ตอนที่ 266 พบกับเถาจืออวิ๋น
เดิมทีหลินม่ายก็มีความประทับใจต่อหล่อนไม่ดีนัก เมื่อเห็นท่าทางลีลายั่วเย้า รอให้เธอถามขึ้นมาแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกรังเกียจอย่างมาก
เธอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ในเมื่อพี่สาวไม่อยากพูด อย่างนั้นฉันก็จะไปแล้วนะ”
เมื่อเธอพูดเช่นนี้ออกมา พี่สาวก็รีบเปิดปากทันที “ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนสนิทของเสี่ยวเถา เธอก็เกลี้ยกล่อมเธอให้ดีๆ ว่าอย่าหย่าสามีเลย ผู้ชายที่เหมือนกับลูกม้าอย่างนั้นของเธอ ต่อให้จุดโคมไฟหาก็ไม่เจอ วันนี้ไม่ซื้อนี่ให้เธอ พรุ่งนี้ก็คือนั่นให้ ผู้ชายที่ไหนจะเอาใจภรรยาขนาดนั้นเหมือนกับสามีของเธอกัน”
พูดมาถึงตรงนี้ พี่สาวเพื่อนบ้านก็กดเสียงเบาลง แล้วพูดอย่างมีเลศนัย “ได้ยินว่าพอเธอประจำเดือนมา ผ้าอนามัยสามีของเธอก็ยังไปซื้อมาให้ แถมยังซักกางเกงในให้ด้วยนะ”
ในบ้านของพี่สาวเพื่อนบ้านมีหญิงชราคนหนึ่ง พอได้ยินว่าพวกเธอกำลังคุยเรื่องของเถอจืออวิ๋น ก็เดินออกมาจากในบ้าน
หล่อนพูดกับหลินม่ายด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน “ต้องเป็นเพราะเสี่ยวเถามีคนอื่นแน่ ถึงได้ทะเลาะจะหย่ากับสามีเสียให้ได้ ผู้หญิงคนนี้น่ะนะ พอเปลี่ยนใจไปครั้งหนึ่ง ก็ใจแข็งยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก”
หลินม่ายเกลียดที่สุดก็คือการวิจารย์เรื่องครอบครัวของคนอื่น
ข้าราชการที่สุจริตก็ยากที่จะตัดสินเรื่องราวในครอบครัวได้ นับประสาอะไรกับเพื่อนบ้านคนหนึ่งอย่างคุณจะไปรู้ความจริงมากน้อยแค่ไหนเชียว!
เธอพลันพูดโต้กลับไปด้วยรอยยิ้ม “คุณแน่ใจขนาดนั้นได้ยังไงว่าเป็นพี่เถาที่มีคนอื่นข้างนอก ไม่ใช้ผู้ชายของเธอ?”
หญิงชราเบะปาก “เสี่ยวเถาท้องก่อนแต่งตั้งแต่แรก ผู้หญิงมักง่ายขนาดนี้ ดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพง(1)ก็เรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ?”
พี่สาวเพื่อนบ้านเห็นสีหน้าของหลินม่ายค่อยๆ บึ้งตึงลงเรื่อยๆ ก็รีบผลักหญิงชราเข้าไปในบ้าน “แม่ พูดให้น้อยๆ หน่อยเถอะ”
ก่อนหันกลับมายิ้มให้กับหลินม่าย “แม่ของฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก แกแค่อยากให้เสี่ยวเถาสองสามีภรรยาใช้ชีวิตให้ดีเท่านั้นเอง”
“ใส่ร้ายพี่อวิ๋นตั้งขนาดนั้นแล้ว ยังจะบอกว่าไม่มีเจตนาร้ายอีกเหรอ!” หลินม่ายพูดตอกกลับไปประโยคหนึ่งแล้วก็จากไปทันที
ในบ้าน หญิงชรากระทืบเท้าด้วยความโกรธเกรี้ยว “กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์จริงๆ เสี่ยวเถาเป็นคนแบบไหน เพื่อนของหล่อนก็เป็นคนพรรค์นั้นแหละ!”
พี่สาวเพื่อนบ้านกลัวว่าหลินม่ายจะได้ยิน จึงรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว
หลินม่ายไปยังบ้านแม่ของเถาจืออวิ๋นตามที่อยู่ที่พี่สาวเพื่อนบ้านบอกไว้
บ้านแม่ของเถาจืออวิ๋นเป็นบ้าน2ห้องนอน1ห้องรับแขก ในยุคที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัยนี้ บ้านลักษณะนี้นั้นไม่เลวเลยทีเดียว แค่มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นครอบครัวราชการ
คุณแม่เถาเป็นหญิงชราคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดี และบำรุงดูแลได้ไม่เลว
เมื่อไดยินหลินม่ายบอกว่าเธอเป็นเพื่อนของเถาจืออวิ๋น คุณแม่เถาก็พาเธอเข้ามาในบ้านอย่างกระตือรือร้น ทั้งเปิดโซดา ทั้งเอาผลไม้มาให้เธอ
หลินม่ายรีบพูดขึ้น “คุณน้า ไม่ต้องยุ่งยากหรอกค่ะ หนูขอเจอพี่เถาครู่เดียว คุยกันไม่กี่คำก็จะไปแล้วค่ะ”
ใบหน้าของคุณแม่เถาประดับรอยยิ้มจาง “ฉันอยากจะคุยกับหนูสักหน่อย ได้ไหมจ๊ะ?”
แม้ว่าจะแปลกที่เธอร้องขอเรื่องแบบนี้ แต่หลินม่ายก็ยังพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ “ได้สิคะ”
คุณแม่เถานั่งลงเบื้องหน้าของเธอ สองมือถูกันไปมา แล้วจึงพูดขึ้นอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “เสี่ยวหลิน หนูช่วยน้าเกลี้ยกล่อมจืออวิ๋น ให้เธอไม่ต้องหย่าร้างเลยได้ไหมจ๊ะ?”
หลินม่ายที่กำลังดื่มน้ำอัดลมได้ยินดังนั้น ก็เกือบจะสำลักออกมา
ทำไมคนนั้นคนนี้ต่างก็ไม่อยากให้เถาจืออวิ๋นหย่ากัน? สามีของเธอดีขนาดนั้นเลยหรือไง?
เธอถาม “ทำไมเหรอคะ?”
คุณแม่เถาทอดถอนใจด้วยความวิตกกังวล “คำพูดของคนน่ะน่ากลัวนะ! ถ้าหากหย่าร้าง ต่อไปจืออวิ๋นจะอยู่ที่โรงงานยังไง? เดินไปถึงไหนก็ถูกคนอื่นเขาชี้นิ้วนินทา”
ในยุคนี้ ผู้ชายที่หย่าร้างน้อยมากที่จะถูกดูหมิ่น แต่ผู้หญิงที่หย่าร้างกลับถูกคนประณาม ราวกับว่าพวกหล่อนไปทำเรื่องเสื่อมเสียศีลธรรมอะไรอย่างนั้น
แม้จะบอกว่าคำพูดของคนนั้นน่ากลัว แต่ตราบใดที่ไม่สนใจ ใครจะทำอะไรคุณได้!
หลินม่ายพูดเสียงเบา “ถึงจะบอกว่าการหย่าร้างส่งผลกระทบต่อพี่เถาอย่างมาก แต่ถ้าไม่หย่า พี่เถาก็จะมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ อย่างนั้นหย่าไปเลยเสียดีกว่า~”
คุณแม่เถาพูดอย่างไม่ได้ดั่งใจ “ตอนนี้เธอรู้สึกทุกข์แล้วงั้นเหรอ?
ในตอนแรกที่เธอกับผู้ชายของเธอคบหากัน พวกเราทั้งบ้านต่างก็คัดค้าน แล้วทำไมเธอไม่ฟัง!”
คุณแม่เถาพูดด้วยสีหน้าดูแคลน “ผู้ชายของเธอทั้งการศึกษา ภูมิหลังครอบครัวเทียบกับเธอได้ที่ไหนกัน!
เขาคงจะเห็นถึงปัจจัยของตัวเธอเองและครอบครัวของเรา ดังนั้นจึงเข้าหาเธออย่างมีเจตนา
แต่จืออวิ๋นแม่คนซื่อบื้อคนนี้ ดันเห็นเจตนาแอบแฝงของเขาเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อตัวเธอ รั้นจะแต่งงานออกไปให้ได้
ตอนนี้ลูกก็อายุสองขวบแล้ว เพิ่งจะมาเห็นธาตุแท้ของผู้ชายของเธอ มันก็สายไปแล้วล่ะ”
เธอถอนหายใจอย่างระอา “หนูไปเกลี้ยกล่อมจืออวิ๋นหน่อยนะ มันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ทั้งชีวิตนี้ก็คงต้องหลับตาข้างหนึ่งถูไถให้ผ่านไปแบบนี้นี่แหละ
แม้ว่าผู้ชายของเธอจะไม่ได้เรื่อง แต่อย่างน้อยก็ไม่ทุบตีเธอ
ถ้าหากไปเจอผู้ชายที่ทุบตีผู้หญิง นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าเลวร้าย!”
หลินม่ายพูดอย่างขอไปที “เดี๋ยวฉันจะเกลี้ยกล่อมพี่เถาค่ะ”
เธอมองไปรอบๆ แล้วถามขึ้น “พี่เถาล่ะคะ ทำไมไม่อยู่ล่ะ?”
คุณแม่เถาค่อนข้างอึกอัก พูดอ้ำๆ อึ้งๆ “เพราะว่าพวกเราเกลี้ยกล่อมให้เธอไม่หย่า จืออวิ๋นก็เลยโกรธออกไปอยู่ข้างนอก ฉันจะพาหนูไปหาเธอ”
หลินม่ายรีบพูดขึ้น “คุณน้าบอกที่อยู่ให้ฉันก็พอแล้วค่ะ ฉันจะไปเอง”
คุณแม่เถาลุกขึ้นยืน “จืออวิ๋นอยู่ที่หมู่บ้านในเมือง บอกที่อยู่ให้หนูก็คงหาเจอยาก ให้ฉันพาหนูไปเถอะ ถึงยังไงฉันเองก็อยากจะไปเจอฉีฉีบ้างเหมือนกัน”
หลินม่ายอยากเอาของที่ซื้อมาเก็บไว้ที่บ้านของคุณแม่เถา แต่คุณแม่ รั้นจะให้เธอพกไปด้วยให้ได้
บอกว่า เถาจืออวิ๋นสองแม่ลูกชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างยากลำบาก ของพวกนี้เอาไว้ให้ฉีฉีกิน
ตัวเธอเองยังเอาขนมและลูกกวาดจากตู้เก็บอาหารพกไปด้วย
หลินม่ายทำได้เพียงถือของพวกนั้น แล้วไปยังที่อยู่ของเถาจืออวิ๋นพร้อมกับคุณแม่เถา
ที่อยู่ที่ของเถาจืออวิ๋นหายากอย่างที่ว่าจริงๆ หลินม่ายเดินไปเดินมาตามคุณแม่เถาอยู่ในถนนเส้นเล็กที่ราวกับใยแมงมุมของหมู่บ้านอยู่พักใหญ่ จึงมาถึงบ้านชั้นเดียวที่มีลานว่างเล็กๆ หลังหนึ่ง
ตอนที่พวกหล่อนเดินเข้าไปในลานบ้าน เถาจืออวิ๋นก็กำลังออกแรงซักผ้าอยู่ใต้ก๊อกน้ำสาธารณะในลานบ้านพอดี ฉีฉีนั่งยองอยู่ข้างๆ ใช้กิ่งไม้ขีดเขียนเล่นบนพื้น
เมื่อเห็นหลินม่ายและคุณแม่เถา เจ้าหนูน้อยก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโยนกิ่งไม้ในมือทิ้ง แล้ววิ่งเข้ามาหาคุณแม่เถาด้วยความลิงโลด ปากก็พลางร้องเรียก “คุณยาย!”
คุณแม่เถาอุ้มฉีฉีขึ้นมา “หลานรักของยายผอมหมดแล้ว!”
ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความปวดใจ
เถาจืออวิ๋นที่หันหลังให้กับหลินม่ายและคุณแม่เถาหมุนตัวกลับมา เมื่อเห็นพวกหล่อน ก็ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พวกคุณมาได้ยังไงกัน?”
เธอพูดพลางล้างมือที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ของตัวเองที่ก๊อกน้ำ แล้วต้อนรับพวกหลินม่ายเข้าไปนั่งในบ้าน
คุณแม่เถาพูดอย่างไม่ชอบใจ “ข้างในมีกลิ่นแปลกๆ แม่ไม่เข้าไปหรอก
ลูกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อยากทะเลาะหย่าร้างกันไปเสียให้ได้ ถึงขนาดพาลูกมาลำบากไปด้วย!”
เถาจืออวิ๋นไม่พูดจา
คุณแม่เถาถอนหายใจ แล้ววางฉีฉีลงบนพื้น เธอส่งของในมือใส่มือของเถาจืออวิ๋น ก่อนจะเดินกะเผลกจากไป
เถาจืออวิ๋นมองแผ่นหลังที่จากไปของเธอ ในใจก็รู้สึกย่ำแย่อย่างมาก
กระทั่งแผ่นหลังของคุณแม่เถาลับไปจากสายตา เมื่อนั้นถึงได้ฝืนแย้มยิ้มออกมา แล้วพาหลินม่ายเข้าไปในบ้าน กลิ่นเหม็นบางอย่างลอยเข้ามาเตะจมูกทันใด
บ้านหลังนี้ที่เถาจืออวิ๋นเช่าอยู่ เหมือนกับโครงสร้างบ้านของหลินม่ายที่หมู่ซานหยางเป๊ะๆ
ตรงกลางมีโถงกลางขนาดใหญ่ ทั้งสองด้านมีฝั่งละสองห้อง
ในห้องโถงกลางนั้นวางเต็มไปด้วยข้าวของจิปาถะ ดังนั้นจึงทำให้มีกลิ่นเหม็นอับ
เถาจืออวิ๋นเช่าหนึ่งในห้องเหล่านั้น
เธอพาฉีฉีและหลินม่ายเดินผ่านข้าวของ มาถึงหน้าประตูห้องของตน ก่อนล้วงกุญแจออกมาไขเปิดประตู
ผู้ชายหยาบคายที่เปลือยท่อนบนคนหนึ่งเดินออกมาจากอีกห้องหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นหันมามองสำรวจหลินม่ายและเถาจืออวิ๋น
สายตาแทะโลมนั้นกวาดมองที่จุดอ่อนไหวของพวกเธอสองคนอยู่หลายรอบ
มองจนแทบจะทะลุ ใส่เสื้อผ้าแล้วก็ยังสามารถมองเห็นข้างในได้
หลินม่ายคลื่นไส้จนแทบอ้วก
เป็นเพื่อนบ้านกับผู้ชายแบบนี้ อันตรายเกินไปแล้ว!
เมื่อเข้ามาในห้อง หลินม่ายก็พูดกับเถาจืออวิ๋นทันที “ฉันว่าคุณเปลี่ยนที่อยู่เถอะนะ ผู้ชายคนเมื่อกี้นี้ดูไม่ใช่คนดีเลย”
เถาจืออวิ๋นพูดอย่างทำอะไรไม่ได้ “เธอคิดว่าเช่าบ้านอยู่ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง มันหาเช่ายากนะ”
ในตอนนี้ มีน้อยคนมากที่จะมีบ้านที่มีที่ว่าง การเช่าบ้านนั้นยากเย็นจริงๆ
หลินม่ายถามอย่างไม่เข้าใจ “ที่ทำงานคุณมีห้องพักอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องย้ายออกมาด้วยล่ะ?”
เถาจืออวิ๋นรินน้ำเย็นให้กับหลินม่ายแก้วหนึ่ง เธอพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เมื่อกี้เธอไม่ได้ยินแม่ฉันพูดเหรอว่าฉันกำลังจะหย่า ถ้าฉันไม่พาฉีฉีย้ายออกมา แล้วจะหย่าได้ยังไง?”
(1)ดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพง หมายถึง การคบชู้ นอกใจ