่าเสียแรงเปล่าเลย นี่ไม่ใช่ผงสลายพลังธรรมดา ภายในนั้นมียาขนานที่สองถูกเพิ่มเข้าไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่สามารถถอนพิษของมันได้หรอก!”
“เขาพูดถูก! นอกจากผงสลายพลังแล้ว ยังมีผงกร่อนกระดูกผสมอยู่ด้วย!” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของใครนอกไปเสียจากหมอหลวงที่รับใช้อยู่ข้างกายของอดีตฮ่องเต้ คำพูดประโยคนี้่ทำให้คนทั้งสี่ถึงกับตกตะลึง!
การประลองที่ด้านนอกยังคงเต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
แต่ในเวลานี้ ไม่มีใครสนใจที่จะดูมันสักคน
ไม่มีใครคิดว่างานเลี้ยงจะกลับกลายเป็นหายนะเช่นนี้ไปได้!
ผงกร่อนกระดูกเป็นยาพิษระดับสูง มันเป็นผงไร้สีไร้กลิ่นที่สูญหายไปนานหลายปีแล้ว สำหรับคนที่ไม่มีพลังปราณ มันอาจจะทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกเหมือนร่างกายหมดสิ้นเรี่ยวแรงเหมือนกลายเป็นปุยนุ่น
แต่สำหรับคนที่มีพลังปราณแข็งแกร่งแล้วละก็ ทันทีที่พวกเขาใช้พลัง พิษนั้นก็จะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทันที
ถ้าหากไม่ได้รับยาแก้พิษภายในสามชั่วยาม แม้แต่เทพก็ไม่สามารถกลับไปยังสวรรค์ได้!
ทันทีที่สิ้นเสียงของหมอหลวง เสนาบดีที่อยู่ข้างเขาก็ประคองตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เขาล้มลงไปกับพื้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ไม่ใช่เพราะโมโห แต่นั่นคืออาการของพิษที่ลุกลามหลังจากใช้พลังปราณ ผงกร่อนกระดูกจะทำงาน!!
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า อดีตฮ่องเต้ก็หันไปจ้องมองสีหน้าของเขา
ชายชราชุดดำเริ่มหัวเราะอย่างเบิกบานอีกครั้ง น้ำเสียงมืดมนที่ชวนให้คนฟังรู้สึกอึดอัดดังก้องไปทั่วห้อง ”ท่านคิดว่าเด็กสองคนนั้นจะช่วยท่านได้หรือ บนแผ่นดินนี้มีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถขจัดพิษของผงกร่อนกระดูกได้ มาดูกันว่าท่านจะทนได้อีกสักกี่น้ำ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ขยับตัว ดวงตาและคิ้วของเขาเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง พลังปราณมหาศาลพัดแขนเสื้อของเขาลอยขึ้นจนดูเป็นคลื่นอันไร้ที่สิ้นสุด หมอกน้ำค้างจู่โจมเข้ามา
“ต่อให้เจ้ามีพลังปราณมากมาย แต่เจ้าก็ไม่สามารถนำมันมาใช้เช่นนี้ได้ ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์ แต่ก็ยังอ่อนหัดนัก ก็แค่ธาตุน้ำ หึ น้ำสามารถดับไฟได้ แต่มันไม่สามารถฆ่าข้าคนนี้ได้หรอก!” ชายชราชุดดำมองเขา แล้วเยาะเย้ยขึ้นทันที ระหว่างที่พูดอยู่ ร่างของเขาก็ทะยานขึ้นโจมตีอีกฝ่ายอย่างรุนแรง มันดูเหมือนกับว่าเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้ในวินาทีถัดมา!
สภาพอารมณ์ของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่แยแส ทั้งยังแฝงไปด้วยความยโสโอหังอันแสนเย็นชา ”โอ้ งั้นหรือ”
ชายชราชุดดำชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดอวดดีนั้น
ในเวลาต่อมา หยดน้ำที่ร่วงลงมาบนแผ่นหลังของชายชราก็พลันระเบิดออกและกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง จากนั้นผลึกน้ำแข็งนั่นก็แหลมคมขึ้น ผลึกน้ำแข็งพวกนั้นมองดูคล้ายกับเส้นเลือดที่เติบโตไปทั่วร่างอย่างบ้าคลั่ง แล้วในพริบตามันก็ทิ่มแทงร่างของเขาจนอาบไปด้วยเลือด!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกร่างของเขาขึ้นด้วยมือข้างเดียว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า ”พูดมา ยาแก้พิษอยู่ที่ไหน”
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีคนเช่นนี้อยู่ข้างกายอดีตฮ่องเต้ด้วย… ปีศาจเฒ่ากับข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว แต่อย่าได้คิดเชียวว่าข้าจะยอมเอายาถอนพิษออกมาให้เจ้า!”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ชายชราชุดดำก็พ่นเลือดสีแดงเข้มออกมาจากปาก
เขาฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ!
ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่เงาทมิฬที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาต่างก็ล้มลงไปทีละคน หมอกกลุ่มหนึ่งระเบิดออก นอกจากเสียงดังซู่ของกระดูกที่ถูกป่น และเสียงหอบหายใจจากบรรดาเสนาบดีแล้ว ก็ไม่มีเสียงใดอีก
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วมองไปที่กองเลือดนั้น นอกจากกระดูกแล้ว ชายชราชุดดำก็ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรอีกเลย
วิชานี้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ทำลายหลักฐาน
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลัวว่าพวกตนเป็นใครมาจากไหน
“อดีตฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นใดต่อดี”
เมื่อไร้ซึ่งยาถอนพิษ ย่อมหมายความว่าความตายของพวกเขากำลังใกล้เข้ามา เรื่องนี้จะไม่ทำให้เสนาบดีรู้สึกกระวนกระวายได้อย่างไร
อดีตฮ่องเต้หันไปมองหมอหลวง ”หมอหลวงเฉิน เจ้าทำอะไรกับเรื่องนี้ได้หรือไม่”
หมอหลวงส่ายหน้า มันเป็นเรื่องยากอย่างมาก ”พิษของผงกร่อนกระดูกนั้นแข็งแกร่งเกินไป และมีโอกาสถอนพิษเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ หากสมุนไพรที่นำมาใช้ไม่ถูกต้องละก็ เลือดของคนที่ถูกพิษจะไหลย้อนกลับและเสียชีวิตทันที!”
ทันใดนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ความตายเป็นเหมือนกับมือที่มองไม่เห็นซึ่งกำลังบีบคอของทุกคนอยู่
ในตอนนั้นนั่นเอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ยืนอยู่ข้างๆ และไม่ได้พูดอะไรอยู่นานก็อ้าปากขึ้น ”ข้ามีหนทาง”
น้ำเสียงของนางไพเราะนุ่มนวล
บรรดาเสนาบดีเผลอขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วจากนั้นจึงมองเข้าไปในดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับค้นหาคำตอบ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเม้มริมฝีปากบางของตน ”ทำไมหรือ ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เชื่อข้าเลยนี่”
อดีตฮ่องเต้รู้จักนิสัยของนางดี เขารู้ว่าเด็กสาวคนนี้ไม่สนใจเรื่องฐานะของคนอื่น เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า ”พวกเรากำลังจะตาย ยังจะมีอะไรให้เชื่อไม่ได้อีกหรือ แม่หนู ถ้าเจ้าสามารถกำจัดพิษกร่อนกระดูกนี้ได้ ข้าขอสัญญาว่าไม่ใช่เพียงแค่ข้าที่เป็นฮ่องเต้ แต่เสนาบดีทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็จะเป็นหนี้บุญคุณเจ้า ถ้าเจ้ามีความจำเป็นอันใดในอนาคต เจ้าสามารถมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”
“ในเมื่อเป็นคำพูดของอดีตฮ่องเต้ เช่นนั้นหม่อมฉันก็พร้อมที่จะลงมือเพคะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองไปทางขันทีซุนที่เพิ่งตื่น แล้วช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น ”ขันทีซุน รบกวนช่วยไปบอกให้คนเตรียมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ไว้สักเจ็ดใบ ต้มน้ำในอ่างให้เดือด และเตรียมสุราหนึ่งเยือกสำหรับเสนาบดีทุกคนด้วย”
ขันทีซุนชะงัก อ่างอาบน้ำหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน นี่จะกำจัดพิษ หรือจะอาบน้ำกันแน่
หนึ่งในบรรดาเสนาบดีก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน น้ำเสียงของเขาน่าฟังยิ่งนัก ”ข้าไม่เชื่อความคิดของแม่หนูคนนี้นัก ผงกร่อนกระดูกเป็นพิษที่ไม่อาจใช้โชคช่วยได้ แม้แต่ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับสูงสุดของธาตุทอง ก็อาจจะไม่สามารถกำจัดพิษชนิดนี้ได้เลยด้วยซ้ำ หากข้าจำไม่ผิด ในร่างของเจ้าไม่น่าจะมีพลังปราณอยู่เลยมิใช่หรือ หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงหรอก ข้าเกรงว่าหลังจากนี้เจ้าจะต้องมาพลอยติดร่างแหไปด้วย”
“ท่านแม่ทัพน่าหลานพูดถูก” หมอหลวงถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ ”สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของผงกร่อนกระดูกคือใครก็ตามที่พยายามฝืนขับไอพิษออกจากร่างของคนที่โดนพิษด้วยพลังปราณและไม่อาจทำให้สำเร็จได้ ท้ายที่สุดแล้วจะต้องถูกพิษไปด้วย ดังนั้นคุณหนูเฮ่อเหลียน ท่านควรจะคิดให้ดีอีกครั้งก่อนลงมือนะขอรับ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนดี นางจึงยิ้มแล้วบอกว่า ”ท่านคือท่านแม่ทัพน่าหลานหรือ วางใจเถิด ข้ากับเย่จึของตระกูลท่านเป็นเพื่อนกัน และข้าจะไม่เอาชีวิตของท่านมาเป็นเดิมพันแน่ อย่าว่าแต่จะทำเรื่องที่ไม่มั่นใจเช่นนั้นเลย”
แม่ทัพน่าหลานชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าหลานสาวที่เกลียดชังสตรีคนนั้นจะมีเพื่อนกับเขาด้วย
“ยังเสี่ยงเกินไป” หมอหลวงไม่มั่นใจ ”แต่ฟังจากคำสั่งของคุณหนูแล้ว เหมือนท่านจะเข้าใจเรื่องยาเป็นอย่างดี”
อดีตฮ่องเต้ฟังบทสนทนานั้นเงียบๆ ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งความสนใจไปยังเฮ่อเหลียนเวยเวย เขาก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปถามเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เสียงเบาว่า
“นางทำได้จริงหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ตอบ เขาหมุนนิ้วรอบๆ ผ้าสีขาวที่อยู่ในมือ
อดีตฮ่องเต้รู้สึกจนปัญญากับหลานชายสุดที่รักของเขา เขายอมอ่อนข้อให้ แล้วอธิบายเพิ่มว่า ”ใช่ว่าข้าไม่เชื่อที่เจ้าเลือกนางเป็นพระชายา แต่นางแค่ไม่มีพลังปราณอยู่ในร่างเท่านั้น”
ริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม คำว่า ”พระชายา” น่าฟังสำหรับเขายิ่งนัก
“เพราะว่านางไม่มีพลังปราณ ดังนั้นการกำจัดพิษชนิดนี้จึงเหมาะกับนางที่สุด”
หากไร้ซึ่งพลังปราณ นางก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากผงกร่อนกระดูก…