ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 บทส่งท้าย 1-1

ภาค 2 เล่ม 4 บทส่งท้าย 1-1

“บ้านนี้ใช่ไหมครับ”

“ไม่รู้สิ อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”

“คุณบอกว่าใช้ชีวิตเป็นนายแบบอยู่ที่แอลเอมาสองปีนะ!”

“ฉันบอกว่าใช้ชีวิต แล้วฉันบอกว่าฉันเก่งภาษาอังกฤษเหรอ!”

ผู้ชายสองคนเหงื่อไหลและเริ่มทะเลาะกันที่หน้าคฤหาสน์หรู

“ไม่สิ คนเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจะไม่เก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้นได้ยังไงครับ ไหนบอกว่าจะขยายบริษัทให้เป็นบริษัทระดับโลกไง!”

“กรรมการผู้จัดการบริษัทแค่มีเงินกับหน้าตาดีก็พอแล้ว ต้องเก่งภาษาอังกฤษด้วยเหรอ!”

“แต่ก็ต้องท้วงตอนที่คนขับแท็กซี่ให้ลงตรงที่แปลกๆ หรือเปล่าครับ!”

“งั้นนายทำอะไรอยู่ถึงไม่ดูแผนที่!”

“โทรศัพท์มือถือผมแบตหมดจะดูแผนที่ได้ยังไงล่ะครับ แล้วที่ลำบากขนาดนี้ก็เพราะกรรมการผู้จัดการเองทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านด้วย ก็เลยติดต่ออีอูยอนไม่ได้!”

“งั้นนายก็ต้องคอยดูแลไม่ให้ฉันลืมโทรศัพท์ไว้สิ”

“…ผมขอต่อยสักทีได้ไหมครับ”

“ไม่ได้เด็ดขาด”

“โอ๊ย ให้ตายเถอะ ผมเชื่อในอะไรอยู่ถึงได้ทำงานกับคนแบบนี้…”

“ก็อย่าเชื่อซะตอนนี้เลยสิ ใครขอให้เชื่อกัน”

หัวหน้าทีมชาทุบอก ในขณะที่คิดว่าออกไปที่ถนนใหญ่ตอนนี้ แล้วเรียกแท็กซี่ไปที่สนามบินเหมือนเดิมดีไหมอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์จากทางด้านหลัง

สิ้นประตูปิดดัง ปัก เสียงที่คุ้นเคยก็เอ่ยเรียกว่า “กรรมการผู้จัดการ?”

ชเวอินซอบลงมาจากรถ ถึงจะดูเหมือนตกใจกับสถานการณ์ที่กะทันหันนี้ แต่ในดวงตากลมโตก็เต็มไปด้วยความดีใจ

“อินซอบบบ!”

กรรมการผู้จัดการคิมวิ่งเข้าหาอินซอบด้วยสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ในไม่ช้า

“ไม่เจอกันนานเลยนะคุณอินซอบ”

หัวหน้าทีมชารวมกระเป๋าเดินทางสองใบมาวางไว้ข้างหนึ่ง และโบกมือให้

“สวัสดีครับ”

อินซอบรีบก้มหัวให้คนทั้งคู่ ด้วยเหตุนั้นส้มที่อยู่ในถุงสีน้ำตาลในมือจึงเทพรวดออกมา

“เอ่อ ขอโทษครับ”

อินซอบก้มเก็บส้มพร้อมกับเอ่ยขอโทษด้วยความเคยชิน

“ปล่อยไว้เถอะครับ เดี๋ยวผมเก็บเอง”

แขนยาวๆ ยื่นออกมาพร้อมกับเงาที่ทาบทับหลังของอินซอบไว้

“…อีอูยอน”

กรรมการผู้จัดการคิมกัดฟันและเอ่ยเรียกชื่อของอีกฝ่าย อีอูยอนที่เก็บส้มอยู่เลื่อนแว่นกันแดดลงมาข้างล่างเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” พร้อมกับยิ้มให้ ผิวสีแทนกับขาที่โผล่ออกมาให้เห็นใต้กางเกงขาสั้นสีขาวเป็นภาพที่ขโมยสายตาของผู้คนได้โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไร

“เอามานี่ครับ”

อีอูยอนที่เก็บส้มทั้งหมดเสร็จแย่งถุงที่อินซอบถืออยู่ในมือมาถือไว้เอง อินซอบมองกรรมการผู้จัดการคิมสลับกับหัวหน้าทีมชาด้วยสีหน้างุนงงขณะที่ส่งถุงให้

“มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”

“จะมาทำอะไรล่ะ ก็มาเพราะหมอนั่นเรียกให้มาน่ะสิ”

กรรมการผู้จัดการคิมพยักพเยิดหน้าไปทางอีอูยอนด้วยท่าทีที่เจือไปด้วยหงุดหงิด

“บอกผมสิครับ ผมจะได้ไปรับที่สนามบิน”

“ใช่แล้ว บอกกันสิครับ”

อีอูยอนสนับสนุนคำพูดของอินซอบด้วยท่าทีที่ไม่มีความเต็มใจ กรรมการผู้จัดการคิมหัวเราะฮ่าฮ่า และขึงตามองอีอูยอน

กรรมการผู้จัดการคิมติดต่ออีอูยอนไว้แล้วว่าวันนี้จะมาถึงที่สนามบินกี่โมง และคำตอบที่กลับมาตอนนั้นก็ไม่น่าฟัง

[วันนี้เหรอครับ คงจะไม่ได้หรอก เพราะวันนี้เป็นวันที่ต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ตกับคุณอินซอบ มาเองเถอะครับ ผมจะบอกที่อยู่ให้]

ใบหน้าที่โคตรจะหน้าไม่อายของอีอูยอนที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วทำให้กรรมการผู้จัดการคิมเดือดพล่าน

“ฉันบอกนาย…รีบเปิดประตูเถอะน่า”

แม้จะมีคำที่อยากพูดอยู่มากมาย แต่กรรมการผู้จัดการก็ทำไม้ทำมืออย่างอ่อนแรงแทน เนื่องจากเดินหลงอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมายังทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาอยู่หนึ่งชั่วโมง ทั่วทั้งตัวจึงโทรมไปด้วยเหงื่อ

“ขึ้นรถเลยครับ เพราะยังต้องขึ้นไปอีกหน่อย”

อีอูยอนเปิดกระโปรงท้ายรถให้ คนทั้งคู่ใส่กระเป๋าเดินทางเข้าไป และขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลัง อีอูยอนที่ขึ้นรถมายื่นถุงที่ใส่ส้มไว้ให้กรรมการผู้จัดการคิมอย่างหน้าตาเฉยก่อนจะจับพวงมาลัย

“…ให้ผมถือไหมครับ”

อินซอบที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก รีบไปเถอะ บ้านนายอยู่ไหนกันแน่เนี่ย ฉันหามาสักพักแล้วนะ”

“ถึงแล้วครับ ตรงนี้แหละครับ”

อีอูยอนหยิบรีโมทเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าและกดปุ่ม ประตูรั้วที่ปิดอยู่อย่างแน่นหนาถูกเปิดออก และถนนที่เชื่อมไปยังคฤหาสน์ก็ปรากฏให้เห็น

“…ตั้งแต่ตรงนี้ไปคือบ้านเหรอ”

อีอูยอนยิ้มพร้อมกับออกรถ คฤหาสน์สีขาวที่ตั้งอยู่ในที่สูงอวดโฉมที่หรูหราราวกับถูกตีพิมพ์อยู่บนหน้าแรกในนิตยสารอสังหาริมทรัพย์ชั้นสูง

“เดี๋ยวผมไปจอดรถก่อนนะครับ”

สองคนที่ลงมาจากรถดื่มด่ำกับวิวของคฤหาสน์ที่มองเห็นเมืองกับทะเลพร้อมกันในสภาพที่อ้าปากค้าง

“กรรมการผู้จัดการครับ ถ้าอยากจะอยู่ในที่แบบนี้ ผมต้องหาเงินมากแค่ไหนเหรอครับ”

“ต่อให้นายหาเงินไม่หยุดไปร้อยปี และเก็บเงินไว้โดยไม่ใช้สักสตางค์ก็ยังทำไม่ได้เลย”

“ใช้เงินของกรรมการผู้จัดการซื้อไม่ได้เหรอ”

“ก็บอกแล้วไงว่าธุรกิจของบริษัทช่วงนี้ค่อนข้างลำบาก ไม่ได้”

กรรมการผู้จัดการคิมส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด อินซอบที่ฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่อยู่ข้างๆ เอ่ยแทรกอย่างระวัง

“ค่าเช่าที่นี่ไม่แพงอย่างที่คิดหรอกครับ”

“เท่าไรล่ะ”

“ห้าร้อยดอลลาร์ต่อเดือน อืม ก็เกินหกแสนวอนมานิดหน่อยน่ะครับ”

“…”

“… …”

บนหน้าของคนทั้งคู่มีคำว่า “ไม่มีทาง” เขียนอยู่

แรนโชพาสอลเวอร์เดสที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองของลอสแองเจลิสเป็นหมู่บ้านคนรวยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกา หากบอกว่าค่าเช่าของคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนผาที่เหมือนกับตั้งตระหง่านให้เห็นมหาสมุทรแปซิฟิกได้ทั้งหมดคือห้าร้อยดอลลาร์ หมาที่เดินผ่านไปมาจะต้องหัวเราะแน่ๆ

“…ไม่ใช่ห้าร้อยดอลลาร์ต่อวันเหรอ”

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เป็นราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่ออยู่ดี

“นี่เป็นที่ที่ญาติห่างๆ ของคุณอีอูยอนเป็นเจ้าของน่ะครับ เนื่องจากเหตุผลบางอย่างทำให้บ้านว่างชั่วคราว ก็เลยได้มาในราคาถูกครับ เขาบอกว่าไม่อยากปล่อยให้บ้านว่าง”

“เคยเห็นหน้าคนที่บอกว่าเป็นญาติไหม”

สิ้นคำถามของกรรมการผู้จัดการคิม อินซอบก็ตอบว่า “ไม่ครับ” พร้อมกับส่ายหน้า

“ทำอะไรกันอยู่ครับ ถึงไม่เข้าไปข้างในกัน”

อีอูยอนที่จอดรถเสร็จแล้วถอดแว่นกันแดดออกก่อนจะยิ้ม กรรมการผู้จัดการคิมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ญาติคนนั้นคือไอ้หมอนี่นี่แหละ

“กระเป๋าเดินทางล่ะ”

“คนงานยกไปข้างในแล้วครับ”

“ว้าว ดีจังเลยนะที่จ่ายแค่หกแสนวอนต่อเดือนก็ได้อยู่ในบ้านแบบนี้แถมยังมีคนรับใช้อีก นี่ ฉันเองก็อยากจะอยู่ที่นี่ เพราะมีญาติดีๆ บ้างจัง”

หัวหน้าทีมชาพูดราวกับจงใจจะให้ได้ยิน

“ฮ่าๆๆ แค่คุณสองคนแต่งงานกันก็ได้แล้ว พ่อของกรรมการผู้จัดการคิมเป็นเศรษฐีนี่ครับ”

อีอูยอนหัวเราะก่อนจะเปิดประตูหน้าบ้านและเดินเข้าไป พอเข้ามาด้านในก็เกิดเสียงอุทานด้วยความประทับใจอย่างอื่นขึ้นอีก

การตกแต่งภายในที่ใช้หินอ่อนราคาแพงกับท่อนซุงทำให้เข้ากันแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุ่มเงินลงไปมากแค่ไหน

ข้อดีของการตกแต่งภายในที่งดงามอย่างไม่มีที่ติก็คือทะเลสีครามที่มองเห็นผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่รอบด้าน นี่เป็นวิวที่งดงามจนทำให้อุทานออกมาอย่างอัตโนมัติว่า “พระเจ้า” ทันทีที่เห็น

หัวหน้าทีมชาศอกใส่สีข้างของกรรมการผู้จัดการคิมก่อนจะอ้อนวอนว่า “พวกเราเองก็รีบทำให้บริษัทเติบโตเป็นบริษัทระดับโลก และมาอยู่ที่บ้านแบบนี้กันเถอะ”

“บริษัทเป็นไปได้ด้วยดีไหมครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม

“…ตอนนี้นายมีสิทธิ์ถามเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ”

“ต้องมีสิทธิ์ก่อนเหรอครับถึงจะถามได้”

“ฉันหมายถึงว่าก็ต้องไม่ดีอยู่แล้วน่ะสิ”

“อย่างนั้นเหรอครับ น่าเศร้าจัง”

อีอูยอนย้อนตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เศร้าใจเลยสักนิด แม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมในการทำให้คนอารมณ์เสียอยู่ดี

“ทั้งสองคนน่าจะเหนื่อยเพราะเดินทางมาไกล จะอาบน้ำก่อนไหมล่ะครับ ผมจะนำทางไป”

อินซอบที่เข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกครั้งยื่นผ้าขนหนูเย็นให้อย่างสุภาพ

“…ทำไมคนแบบนี้ถึงได้ลงเอยกับคนแบบนั้น…”

กรรมการผู้จัดการคิมพึมพำคนเดียวก่อนจะรับผ้าขนหนูมา

“ใช่ครับ อาบน้ำก่อนเถอะครับ เพราะเริ่มจะมีกลิ่นแล้ว ใช้ห้องน้ำสำหรับแขกที่อยู่ชั้นหนึ่งได้เลยครับ”

อีอูยอนยิ้มอย่างอ่อนหวานในขณะที่พูดคำพูดเฮงซวยออกมา พอถูกคำพูดของไอ้หมอนั่นทำให้อารมณ์ไม่ดี คนทั้งสองคนที่รู้ความจริงตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเสียพลังงานเปล่าก็เดินไปทางห้องน้ำอย่างว่าง่าย

ทั้งสองคนที่อาบน้ำเสร็จออกมาแล้วเริ่มพูดเกี่ยวกับห้องน้ำที่มองเห็นทะเลได้อย่างเปิดโล่ง

“ไม่สิ ต่อให้วิวสวยแค่ไหน แต่การที่ห้องน้ำด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างหมดเลยมันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”

“แล้วยังไงล่ะครับ ยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว”

อีอูยอนยักไหล่พลางเอ่ยตอบ

“ถึงอย่างนั้นฉันก็อายนิดหน่อยอยู่ดี”

“ฉันด้วยๆ”

อินซอบที่ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่หัวเราะพร้อมกับเอ่ยถามว่า “ไม่หิวเหรอครับ” วินาทีที่ได้ยินคำนั้น เขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาอย่างกับไม่ใช่มนุษย์

“ใช่ กินข้าวไปคุยไปกันเถอะ”

“เดี๋ยวผมจะไปเตรียมให้ ช่วยรอสักครู่นะครับ”

พออินซอบลุกขึ้น อีอูยอนก็เดินตามหลังเขาไปด้วย ผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ

“ว้าว ทำเมื่อกี้เหรอ ฝีมือการทำอาหารของคุณอินซอบเพิ่มขึ้นในระหว่างที่ไม่ได้เจอกันสินะ ไม่ได้ลำบากเพราะพวกเราใช่ไหม”

“ไม่เลยครับ เรามีคนทำอาหารต่างหาก ผมแค่อุ่นแล้วก็ตั้งโต๊ะเท่านั้น”

อินซอบรีบโบกมือปฏิเสธ

“…ที่บ้านนี้มีคนทำอาหารต่างหากด้วย เท่าไรต่อเดือนนะ หกอะไรนะ”

กรรมการผู้จัดการคิมมองบนไปทางอีอูยอนก่อนจะพูดเหน็บแนม

ตอนที่อีอูยอนเลิกทำงานในวงการทั้งหมด และประกาศว่าจะไปอเมริกา กรรมการผู้จัดการคิมต้องตกใจอยู่แล้ว แม้จะตะโกนว่า “ตอนนี้มีสัญญาที่ได้กลับมาหลายฉบับแล้ว นายจะเลิกได้ยังไง” แต่อีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะทำเป็นได้ยิน

‘นี่ ไอ้บ้า! มีหนังที่ต้องร่วมแสดงตอนหน้าหนาวด้วยนะ และเป็นผลงานที่นายต้องถ่ายถึงหนึ่งในสามเลยด้วยกว่าจะเสร็จ! รู้ไหมว่าเป็นเงินเท่าไรถ้าต้องจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายจากละเมิดสัญญา แล้วในฐานะของบริษัทฉันสามารถฟ้องร้องนายตอนนี้ได้เลยด้วย!’

อีอูยอนที่ได้ยินคำพูดนั้นถามกลับด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

‘เท่าไรเหรอครับ’

‘อะไรนะ’

‘ผมถามว่าทั้งหมดเท่าไรครับ ทั้งค่าปรับเพราะผิดสัญญา ค่าเรียกร้องที่ต้องจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายจากการละเมิดสัญญา ทั้งหมดเลย’

‘บ้าไปแล้วเหรอ’

อีอูยอนเอาขาข้างหนึ่งที่ไขว่ห้างอยู่ลง และนั่งตัวทรงมองกรรมการผู้จัดการคิม

‘ก็ดีแล้วครับที่คนบ้ามีความรับผิดชอบด้วย’

สุดท้ายอีอูยอนก็ชดเชยค่าปรับเพราะผิดสัญญา และค่าเสียหายทั้งหมดให้ก่อนจะจากไป เขาได้ให้บ้านพักตากอากาศที่คังวอนโดกับอพาร์ทเมนต์คอมเพล็กซ์ที่โดกก และรถห้าคันกับกรรมการผู้จัดการคิมที่ตะโกนว่า “ไอ้คนไม่รู้จักบุญคุณ”

พออีอูยอนที่เป็นนักแสดงดาวเด่นหายไป การที่บริษัทจะไม่เหมือนแต่ก่อนก็เป็นผลลัพธ์ที่แน่นอน ความหวังหนึ่งเดียวของกรรมการผู้จัดการคิมที่กดเครื่องคิดเลขและมองสมุดบัญชีอย่างละเอียดทุกวันคือชีวิตที่ยากแค้นของอีอูยอนที่ไปอเมริกา

คำถามที่ว่า “ถ้าไปอเมริกาโดยที่ไม่มีเงินเลยจะเป็นยังไง” ทำให้อีอูยอนยักไหล่ก่อนจะตอบว่า “ก็ต้องลำบากสิครับ” เนื่องจากรู้ว่าเขาไปโดยใช้เงินที่หาได้ที่เกาหลีหมดแล้ว ความฝันของกรรมการผู้จัดการคิมจึงปรากฏให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง แค่จินตนาการภาพของอีอูยอนที่อาศัยอยู่อย่างน่าสงสารในอพาร์ทเมนต์น่ากลัวที่มีหนูกับแมลงสาบคุกคาม เขาก็ได้รับการปลอบโยนแล้ว

แต่จู่ๆ ก็มีชีวิตแบบนี้น่ะเหรอ…

กรรมการผู้จัดการคิมเหลือบมองอีอูยอน พอสบตากัน อีอูยอนก็ยิ้มเหมือนกับภาพวาดอย่างมีมารยาทมาให้

เขาเจ็บใจ อีอูยอนกำลังทำหน้ามีความสุขกว่าตอนที่อยู่เกาหลีเป็นพันเท่า อย่าว่าแต่ความเป็นคนดังของหมอนั่นจะจางหายไปเลย ผิวแทนนั่นกลับทำให้มีเสน่ห์ที่ดูมีระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยซ้ำ จนเขารู้สึกไปเองว่าดวงอาทิตย์ของชายหาดแคลิฟอร์เนียกำลังส่องแสงมาทางอีกฝ่าย

“พวกคนรับใช้ที่อยู่ที่นี่เป็นคนที่รับใช้ญาติของคุณอีอูยอนมาก่อนแล้วน่ะครับ ก็เลยไม่ต้องจ่ายเงิน”

คราวนี้อินซอบช่วยอธิบายให้ฟังอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ญาติคนนั้นของนายมีเงินที่ได้มาง่ายๆ เหรอถึงได้ใจดีขนาดนั้น”

“ก็ไม่รู้สิครับ ก่อนหน้านี้นานมาแล้วเขาเหมือนจะเจอเหมืองทอง แต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วก็เหมือนจะเจอบ่อน้ำมันมั้งครับ”

อีอูยอนใช้ผ้าเปียกเช็ดปากก่อนจะพูดต่อ

“กินเถอะครับ ก่อนที่จะเย็น”

แม้จะมีสิ่งที่อยากจะถามเต็มไปหมด แต่เนื่องจากไม่สามารถแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ถึงความหิวได้อีกต่อไป คนทั้งคู่จึงเริ่มกินอาหาร

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท