ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] – ตอนที่ 200 ปราณผันไตรวิสุทธ์ เผ่าสวรรค์

ตอนที่ 200 ปราณผันไตรวิสุทธ์ เผ่าสวรรค์

ตอนที่ 200 ปราณผันไตรวิสุทธ์ เผ่าสวรรค์

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้โลกมนุษย์สำเร็จ ได้รับพลังวิเศษสูงสุด—ปราณผันไตรวิสุทธ์!]

เมื่อเสียงแจ้งเตือนของระบบจบลง พลังเซียนก็ส่องแสงเปล่งประกายขึ้นในพื้นที่ระบบ

[ปราณผันไตรวิสุทธ์สามารถแบ่งร่างออกได้เป็นสองร่าง ทุก ๆ ร่างมีพลังเทียบเท่ากับร่างหลัก และแม้ร่างหลักจะตาย แต่ร่างจำแลงจะไม่ไปตายไปด้วย!]

“เชี่ย!”

หนิงฝานอดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบออกมา

ปราณผันไตรวิสุทธ์นี้จะสุดยอดเกินไปแล้ว ไม่เพียงสามารถแยกร่างจำแลงออกจากร่างหลักที่แข็งแกร่งได้ถึงสองร่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต่อให้ร่างหลักตายไป ร่างจำแลงที่แยกออกมาก็จะยังอยู่ หากเชี่ยวชาญพลังนี้เมื่อไรก็เท่ากับว่าหนิงฝานมีชีวิตถึงสามชีวิต

นี่มันยอดเยี่ยมที่สุด!

“ระบบ ฝึกฝนปราณผันไตรวิสุทธ์!”

เพียงลมหายใจถัดมา หนิงฝานไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย เอ่ยปากสั่งให้ระบบเริ่มฝึกฝนทักษะปราณผันไตรวิสุทธ์ทันที

ครืน!

เพราะระบบเริ่มฝึกฝนให้ทันที ทำให้เพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ควบคุมมันได้สำเร็จ

“ปราณผันไตรวิสุทธ์”

หนิงฝานแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ใช้ทักษะนี้

ครืน!

เวลานี้อากาศตรงหน้าหนิงฝานเริ่มหมุนกระโชก ร่างสองร่างก็พลันปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาแทบจะในพริบตา ทุกร่างล้วนใส่ชุดคลุมธรรมดา ๆ และไม่ว่าจะเป็นความสูงหรือพลังบ่มเพาะล้วนเหมือนกับร่างหลักของหนิงฝานอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

นอกจากตัวของหนิงฝานเอง แม้แต่คนที่ใกล้ชิดมากที่สุดอย่างหลัวชิงเซียนก็เกรงว่าจะไม่สามารถแยกออกได้ว่าคนไหนคือตัวจริงของเขา และคนไหนคือร่างจำแลงที่แยกออกมา

“สุดยอดมาก!”

หนิงฝานทั้งสามคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น

และในเวลาต่อมา หนิงฝานก็ต่อสู้กับร่างจำแลงทั้งสอง ก่อนจะพบว่าพลังทั้งหมดของร่างจำแลงที่แยกออกมากับพลังของตัวเองนั้น ช่างเหมือนกับคนคนเดียวกันจริง ๆ

สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ หนิงฝานตัวจริงมีระบบ แต่ร่างจำแลงนั้นไม่มี

“ฮ่า ๆๆ!”

“มีปราณผันไตรวิสุทธ์เช่นนี้ รอให้การฝึกฝนของข้าเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เหล่าเผ่าบรรพกาลภายนอกด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป

แล้วหนิงฝานก็เงยหน้ามองฟ้าพร้อมหัวเราะออกมา เขาโบกมือไล่ร่างจำแลงทั้งสองร่าง และเริ่มการฝึกฝนต่อ

[ลงชื่อเข้าใช้โลกมนุษย์สำเร็จ ได้รับพลังต้นกำเนิดวิถี]

[ลงชื่อเข้าใช้โลกมนุษย์สำเร็จ ได้รับศิลาเซียนบรรพกาล]

[ลงชื่อเข้าใช้โลกมนุษย์สำเร็จ ได้รับเจตจำนงกระบี่เซียนสังหาร]

[ลงชื่อเข้าใช้โลกมนุษย์สำเร็จ ได้รับตราอาญาสิทธิ์ทัพสามพันเซียน]

ขณะที่หนิงฝานกำลังฝึกฝนอยู่ที่โลกมนุษย์นั้น

นอกด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

ในโลกใบเล็กของเผ่าอาชูร่า เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลกำลังมารวมตัวกัน

เวลานี้ใบหน้าของผู้คนทั้งกังวลทั้งมีความสุข

สิ่งที่กังวลก็คือทหารทั้งห้าเผ่าที่ส่งออกไปล้มตายและพ่ายแพ้ ส่วนทหารที่แฝงตัวเพื่อให้เข้าไปทำลายก็ตายตกอย่างน่าอนาถ

แต่ข่าวดีก็คือ คนที่ส่งเข้าไปสอดแนมเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าบ้างแล้ว หากรวบรวมคนได้เพียงพอ ก็ยังพอมีความหวังที่จะทลายด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าลงมาได้!

“ทุกท่าน สถานการณ์ในวันนี้ทุกท่านคงทราบดีกันแล้ว”

ผู้นำเผ่าอาชูร่ามองไปยังทุกผู้คนและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้มีเพียงสองเส้นทางให้พวกเราเดินต่อไป หนึ่งคือล่าถอยจากที่นี่เพื่อปกป้องพลังของแต่ละเผ่าพันธุ์เอาไว้ สองคือส่งกองกำลังเข้าไปโจมตีต่อ เพิ่มจำนวนสายลับให้เข้าไปแอบแฝงมากขึ้น”

ได้ยินเช่นนั้น ผู้คนต่างเงียบลงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพากันพูดขึ้นมา

“จะล่าถอยมิได้ นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเราจะเพิ่มพลังต้นกำเนิดให้กับโลกใบเล็กได้!”

“ใช่! หากล่าถอยไป เมื่อทัณฑ์พิบัติเซียนมาเยือน พลังต้นกำเนิดในโลกมนุษย์ก็จะแห้งเหือดไปอีกครั้ง ไร้ซึ่งพลังวิญญาณ เช่นนั้นแล้ว พวกเราจะสามารถข้ามผ่านล้านปีต่อไปนี้ได้อย่างไร!”

“ตี! จงโจมตีด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่อไป!”

“เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะต้องพยายามมากแค่ไหน ก็จะต้องได้โลกมนุษย์มาให้ได้!”

เห็นท่าทางของเหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลแล้ว ผู้นำเผ่าอาชูร่าก็พยักหน้าในทันที “ดี ในเมื่อทุกท่านไม่อยากล่าถอย เช่นนั้นแต่ละเผ่าก็เลือกยอดฝีมือออกมา แล้วโจมตีด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่อไป”

ในไม่ช้า เหล่าเผ่าบรรพกาลก็ทำการรวบรวมทหารอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มการโจมตีด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

โดยกองกำลังทหารของเผ่าบรรพกาลที่กำลังจะเข้าไปโจมตีนั้น จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว ภายใต้การนำและการสั่งการของนาง ราชวงศ์เทพขนนกและเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ก็กลับมาปกป้องด่านสวรรค์อีกครั้ง

ฝ่ายหนึ่งมุ่งมั่งไม่ล่าถอย

ฝ่ายหนึ่งสัตย์สาบานว่าจะยอมตายเพื่อปกป้องด่านสวรรค์

สงครามระหว่างโลกมนุษย์และเหล่าเผ่าบรรพกาล เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

สิบปี!

ยี่สิบปี!

ห้าสิบปี!

เป็นเช่นนี้ไป ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้และปกป้อง วันเวลาผันผ่าน การต่อสู้ก็ดำเนินมาถึงหนึ่งร้อยปี

หนึ่งร้อยปีมานี้ ผู้ฝึกยุทธ์แห่งโลกมนุษย์ยังคงปกป้องต่อไป ครั้งแล้วครั้งเล่าที่สู้จนเผ่าบรรพกาลล่าถอยไป ทั้งเติบโตขึ้นในการต่อสู้ ทั้งฝ่าฟันอุปสรรคในการต่อสู้ มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น

ในทางกลับกัน หลังจากการต่อสู้มาร้อยปี เหล่าเผ่าบรรพกาลล้วนตายอย่างน่าเวทนา และความคิดที่ต้องการที่จะทลายด่านสวรรค์จากด้านในก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

“บัดซบ! หนึ่งร้อยปีเต็มแล้วก็ยังคงไม่สามารถโจมตีด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ก่อนที่ทัณฑ์พิบัติเซียนมาถึง พวกเราจะยังสามารถยึดครองโลกมนุษย์ได้อยู่หรือ!?”

“ต้องยอมแพ้งั้นหรือ ข้าไม่ยอมหรอก!”

“ไม่! ไม่สามารถยอมแพ้ได้ หากไม่มีพลังต้นกำเนิดของโลกมนุษย์ พวกข้าจะสามารถอยู่รอดไปถึงล้านปีข้างหน้าได้อย่างไร!”

“ไม่มีผู้ใดยอมพ่ายแพ้ แต่ก็ยังไม่สามารถโจมตีด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ พวกเราจะทำเช่นไรดี!?”

“…”

เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลพูดคุยกับอย่างดุเดือด สีหน้าของทุกคนมืดมนราวกับอนธการ

ร้อยปีมานี้ หลายเผ่าบรรพกาลมีเซียนธุลีสีชาดเพิ่มมากขึ้น กระทั่งเผ่าราชวงศ์บางเผ่าในยามนี้ก็มียอดฝีมือขอบเขตเซียนธุลีสีชาดมากขึ้นราวห้าถึงหกสิบคนได้

ตามหลักแล้ว เซียนธุลีสีชาดห้าสิบหรือหกสิบคนสามารถทำลายทั้งโลกมนุษย์ได้แล้ว ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่สามารถทำอะไรกับด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้เลย

“ทุกท่าน!” ผู้นำเผ่าสุนัขสวรรค์พูดขึ้น ทำให้เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลหันไปมองในทันที “เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว หากต้องการทำลายด่านสวรรค์เกรงว่าคงจะมีเพียงการเชิญให้เผ่าราชันบรรพกาลผู้แข็งแกร่งทั้งสิบออกมาแล้ว”

เผ่าราชันบรรพกาล!

ได้ยินอย่างนั้น ผู้คนก็เงียบลง

หากว่าโลกมนุษย์และเหล่าเผ่าบรรพกาลมีความสัมพันธ์กันราวกับแกะและหมาป่า เช่นนั้นเผ่าราชันบรรพกาลก็คงจะเป็นเสือที่ดุร้าย

เสือที่ดุร้ายไม่เพียงกินแกะ แต่จะกินหมาป่าด้วย!

นี่คือเหตุผลที่ตลอดมา พวกเขาไม่เคยไปขอให้เผ่าราชันบรรพกาลเข้ามาช่วย

ผู้นำเผ่าสุนัขสวรรค์ยังคงพูดต่อ “แม้เผ่าราชันบรรพกาลจะแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้พวกเรารวมตัวกันอยู่ มีเผ่าบรรพกาลตั้งมากมาย ก็ไม่จำเป็นจะต้องเกรงกลัวพวกเขามากจนเกินไป”

“อีกทั้งพวกเราสามารถไปเชิญหนึ่งในสิบของเผ่าราชันบรรพกาลอย่างเผ่าสวรรค์มาก็พอ”

“เผ่าสวรรค์?”

ได้ยินเช่นนั้น สายตาของฝูงชนก็เปล่งประกายในทันที

“เป็นที่รู้กันดีว่า เผ่าสวรรค์มีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับเผ่ามนุษย์ ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเผ่าสวรรค์มีรากฐานมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดทั้งเก้าของเผ่ามนุษย์ แต่พวกเขาไม่ได้ช่วยให้เผ่ามนุษย์เพิ่มขึ้น กลับคิดว่าสายเลือดของเผ่ามนุษย์นั้นต่ำต้อย และรังเกียจที่จะมีความสัมพันธ์ด้วย จึงได้หาหนทางที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง และกลายเป็นเผ่าสวรรค์ขึ้นมา”

“ด้วยสาเหตุนี้ เผ่าสวรรค์จึงมีสายเลือดต่อต้านเผ่ามนุษย์โดยธรรมชาติ หากพวกเราสามารถเชิญยอดฝีมือของเผ่าสวรรค์สักหนึ่งคนมาได้ เชื่อว่าเขาย่อมสามารถช่วยพวกเราโจมตีด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้อย่างแน่นอน!”

“แน่นอน แต่พวกเราก็มีราคาที่ต้องจ่ายอยู่บ้าง!”

หลังจากที่ผู้นำเผ่าสุนัขสวรรค์พูดจบ เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลก็ได้สติขึ้นมาทันที

“ได้!”

“เช่นนั้นไปเชิญเผ่าสวรรค์มาลงมือเสีย!”

ท้ายที่สุดก็ได้พูดคุยกันอีกครั้ง เหล่าผู้นำเผ่าบรรพก็ได้ตัดสินใจแล้ว

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

Status: Ongoing

หนิงฝาน' ชายหนุ่มผู้เดินทางข้ามสายธารแห่งกาลเวลามาเป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีก็คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้อ่อนแอและเกาะภรรยากินไปชั่วชีวิตเสียแล้ว ทว่าจู่ ๆ เขากลับเปิดใช้งานระบบสลากขั้นเทพได้...

นี่เองคือจุดเริ่มต้นใหม่ของผู้ที่ 'เคยอ่อนแอ' มาก่อน!

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ในพระราชวังจักรพรรดินีเสร็จสิ้น และได้ร่างกายของเซียนดาบ!]

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ยอดเขาสารพัดประโยชน์ได้สำเร็จ และได้รับเสื้อคลุมเร้นลับ!]

หนิงฝานเดินเล่นไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมระบบสลากขั้นเทพ ล็อกอินสถานที่อย่างเงียบ ๆ ในฐานะสามีผู้ไร้ค่าของจักรพรรดินี จนกระทั่งหลายปีต่อมา บรรพชนของปีศาจทั้งหลายถือกำเนิดขึ้นและยกกองทัพปีศาจนับล้านบุกแดนศักดิ์สิทธิ์!

จักรพรรดินีผู้เลอโฉมพ่ายแพ้ และทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในภยันตราย! หนิงฝานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยื่นมือเข้ามาช่วย ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปีศาจนับล้านพลันถูกกำจัด! แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มไม่ได้สนใจมากนัก... เพราะเขารู้เพียงว่าเขาได้กลายเป็นตัวตน 'อมตะ' ในโลกนี้แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท