ตอนที่ 199 ชัยชนะแห่งสงครามแรก ลงชื่อเข้าใช้โลกมนุษย์
เมื่อเห็นการสังหารหมู่ภายในด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หนิงฝานก็ยังคงทำตามที่ตนเคยกล่าวเอาไว้คือ จะไม่ลงมือใด ๆ ทั้งสิ้น
สำหรับเผ่าหมื่นบรรพกาล ผู้ฝึกยุทธ์โลกมนุษย์นั้นมีเพียงความกลัวและความสับสน
ด้วยเหตุนี้ เผ่ามนุษย์จำต้องเติบโตและพบเจอกับเหตุการณ์นองเลือดเพื่อโตขึ้น
“อ๊าก!”
“บัดซบ!”
“เจ้าพวกเผ่ามนุษย์!”
ตอนนี้เอง เสียงร้องคำรามอันน่าพรั่นพรึงดังลั่นไปถึงหูของหนิงฝาน และเสียงนี้ก็ทำให้เขาต้องหันไปมองภายนอก ก่อนจะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาในทันใด
ภายนอกด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลยังคงชนจนเวียนหัวอยู่เช่นนั้น เลือดไหลออกมาจากปากและจมูก
หนิงฝานเห็นแล้วก็หัวเราะ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เผ่าบรรพกาลของพวกเจ้าหัวแข็งเสียจริง! ชนครั้งหนึ่งยังไม่พอ ยังอยากจะชนอีกหรือ”
ได้ยินเช่นนั้น ผู้นำเผ่าบรรพกาลโกรธจนหูพ่นควันออกมา
“อ๊าก! เจ้าหนิงฝาน”
“หนิงฝาน! เจ้าเป็นถึงเซียน ทว่าวัน ๆ เอาแต่แอบอยู่ในนั้น จะเรียกว่าชายชาตรีได้อย่างไร ออกมาต่อสู้กับข้าสักสามร้อยกระบวนท่า!”
“หรือว่าเจ้าไม่กล้า วางใจเถอะ พวกข้าขอสาบานด้วยศักดิ์ศรีว่าจะไม่ปิดล้อมเจ้า!”
“ใช่ ออกมาเสีย ข้าจะบดขยี้เจ้าด้วยเพียงนิ้วเดียว!”
“…”
เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลต่างเอ่ยปากขึ้น บางคนตะโกนด้วยความโกรธ บางคนเย้ยหยัน บางคนยั่วยุ
ได้ยินเช่นนั้น หนิงฝานก็ทำท่าจะก้าวไปออกไป
ภายในใจของเหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลพลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที
และในทันทีที่พวกเขานึกว่าหนิงฝานจะออกมา หนิงฝานกลับเพียงแค่ยืดขาแล้วชักกลับไป
แล้วเขายิ้มก็ออกมาด้วยใบหน้ากวน ๆ “มองอันใดกัน ขาของข้าเป็นตะคริวจะยืดบ้างไม่ได้รึ เจ้าพวกคนโง่ คงคิดว่าข้าจะออกไปจริง ๆ สินะ”
“มารดามันเถอะ!”
“บัดซบ!”
“ทุเรศ!”
“…”
เห็นเช่นนั้น เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลที่ปากร้ายก็ตะโกนด่าจากภายนอกในทันที
หนิงฝานมิได้สนใจกลุ่มคนพวกนั้นเลยสักนิด แต่หันไปสนใจการต่อสู้ภายในด่านสวรรค์แทน
เวลานี้ ชั้นเก้าของด่านสวรรค์
ในสมรภูมิกึ่งเซียน แม้ว่ากึ่งเซียนของโลกมนุษย์จะมีน้อย แต่อย่างน้อยพวกเขายังมีหลัวชิงเซียนอยู่!
เพราะหลัวชิงเซียนนั้นก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนแล้ว นี่ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับนางได้ และสามารถจัดการกึ่งเซียนทั้งห้าเผ่าได้ ชัยชนะจึงเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
หนิงฝานเลิกสนใจชั้นเก้า ก่อนจะมองไปที่ชั้นสี่ของด่านสวรรค์แทน
ชั้นสี่ด่านของสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายังคงเป็นสนามรบของขอบเขตเทพยุทธ์
เวลานี้ ภายในสนานรบนั้นมีเด็กสาวนางหนึ่งกำลังออกกระบวนท่าราวกับนกโบยบิน รอบตัวของนางล้อมรอบไปด้วยปราณกระบี่ คลื่นพลังเดือดพล่านราวกับเซียนกระบี่หญิง
นั่นก็คือ หนิงหนานหนาน
“หึ ๆ เจ้าเด็กคนนี้นับเป็นความภาคภูมิใจของโลกมนุษย์โดยแท้ มีความกล้าหาญมากกว่าแม่ของนางเสียอีก”
หนิงฝานคลี่ยิ้มด้วยความปลื้มปีติ
หนิงหนานหนานมีพรสวรรค์ของเทพยุทธ์สวรรค์อันน่าทึ่งมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนสิบขวบอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ สิบสามขวบก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์แล้ว
ยามนี้ ด้วยกระบี่เซียนโบยบินและจี้หยกวิหคเพลิงที่หนิงฝานเคยมอบให้ เทพยุทธ์ของทั้งห้าเผ่าไม่มีผู้ใดสู้กับนางได้ หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ราวกับว่าสามารถฆ่าได้ทั้งสนามรบ!
ทว่าหลักจากละสายตาจากชั้นสี่ไปแล้วนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น
ด่านสวรรค์ที่เหลืออยู่ต่างต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง แขนขาหัก เลือดไหลไปจนทั่ว โหดร้ายสิ้นดี
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารทั้งห้าเผ่า แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์โลกมนุษย์จะมิได้ล่าถอย แต่ก็ตายตกอย่างน่าเวทนา มีผู้ฝึกยุทธ์ไม่น้อยที่ถูกเผ่าปีศาจจอมตะกละกลืนกินเป็นอาหาร ถูกเผ่าตั๊กแตนตัดแขน และถูกเผ่าแปดแขนฉีกออกเป็นชิ้น ๆ …
หนิงฝานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร
แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงต้องอดทนเอาไว้
โลกมนุษย์ไม่สามารถพึ่งพาเขาเพียงคนเดียวได้ เขาสามารถปกป้องโลกมนุษย์ได้ แต่ไม่สามารถปกป้องคนทั้งโลกได้
อีกทั้ง เขาได้คาดการณ์สถานการณ์ของวันนี้ไว้แล้ว ในตอนที่เขาขัดเกลาด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าขึ้นมานั้น ภายในทุก ๆ ชั้นของด่านสวรรค์เขาได้สร้างเมืองเพื่อเอาไว้ล่าถอยและป้องกัน ให้กับผู้ฝึกยุทธ์ในโลกมนุษย์แล้ว ภายในเมืองนั้นมีเคล็ดวิชาค่ายกลที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว มีทรัพยากรที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ทั้งหมดนี้ล้วนมีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ฝึกยุทธ์
เพราะด้วยสิ่งเหล่านี้ เขาเชื่อว่าผู้ฝึกยุทธ์แห่งโลกมนุษย์จะสามารถรับมือกับทั้งหมื่นเผ่าพันธุ์ได้
เช่นนั้น หลังจากที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์แห่งโลกมนุษย์ต่อสู้มาสักพักหนึ่งแล้ว ก็เลือกที่จะล่าถอยกลับไปยังเมืองเพื่อพักฟื้นร่างกาย
และเพื่อเพิ่มพลังจิตวิญญาณ ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ จากนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธ์แห่งโลกมนุษย์ก็จะกลับมาสู้กับศัตรูอีกครั้ง
ขณะที่เหล่าเผ่าพันธุ์ทั้งห้าทำได้เพียงใช้พลังของตนเองและใช้สมบัติที่มีอยู่เพียงเท่านั้น
ภายใต้กระแสสงครามที่พลิกกลับไปมา ผู้ฝึกยุทธ์โลกมนุษย์ประสบกับเหตุการณ์เป็นตายและเริ่มเติบโตขึ้นจากสมรภูมิ สมดุลแห่งชัยชนะก็เริ่มเอนเอียงแล้ว
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ และหนึ่งเดือนให้หลังจากนั้น
ตู้ม!
ในชั้นเก้าของด่านสวรรค์ กระบี่ของจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนปลิดชีพกึ่งเซียนคนสุดท้ายลง ทำให้การต่อสู้อันยาวนานถึงหนึ่งเดือนนี้จบสิ้นลงแล้ว
“ชนะแล้ว!”
“พวกเราชนะแล้ว!”
เหล่ากึ่งเซียนแห่งราชวงศ์เทพหัวเราะออกมาในทันที แม้ว่าเสื้อผ้าของทุกคนจะดูสกปรก กระดำกระด่างไปด้วยรอยเลือดอยู่บ้าง และแม้จะเหน็ดเหนื่อยเต็มที แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่
การสู้รบที่โหดร้ายอันยาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม ทำให้ทุกคนผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แน่นอนว่าราคาที่ต้องจ่ายนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น กึ่งเซียนร้อยกว่าคนล้มตายจนเหลือร้อยคน และบางคนในนั้นก็เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา เช่น ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำร้อยอาณาจักร บรรพบุรุษทั้งสิบของพวกเจ้าเมืองและอื่น ๆ
ขณะที่สงครามของชั้นเก้าเพิ่งจบลงไป ผู้คนที่ชั้นสี่ก็สังหารศัตรูได้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน
“ธิดาเซียนกระบี่”
“ธิดาเซียนกระบี่”
“ธิดาเซียนกระบี่”
ภายในชั้นสี่ของด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เหล่าผู้ฝึกยุทธ์โลกมนุษย์นับไม่ถ้วนต่างพากันโห่ร้องนามหญิงสาวผู้ยืนอยู่บนกลางอากาศ
และในเวลาต่อมา ด่านสวรรค์ที่เหลืออยู่ก็เริ่มยุติการต่อสู้ลงตาม ๆ กัน
จนถึงตอนนี้ด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า การเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างโลกมนุษย์กับเผ่าพันธุ์นับหมื่น จบลงด้วยชัยชนะของโลกมนุษย์!
หลังจบสิ้นแล้วนั้น จักรพรรดินี้หลัวชิงเซียนและหนิงหนานหนานก็กลับมาอยู่เคียงข้างหนิงฝาน
“ภรรยาข้า การสู้รบครั้งนี้พวกเราชนะแล้ว”
“ท่านพ่อ ข้าฆ่าเผ่าบรรพกาลไปไม่น้อยเพื่อล้างแค้นให้กับบิดาผู้ให้กำเนิดด้วยตัวข้าเอง!”
“ท่านหนิงฝาน เราทำตามความคาดหวังของท่านและขับไล่กองทัพของทั้งห้าได้แล้ว!”
“ท่านหนิงฝาน เผ่าบรรพกาลมิได้มีสิ่งใดน่ากลัวเลย พวกเราสาบานว่าจะปกป้องโลกมนุษย์จนตัวตาย!”
“…”
ผู้คนต่างเริ่มพูดขึ้น ใบหน้าของพวกเขามีทั้งความสุขและความโศกเศร้าปน
“อืม”
“สงครามครั้งนี้ ผู้ฝึกยุทธ์โลกมนุษย์เราทำได้ดีกว่าที่ข้าคาดหวังเอาไว้มาก!”
หนิงฝานพยักหน้า นับว่าเป็นการยืนยันให้กับทุกคน ทว่าเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “แต่สิ่งที่ข้าอยากจะเตือนพวกเจ้าก็คือ วันนี้ด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเปิดออกแล้ว และนี่เป็นการทำสงครามครั้งแรกกับเผ่าบรรพกาล มิใช่สงครามครั้งสุดท้าย”
“ฆ่าเผ่าบรรพกาล สาบานว่าจะปกป้องโลกมนุษย์จนตัวตาย!”
“ฆ่าเผ่าบรรพกาล สาบานว่าจะปกป้องโลกมนุษย์จนตัวตาย!”
“ฆ่าเผ่าบรรพกาล สาบานว่าจะปกป้องโลกมนุษย์จนตัวตาย!”
“…”
ฝูงชนยกมือโห่ร้องในทันที ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ว่าการตายคือการได้กลับบ้าน!
หนิงฝานพยักหน้าอีกครั้งและพูดขึ้น “ภรรยาข้า ส่วนที่เหลือนี้ต้องมอบให้เจ้าแล้ว”
หลัวชิงเซียนพยักหน้ารับ
หลังจากนั้นก็มีคำสั่งต่าง ๆ ออกมา เช่นว่าให้สร้างอนุสรณ์สถานแด่ผู้ที่ตายในสนามรบ วีรบุรุษหรือวีรสตรีห้ามไร้ชื่อ จ่ายเงินบำนาญสำหรับญาติของผู้เสียชีวิตในสนามรบ และสรุปข้อบกพร่องของสงครามครั้งนี้ เป็นต้น
เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ หนิงฝานไม่ได้ให้ความสนใจอีกต่อไป และเริ่มปิดด่านฝึกตนอีกครั้ง
“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”
[ติ๊ง! วิถีอุบัติแห่งด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไม่เพียงพอ ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้!]
“อะไรนะ!?”
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที
ผู้ใดจะล่วงรู้ แม้ว่าวันนี้โลกมนุษย์จะมีด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคอยปกปักษ์ แต่มันคือการแก้ปัญหาเพียงชั่วคราว มิใช้การแก้ปัญหาอย่างถาวร
หากต้องการจัดการเผ่าบรรพกาล รวมถึงทันฑ์พิบัติเซียนในตำนาน กุญแจสำคัญยังคงเป็นตัวเขา
ทว่าตอนนี้ ภายในด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีวิถีอุบัติไม่เพียงพอ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย
“ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ในด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ หรือว่าจะต้องยอมเสี่ยงออกไปยังโลกใบเล็กของเหล่าเผ่าบรรพกาลเพื่อลงชื่อเข้าใช้?”
หนิงฝานขมวดคิ้ว เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลภายนอกคงตั้งตารอให้เขาออกไปไม่ไหวแล้ว
แล้วในเวลาต่อมา ระบบก็พูดขึ้นว่า [โฮสต์สามารถกลับไปลงชื่อเข้าใช้ที่โลกมนุษย์ได้]
“โลกมนุษย์? ทั้งเก้าแคว้นในโลกมนุษย์ ข้าล้วนลงชื่อเข้าใช้มาหมดแล้ว แม้จะยังมีวิถีอุบัติอยู่ แต่สมบัติที่ได้จากการลงชื่อเข้าใช้คงไม่สามารถตอบสนองความต้องของข้าได้”
ระบบอธิบายเพิ่ม [โฮสต์อาจลืมไปแล้ว ปราณในโลกมนุษย์ตอนนี้ฟื้นฟูกลับมาครบแล้ว วิถีอุบัติพัฒนามาถึงจุดที่แข็งแกร่งในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน มันสามารถช่วยให้โฮสต์ฝึกฝนได้อย่างเต็มที่]
“จริงหรือ? หากเป็นเช่นนี้นั้นก็ดีสิ”
หนิงฝานดีใจมาก
ด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในวันนี้ปลอดภัยราวกับเมืองที่ป้องกันด้วยกำแพงเหล็ก ผู้ฝึกยุทธ์ในโลกมนุษย์ก็ผ่านสงครามเลือดมาแล้ว คงไม่ต้องการการคุ้มครองจากเขาตลอดเวลา หนิงฝานจึงตั้งใจกลับลงไปยังโลกมนุษย์
“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้โลกมนุษย์สำเร็จ ได้รับ…]