ตอนที่ 206 สายตระกูลเทียนเสีย เทียนจื่อ!
“หึ! มีสิ่งใดต้องกังวลเล่า ไม่ว่าจะเป็นเผ่านรกหรือเผ่ากลืนนภา ไม่ว่าผู้ใดมาก็แค่ฆ่ามันให้สิ้น เผ่าสวรรค์ของข้ามิเคยเกรงกลัวเผ่าพันธุ์ใด!” หนิงฝานเย้ยหยัน คำพูดของเขาทั้งเฉียบคมและดุดัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ห้องโถงที่มีเสียงดังโหวกเหวกพลันเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นทุกคนก็เอ่ยปาก
“ผู้อาวุโสเจ็ดพูดได้ดี!”
“หึ ๆ! ในเมื่อผู้อาวุโสเจ็ดมีความมั่นใจเพียงนี้ เช่นนั้นสงครามสวรรค์และปฐพีในครานี้ ไม่สู้ให้สายตระกูลเทียนเสียของเจ้าออกรบในนามเผ่าสวรรค์ของเราเล่า!”
“ไม่เลว! ผู้อาวุโสเจ็ดคงจะสามารถรักษาสิทธิ์ความเป็นเจ้าของแท่นเซียนให้เผ่าสวรรค์ของเราได้!”
คำพูดของทุกคนเต็มไปด้วยคำเยินยอและชมเชย แต่เนื้อแท้แล้วพวกเขาแอบเย้ยหยันอยู่
แม้ว่าเผ่าสวรรค์จะแข็งแกร่ง แต่สงครามสวรรค์และปฐพีก็เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวในระดับเดียวกัน มีฝ่ายคุ้มกันหนึ่งคน ฝ่ายโจมตีหลายคน หากเป็นในอดีตพวกเขาย่อมไม่กลัว เพราะไม่ว่าอย่างไร เผ่านรกต้องชนะทั้งสองศึก แต่คราวนี้มันต่างออกไป
เผ่านรกร่วมมือกับเผ่ากลืนนภา เมื่อถึงเวลานั้นผู้ที่มารบล้วนแต่เป็นผู้มากฝีมือ เผ่าสวรรค์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้น้อยโจมตีมาก ย่อมมีโอกาสชนะน้อยลงและแพ้มากขึ้น
พวกเขาย่อมไม่อยากเข้าร่วมในสงครามสวรรค์และปฐพีครั้งนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับความชอบใด ๆ หากพวกเขาพ่ายแพ้ ไม่เพียงแต่จะแบกรับความรับผิดชอบในการสูญเสียแท่นเซียนไปเท่านั้น แต่ยังต้องรับกับคำวิจารณ์อีกด้วย
เมื่อเห็นคำพูดไม่เกรงกลัวสิ่งใดของหนิงฝาน ทุกคนก็เลยสบโอกาสเอ่ยปากโยนเรื่องนี้ไปที่หนิงฝาน
แต่ที่ทุกคนไม่ทราบก็คือ นี่เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการ!
“หึ! ให้สายตระกูลเทียนเสียไปย่อมได้ ในสงครามสวรรค์และปฐพีครานี้ สายตระกูลเทียนเสียของข้าจะปกป้องสิทธิ์ครอบครองแท่นเซียนของเผ่าสวรรค์ได้อย่างแน่นอน!”
หนิงฝานตกลงทันที แต่เขาเอ่ยเสริมอีกประโยค “ทว่าข้าก็ต้องขอพูดเงื่อนไขก่อน หากสายตระกูลเทียนเสียของข้าชนะ แท่นเซียนจะเป็นของสายตระกูลเทียนเสียของข้าโดยสมบูรณ์ และพวกเจ้าทั้งเก้าตระกูลไม่มีสิทธิ์แตะต้องมัน!”
“หืม?” เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนพลันขมวดคิ้ว!
ประโยชน์ของแท่นเซียน สำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นชัดเจนอยู่แล้ว หากแท่นเซียนถูกเผ่านรกยึดครองไป พวกเขาย่อมไม่มีสิ่งใดจะพูดได้ แต่ถ้าแท่นเซียนยังอยู่ในเผ่าสวรรค์ พวกเขาย่อมมีโอกาสแทรกแซงได้
แต่ในชั่วอึดใจต่อมา ผู้อาวุโสเทียนจงพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง! ข้าเห็นด้วย ตราบใดที่สายตระกูลเทียนเสียของเจ้าสามารถยึดครองแท่นเซียนในศึกครั้งนี้ได้ แท่นเซียนนี้จะมีเพียงสายตระกูลเทียนเสียของเจ้าเท่านั้นที่ใช้ได้”
หนิงฝานพยักหน้า จากนั้นมองไปที่ผู้อาวุโสที่เหลือ “แล้วพวกเจ้าเล่า?”
“ได้!”
“ข้าเห็นด้วย!”
“เช่นนั้นก็ทำตามนี้!”
ผู้อาวุโสใหญ่เห็นด้วยแล้ว ดังนั้นผู้อาวุโสคนอื่นจึงไม่มีอะไรจะพูดมากนัก พวกเขาจึงเห็นด้วย
“ดี เช่นนั้นก็รอสงครามสวรรค์และปฐพีในหนึ่งปีจากนี้เถิด!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงฝานพยักหน้า จากนั้นออกจากโถงสวรรค์ในพริบตา
เมื่อมองไปยังเงาร่างที่จากไปของหนิงฝาน แม้ว่าผู้อาวุโสที่เหลือจะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าหนิงฝานจะชนะสงครามสวรรค์และปฐพีได้
…
หลังจากออกจากโถงสวรรค์แล้ว หนิงฝานก็มาถึงเกาะลอยที่มีไอเซียนสว่างไสว บนเกาะลอยแห่งนั้น มีวังหยกโอ่อ่า ตำหนักและศาลามากมายทั่วทั้งเกาะลอย ซึ่งเป็นที่อยู่ของสายตระกูลเทียนเสีย
“ท่านผู้นำ!”
เมื่อเห็นหนิงฝานกลับมาแล้ว ชาวสวรรค์ทุกคนที่นี่ก็ทำความเคารพเขาทันที
สำหรับสิ่งนี้ หนิงฝานเพียงเผยรอยยิ้มจาง ๆ เพราะว่าในความทรงจำ แม้ว่าเทียนเสียจะมีนิสัยเย็นชาหยิ่งยโส แต่เขายังคงอ่อนโยนต่อเผ่าสวรรค์เชื้อสายเทียนเสีย
“ทุกคนในสายตระกูลเทียนเสียของข้า จงมารวมตัวกันที่นี่!”
ในที่สุด หนิงฝานก็มาถึงลานกว้างทางด้านหนึ่ง และออกคำสั่งทันที
เมื่อคำสั่งถ่ายทอดลงไป ในไม่ช้า ชาวเผ่าสวรรค์นับหมื่นคนก็มารวมตัวกัน
โถงสวรรค์มีผู้อาวุโสสิบคน และผู้อาวุโสแต่ละคนเป็นผู้นำแต่ละสายตระกูล แต่ละสายตระกูลมีประมาณหนึ่งหมื่นคน รวมทุกคนในโถงสวรรค์ก็มีเพียงแสนกว่าคน จำนวนเพียงเท่านี้ถือว่าน้อยยิ่งกว่าน้อยเมื่อเทียบกับเผ่าบรรพกาลอื่น ๆ
แต่นี่คือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อความแข็งแกร่งของเผ่าสวรรค์ พวกเขาตีตัวออกมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางสายโลหิตเก้าครั้ง แม้ว่าสายเลือดจะแข็งแกร่ง แต่ด้านการสืบพันธุ์กลับลดลงอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เผ่าสวรรค์เท่านั้น แต่ทั้งสิบเผ่าราชันบรรพกาลก็เป็นเช่นนี้ ตัวอย่างเช่น เผ่ามังกรแห่งรังหมื่นมังกร มีสมาชิกเผ่าเพียงหนึ่งหมื่น ซึ่งน้อยเสียยิ่งกว่าเผ่าสวรรค์!
“คารวะท่านผู้นำ!”
ทันทีที่ผู้คนนับหมื่นในเผ่าสวรรค์มาถึง พวกเขาทำความเคารพหนิงฝานอย่างนอบน้อม
หนิงฝานพยักหน้าพลางพินิจพิจารณาอย่างลับ ๆ
ในสายตระกูลเทียนเสีย แม้ว่าจะมีเพียงหมื่นกว่าคน แต่ทุกคนก็มีพลังแกร่งกล้ามาก
แม้ว่าจะไม่มีผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนธุลีสีชาด แต่ก็มีขอบเขตกึ่งเซียนอยู่ห้าร้อยถึงหกร้อยคน นอกจากเด็กแรกเกิดและพวกเด็กวัยเยาว์ ทุกคนที่เป็นเติบใหญ่ทั้งหมดอย่างน้อยบรรลุถึงขอบเขตเทพยุทธ์ และนี่เป็นเพียงสายตระกูลเดียวเท่านั้น กลับเผยให้เห็นถึงเบื้องหลังของเผ่าสวรรค์แล้ว
“ทุกท่าน สงครามสวรรค์และปฐพีในอีกหนึ่งปีให้หลัง สายตระกูลเทียนเสียของเราจะเข้าร่วมการต่อสู้ในนามของเผ่าสวรรค์ อย่างที่เราทราบกันดี สงครามสวรรค์และปฐพีแบ่งออกเป็นสองศึก ศึกเซียนธุลีสีชาดมีข้าเป็นผู้ออกรบ และผู้เข้าคัดเลือกในศึกใต้เซียนธุลีสีชาดต้องเลือกจากในกลุ่มพวกเจ้าคนหนึ่ง!”
เวลานี้ หนิงฝานพูดเสียงดัง สายตาจ้องมองไปที่ฝูงชนของเผ่าสวรรค์และพูดอีกครั้งว่า “เพราะฉะนั้น ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเจ้าจะต้องทำการแข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถ ไม่เพียงแต่จะออกศึกครั้งนี้กับข้า แต่ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์สายตรง!”
พรึ่บ!
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนต่างตื่นเต้น ไม่เพียงแต่ผู้ที่โดดเด่นสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ในนามของเผ่าสวรรค์ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเป็นศิษย์ของท่านผู้นำ!
สำหรับเผ่าสวรรค์บางคน นี่เป็นเกียรติและโอกาสอันยิ่งใหญ่
ท้ายที่สุด หนิงฝานก็สั่งให้ตั้งลานประลอง และเริ่มทำการคัดเลือกท่ามกลางชาวเผ่าสวรรค์น้อยใหญ่
แน่นอนว่าผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการคัดเลือกจะต้องบรรลุถึงขอบเขตกึ่งเซียนเป็นอย่างต่ำ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน สายตระกูลเทียนเสียนั้นมีชีวิตชีวากันอย่างมาก และกลุ่มของผู้ที่บรรลุขอบเขตกึ่งเซียนเริ่มได้รับการคัดเลือกทีละขั้น ในท้ายที่สุด ชาวเผ่าสวรรค์ผู้มีนามว่าเทียนจื่อก็ปรากฏออกมา ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ประการที่หนึ่ง รากฐานการฝึกฝนของเทียนจื่อบรรลุขอบเขตกึ่งเซียน ทั้งยังไม่อ่อนแอ และประการที่สองคือ สายโลหิตของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงถึงเจ็ดครั้ง!
เนื่องจากชาวเผ่าสวรรค์กลุ่มแรกมาจากการเปลี่ยนแปลงของสายเลือดมนุษย์ถึงเก้าครั้ง ในบรรดาชาวเผ่าสวรรค์ มาตรฐานในการตัดสินว่าเป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์คือ จำนวนของการเปลี่ยนแปลงของสายเลือด ยิ่งหลายครั้งก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งได้
สายเลือดเช่นเทียนจื่อที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงถึงเจ็ดครั้ง และเขาถือเป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ในบรรดาชาวเผ่าสวรรค์
“เทียนจื่อ นับแต่นี้ไป เจ้าจะเป็นศิษย์สายตรงของข้า!” เมื่อมองไปยังเทียนจื่อ หนิงฝานแสดงสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
เทียนจื่อรีบคุกเข่าไปทางหนิงฝาน! “ศิษย์เทียนจื่อ คารวะท่านอาจารย์!”
“ดี ลุกขึ้น!” หนิงฝานพยักหน้า และเมื่อเทียนจื่อลุกขึ้น เขาก็หันกลับมาและพูดว่า “ตามอาจารย์มา อาจารย์จะสอนอะไรบางอย่างให้เจ้า!”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เทียนจื่อก็เผยสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นก็เดินตามหนิงฝานด้วยความเคารพและจากไป!
และเมื่อมองไปยังเทียนจื่อที่ถูกหนิงฝานพาตัวไป ความภาคภูมิแห่งสวรรค์รุ่นเยาว์ในสายตระกูลเทียนเสียทุกคนก็แสดงความอิจฉาริษยา!
“เฮ้อ! ถูกรับเป็นศิษย์สายตรงของผู้นำ เทียนจื่อผู้นี้จากนี้ไปคงจะอนาคตสดใส!”
“ใช่แล้ว! แม้ว่าสายโลหิตของเทียนจื่อจะเปลี่ยนไปถึงเจ็ดครั้ง แต่มากที่สุดก็ฝึกได้ถึงขอบเขตกึ่งเซียนก้าวที่เก้า ตอนนี้ได้กราบท่านผู้นำเป็นอาจารย์ เขาจะต้องก้าวไปอีกขั้นเป็นแน่!”
“นับแต่นี้ไป เทียนจื่อนับเป็นผู้ที่เราไม่ควรยั่วยุด้วย!”
“น่าอิจฉายิ่งนัก หากข้าคือเทียนจื่อจะดีสักเพียงใด!”