เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินเข้าไปหานางพร้อมด้วยดวงตาราวกับคมมีด แล้วกล่าวว่า ”ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้ามาที่หอน้ำชาเฟิ่งหวงอยู่บ่อยๆ และชื่นชอบน้ำชาของพวกเขายิ่งนัก แต่หนนี้ทำไมเจ้าถึงได้พกกาน้ำชามาเองล่ะ อีกทั้งสาวใช้ของเจ้าก็ยังพกกาน้ำชาของตัวเองมาด้วยเหมือนกัน”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ถึงกับตัวแข็งทื่อกับคำพูดนี้!
เดิมทีนั้นนางต้องการที่จะใช้เรื่องของพิษกร่อนกระดูกมาเป็นไพ่ตายใบสุดท้าย เพราะวันนี้ช่างเป็นวันอันแสนจะอัปยศสำหรับนาง!
นางพ่ายแพ้การประลองยุทธ์ให้กับนังคนชั้นต่ำนี่ แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือเรื่องที่ไม่เคยมีใครรังเกียจนางเช่นนี้มาก่อนจนกระทั่งวันนี้
เรื่องนี้มันทำให้นางเจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกฆ่าเสียอีก!
แต่นางนึกไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะสังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านั้น นางนึกเสียใจที่มองข้ามเรื่องนี้ไป!
อดีตฮ่องเต้ไม่ใช่คนโง่ ทันทีที่ได้ยินดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความโกรธ ”นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ลืมไปเสียสนิทว่าอดีตฮ่องเต้ก็อยู่ที่นี่ด้วย นางเพิ่งจะตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาได้ก็ตอนนี้ นางคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัวด้วยขาอันสั่นเทา พร้อมคว้าตัวสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาด้วย
สาวใช้คนนั้นตอบเสียงสั่นว่า ”หลายวันมานี้คุณหนูไม่ค่อยสบายเพคะ ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะดื่มชา บ่าวจึงได้เตรียมน้ำดื่มเอาไว้ในกาน้ำ ส่วนที่เหลือ บ่าวไม่รู้เรื่องอะไรด้วยจริงๆ นะเพคะ”
”ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงเชียว เห็นได้ชัดว่าการวางยาพิษในวันนี้เป็นสิ่งที่ได้รับการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณหนูตระกูลเจ้ากลับไม่สบายในเวลาเดียวกัน และไม่สามารถดื่มน้ำชาได้ ดังนั้นเจ้าถึงได้เอาน้ำดื่มมาเอง และแสร้งทำเป็นว่าเจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม แล้วก้าวเข้าไปหาสาวใช้นางนั้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ”ไหนทุกคนบอกข้ามาทีสิว่าพวกท่านเชื่อเรื่องที่ว่านี่หรือเปล่า”
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อแม้แต่คนเดียว พวกเขาไม่ใช่คนโง่ โดยเฉพาะบรรดาเสนาบดีที่ร้อนใจต้องการช่วยชีวิตของลูกหลานสุดที่รักด้วยแล้ว เมื่อพวกเขามองไปที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ความคิดที่พวกเขาเคยมีต่อนางก็เปลี่ยนไปจนหมดสิ้น
อดีตฮ่องเต้จ้องเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ด้วยความโกรธเกรี้ยว!
ในใจของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ตื่นตระหนก นางมองเฮ่อเหลียนเหมยที่ยังครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น แล้วคิดอะไรได้ในทันที ”ขออดีตฮ่องเต้ทรงสืบสวนเรื่องนี้ด้วยเพคะ หากเจียวเอ๋อร์รู้เห็นในเรื่องนี้จริง เช่นนั้นน้องสาวของหม่อมฉันก็คงมิถูกวางยาพิษไปด้วยเช่นนี้แน่!”
เฮ่อเหลียนเหมยทรมานเสียจนนางไม่มีแรงเอ่ยอะไรออกมาได้ และทำได้เพียงฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้นเท่านั้น
คลื่นแห่งความเกลียดชังแทรกซึมเข้าไปในใจของนาง
ไม่! พี่รองกำลังโกหก!
นางรู้ดีว่าในน้ำชามียาพิษ ดังนั้นท่านแม่ถึงให้นางพกกาน้ำชามาเป็นการส่วนตัว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมบอกอะไรกับนางเลยสักคำ อีกทั้งยังทำเพียงแค่มองดูนางดื่มน้ำชาผสมยาพิษนั่นเข้าไป! แต่นางไร้ซึ่งหนทางที่จะเปิดโปงอีกฝ่ายได้ เพราะเฮ่อเหลียนเหมยรู้ว่าถ้านางพูดอะไรออกไปในเวลานี้ นางจะทำให้ท่านแม่พลอยติดร่างแหไปด้วย นางไม่ต้องการให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น! นางจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนความเกลียดชังอยู่ในใจเท่านั้น
แต่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ ยามที่เฮ่อเหลียนเหมยมองนาง ความคิดของนางนั้นได้เปลี่ยนไปจนหมดสิ้นแล้ว!
จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังหาตัวการที่วางยาพิษไม่พบ แต่บรรดาเสนาบดีก็ไม่สนใจว่าใครเป็นคนที่ทำเรื่องนั้น ตอนนี้ สิ่งเดียวที่พวกเขาปรารถนาคือให้เฮ่อเหลียนเวยเวยช่วยล้างพิษให้กับลูกหลานของตนเท่านั้น
ดูเหมือนว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ปฏิเสธที่จะช่วยพวกเขา
เรื่องนี้ทำให้อดีตฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า ”เวยเวย บอกข้ามาเถิดว่าเจ้าต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทนเพื่อกำจัดพิษให้กับพวกเขา”
”ข้าจะทำก็ต่อเมื่อพวกเขายอมรับในความผิดที่พวกเขาเคยกระทำไว้เมื่อหลายปีก่อน และบอกมาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านั้นเป็นใคร” รอยยิ้มของเฮ่อเหลียนเวยเวยทำให้ทุกคนถึงกับกลั้นหายใจ
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
เสนาบดีสามคนนั้นมีสีหน้าราวกับเห็นผี
ส่วนคนอื่นๆ กลับพูดอย่างขุ่นเคืองและโกรธจัด ”ใต้เท้าหยวน ใต้เท้าหลี่ เจ้าอยากให้เด็กพวกนี้ลงนรกเพราะความผิดที่พวกเจ้าเคยก่อเอาไว้หรือ!”
เสนาบดีเหล่านั้นยังคงปิดปากเงียบ หากพวกเขาพูดออกไป คนที่ตายก็จะไม่ใช่แค่หลานชายและหลานสาวของพวกเขา แต่มันจะทำให้ทุกคนในตระกูลของพวกเขาพลอยติดร่างแหไปด้วย
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กลัวว่าพวกเขาจะลังเล นางจึงหันไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวย ”พี่ใหญ่เจ้าคะ อย่างไรเสียคนพวกนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของท่าน ท่านอยากเห็นพวกเขาตายโดยที่ไม่ช่วยจริงๆ หรือเจ้าคะ”
”น้องสาว” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ทันใดนั้นนางก็ยิ้มออกมา ”จะว่าไปแล้ว ที่ทุกอย่างมันเป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าบอกให้คนพวกนี้ร่วมมือกันทำร้ายข้า พวกเขาก็คงไม่ใช้พลังปราณไปมากถึงเพียงนั้น เจ้าต่างหากที่เป็นผู้ร้ายตัวจริง แต่เจ้ากลับกำลังพยายามจะทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ได้”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์พูดไม่ออกกับสิ่งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูด
เมื่อเห็นว่าบรรดาเสนาบดีไม่ตอบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เม้มริมฝีปาก ”เสนาบดีทั้งสามคนนี้คงคุ้นเคยกับการทำเรื่องโหดเหี้ยมดี จึงไม่สนใจไยดีแม้กระทั่งชีวิตของลูกหลานตัวเองเสียด้วยซ้ำ อย่าโทษว่าข้าไม่ช่วยพวกเขาก็แล้วกัน ส่วนพวกท่านที่เหลืออีกเจ็ดคนนั้นให้ขึ้นอยู่กับความประพฤติของน้องสาวข้า ข้าเกลียดชะมัดที่เราก็รู้กันอยู่ว่ามีใครบางคนกระจายยาพิษนี้ออกไป แต่แกล้งทำเป็นว่าตัวเองบริสุทธิ์อยู่ ตราบใดที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คุกเข่าลงต่อหน้าข้า แล้วคำนับสามครั้ง และบอกข้ามาว่านางสั่งให้พวกเจ้าทำร้ายข้าอย่างไร ข้าถึงจะยอมช่วยพวกเจ้า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดมาตั้งแต่แรกแล้วว่าแทนที่จะฆ่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ให้ตาย การทำให้นางต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าทุกคน และกระชากความใสซื่อบริสุทธ์จอมปลอมของนางออกจนเผยให้เห็นความอัปลักษณ์ของนางนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ทรมานยิ่งกว่า
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กุมแก้มบวมๆ ของตัวเอง แล้วร้องไห้ออกมา ”พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงได้โหดร้ายกับข้าเช่นนี้”
”เจ้าพยายามทำร้ายข้ามาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่โหดร้ายหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยจ้องมองนางอย่างเย็นชา ”หรือเจ้าอยากจะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองต่อไปเช่นนี้ แล้วปฏิเสธที่จะช่วยพวกเขา”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาทั้งหมดก็หันไปมองเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์
ภายใต้แรงกดดันมหาศาล เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ทำได้เพียงกัดฟันกรอด แล้วตอบว่า ”ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
”เช่นนั้นก็คำนับข้า และยอมรับความผิดของตัวเองเสีย” สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่หยุดลงตรงร่างของนางนั้นทิ่มแทงราวกับคมหนาม
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ย่อเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ ความเกลียดชังท่วมท้นอยู่ในใจ นางกัดริมฝีปากของตัวเองจนเลือดออก
ตุบ! ตุบ!ตุบ!
คำนับครบสามครั้ง!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อยากทำให้เสร็จ แล้วออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำหน้าเหมือนนางไม่ใส่ใจ ”เจ้ายังไม่ได้อธิบายว่าทำไมตอนที่ข้าอยู่บนเวที พวกเขาทุกคนถึงได้เรียกชื่อข้า”
”ใช่ ข้าเป็นคนสั่งให้พวกเขาทำเองเจ้าค่ะ” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึก น้ำเสียงของนางเบาเหมือนเสียงยุง
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”ดูเหมือนว่าน้องสาวจะไม่ได้แสดงความจริงใจออกมามากพอ นางถึงยังไม่กล้าตอบเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน”
”ท่าน!” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กำมือ นางอยากจะกระโจนเข้าไปกัดเฮ่อเหลียนเวยเวยให้ตาย
แต่บรรดาเสนาบดีกลับรีบเร่งนาง ”คุณหนูเจียวเอ๋อร์ กรุณาพูดให้เสียงดังฟังชัดด้วย! ชีวิตของหลานสาวข้าอยู่ในมือของเจ้า!”
นางไม่มีทางเลือกอื่น เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ทำได้เพียงหลับตาแน่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า ”สาเหตุเดียวที่คนพวกนี้เลือกท่านทันทีที่พวกเขาขึ้นไปบนเวที เป็นเพราะข้าสั่งให้พวกเขาทำเช่นนั้น” หลังจากพูดจบ นางก็เริ่มร้องไห้ และพยายามเรียกคะแนนสงสาร ”พวกเราไม่ได้ทำผิดกฎการประลอง นี่ไม่ควรเพียงพอให้ท่านลงโทษข้าได้ พี่ใหญ่บอกให้ข้าขอโทษ ข้าก็ทำแล้ว ท่านบอกให้ข้าคำนับท่าน ข้าก็ทำแล้วเหมือนกัน แต่ตราบใดที่ท่านยอมช่วยทุกคน ข้าก็พร้อมยอมทำ”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยังคงงดงามอยู่เสมอ แต่เมื่อนางร้องไห้เช่นนี้ นางก็ยิ่งดูบอบบางราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน[1] ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่านางอ่อนแอ และทนมองไม่ได้
มีหลายคนเริ่มใจอ่อน และรู้สึกสงสารนาง ในดวงตาของพวกเขามีความเห็นใจปรากฏขึ้นยามที่มองเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์
แต่แล้วในเวลานั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสก็ดังขึ้นอย่างช้าๆ เป็นเสียงที่ไพเราะน่าฟังอย่างมาก และทุกคนก็หันไปให้ความสนใจกับเสียงนั้นในทันที…
——————————-
[1] ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เปรียบเทียบดอกสาลี่กับใบหน้าของสตรีที่เมื่อร้องไห้ก็ยังดูงดงาม