“ข้าอยากฟังคำอธิบายจากเจ้าอยู่พอดี” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กลืนคำพูดทั้งหมดกลับลงคอ นางมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสายตาเหมือนกับกำลังมองดูยมทูตจากนรกอยู่ก็ไม่ปาน!
“เจ้าเป็นใคร เจ้าต้องไม่ใช่เฮ่อเหลียนเวยเวยแน่ๆ!” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คำรามเสียงต่ำ นางจวนจะเป็นลมอยู่รอมร่อ ถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้นจริง นางจะบีบให้นางต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร!
ในเวลานี้ ไม่ใช่แค่นางต้องอับอายขายหน้า แต่ยังถูกน้องสาวที่สนิทที่สุดเกลียดชังอีกด้วย ทว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดนั้นคือการที่นางต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไร้น้ำยาพรรค์นั้นต่างหาก!
การแต่งงานนั้นจะทำลายชีวิตของนาง!
หลังจากทุ่มเทความพยายามมาหลายปีถึงเพียงนี้ นางจะตกต่ำลงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน!
“ตั้งแต่เจ้าลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนั้น เจ้าก็เปลี่ยนไป! บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าเป็นใคร!” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คว้ามือทั้งสองข้างของนาง แล้วมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยความเกลียดชังและความหวาดกลัว
มู่หรงฉางเฟิงเข้ามาดึงนางออกไป ”ใจเย็นๆ ก่อน เจียวเอ๋อร์!”
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป อดีตฮ่องเต้อาจจะให้นางแต่งงานกับฮว๋ายหนานจริงๆ ก็ได้!
เรื่องนั้นย่อมทำให้อำนาจของสี่ตระกูลใหญ่อ่อนแอลง!
แต่ในเวลานี้เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เหมือนกับคนถูกผีสิง นางสะบัดมือออก แล้วชี้นิ้วไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวย พร้อมกับกล่าวว่า ”ซื่อจื่อ ท่านไม่สงสัยหรือ ผู้หญิงคนนี้! นางเคยเป็นคนที่ไล่ตามท่านไปทุกหนทุกแห่ง แต่ตอนนี้นางกลับดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อย่าว่าแต่จะไล่ตามท่านเลย กระทั่งท่านที่เป็นฝ่ายขอคืนดีกับนางก่อน นางก็ยังดูถูกเหยียดหยามท่านเลย! ผู้หญิงที่หน้ามืดตามัวในความรักอย่างนางมีหรือจะทำเช่นนั้นได้!”
“เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ พอได้แล้ว!” มู่หรงฉางเฟิงถูกเปิดโปงความลับต่อหน้าทุกคน ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงดูย่ำแย่ขึ้นมาทันที
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยังไม่ยอมแพ้ ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่เฮ่อเหลียนเวยเวย
ริมฝีปากบางของเฮ่อเหลียนเวยเวยหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ”ข้าไม่ได้เพียงแค่เปลี่ยนไป แต่ยังตายไปแล้วหนหนึ่งด้วยซ้ำ และมันทำให้ข้าเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าพรากอะไรไปจากข้าบ้าง” ระหว่างที่พูด นางก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ คำพูดแต่ละคำของนางนั้นดังชัดถ้อยชัดคำ ”ข้าบอกเจ้าไปตั้งนานแล้วว่าข้าจะเอาสิ่งที่เป็นของข้ากลับคืนมาทีละอย่าง เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงเพียงเท่านี้หรือ ช่างใสซื่อนัก!”
ในขณะนั้นเอง เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คล้ายกับเห็นเงาดำลอยอยู่ที่ด้านหลังของนาง เงานั้นเหมือนกับปีศาจที่ต้องการจะมาเอาชีวิตของนางไป นางสามารถมองเห็นเส้นผมสีเงินของมันได้ เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยความกลัว!
นั่นมันตัวบ้าอะไร!
เมื่อเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ต้องการจะมองมันให้ดีอีกครั้ง… เงาร่างที่มีผมสีเงินนั่นก็หายวับไป!
ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงภาพหลอนที่นางสร้างขึ้นเอง
แต่เพียงแค่นั้น มันก็ทำให้เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ถึงกับขนลุก!
เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อตัวลงแล้วเอนกายเข้าหานาง ร่างของนางทั้งดูเย็นชาและสูงส่ง นางกระซิบข้างหูของอีกฝ่ายด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า ”อย่าลืมสิ ข้ายังไม่ได้ลากตัวท่านแม่ของเจ้าลงมาเลย”
“เจ้า เจ้า!” นิ้วของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์สั่นเทา แล้วกระอักเลือดที่อยู่ในลำคอออกมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระชับคอเสื้อของนาง แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ”ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก เกิดอะไรขึ้นกับภาพลักษณ์ประหนึ่งเทพธิดาของเจ้าหรือ โอ๊ะ จริงสิ อย่างไรเจ้าก็กำลังจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นหมันนี่นะ ข้าไม่มีอารมณ์มาเล่นกับเจ้าแล้วล่ะ”
“เฮ่อ! เหลียน! เวย! เวย!” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง ปราณเลือดกำลังจู่โจมหัวใจของนาง!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนตรงด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น และใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดบนนิ้ว นางโยนผ้าเช็ดหน้าลงบนตัวของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์
ท่าทางไม่สนใจไยดีนั้นดูเหมือนกับท่าทางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่มีผิด
ขันทีซุนอดมองผู้เป็นนายของตนไม่ได้
แต่แล้วเขาก็เห็นว่าในเวลานี้ริมฝีปากบางของคนคนนั้นกำลังวาดขึ้นเป็นเส้นโค้ง ในเวลาเดียวกันดวงตาของเขาก็เผยความเย็นชามากกว่าที่เคย เขาออกคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ”ขันทีซุน ไปจัดการให้คุณหนูรองของตระกูลเฮ่อเหลียนได้แต่งงานโดยเร็วเสีย”
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีซุนก้มหน้าลงรับคำสั่ง
ร่างของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์แข็งทื่ออยู่กับที่ราวกับนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิต นางนอนหมดสิ้นเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองภาพนั้นด้วยริมฝีปากบางที่วาดขึ้นเป็นเส้นโค้ง
รายต่อไป!
ก็คือคู่ของผู้ชายขยะกับนังคนแพศยานั่น
เฮ่อเหลียนกวงเย่ากับซูเหยียนโม่!
ระหว่างที่คิดเช่นนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็ว นางยังไม่ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับเหล่าเสนาบดีว่านางจะช่วยล้างพิษให้
ขณะที่เดินอยู่ นางก็ออกคำสั่งไปด้วย ”เอาอ่างอาบน้ำที่มีออกมาให้หมด เราจะเริ่มล้างพิษกันเดี๋ยวนี้”
ราชองครักษ์รีบรับคำสั่งทันที ”ขอรับ” พวกเขาเตรียมทุกอย่างเหมือนก่อนหน้านี้
ท่อนฟืน ไฟ และอ่างอาบน้ำที่มีน้ำเดือดอยู่
ชายชุดขาวที่นั่งอยู่บนชั้นสองมองการเคลื่อนไหวด้านล่าง นิ้วที่หมุนถ้วยชาของเขาหยุดนิ่ง แสงสว่างวาบขึ้นในดวงตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตของเขา
“นายท่านขอรับ” เงาทมิฬคุกเข่าลง แล้วมองไปทางหน้าต่าง ”อีกฝ่ายเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งนัก องครักษ์เงาของพวกเขาเริ่มเข้ามาค้นหาในโรงน้ำชาแล้ว พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ทันทีขอรับ”
ชายชุดขาวยืนขึ้นแล้วมองลงไปที่ชั้นล่างอีกครั้ง ดวงตาของเขาหยุดลงที่เฮ่อเหลียนเวยเวย ”ไปตรวจสอบข้อมูลของนางใหม่อีกครั้ง และหาว่านางเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด”
“นายท่านสงสัยว่านางไม่ใช่เฮ่อเหลียนเวยเวยหรือขอรับ” เงาทมิฬเลิกคิ้ว
ชายชุดขาวก้าวเท้าลงบันได เงามืดทาบทับบนใบหน้าของเขา และได้ยินเพียงเสียงพึมพำว่า ”ข้ายังไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากมายในเวลาสั้นๆ เพียงนี้ เว้นเสียแต่…”
เว้นเสียแต่ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ชายคนนั้นไม่ได้พูดประโยคนั้นต่อให้จบ
แสงหมดแล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ดึงมือของนางกลับ คนเจ็ดในสิบคนกลับมามีผิวพรรณดังเดิม
อีกสามคนที่เหลือถูกนำตัวส่งกลับบ้าน และไม่ว่าหมอหลวงจะพยายามรักษาพวกเขาอย่างไร สุดท้ายก็ต้องส่ายหน้ากันไปทุกราย
บางคนบอกว่าคนที่โดนพิษกร่อนกระดูกเข้าไปย่อมอยู่ได้ไม่พ้นวัน
แต่ก็มีอีกหลายคนที่บอกว่านี่คือกรรมตามสนอง เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้กระทบต่ออำนาจในมือของตน พวกเขาจึงเลือกที่จะปิดบังความจริง สังเวยชีวิตของหลานชายและหลานสาวของตน ซึ่งมันก็สมควรแล้วที่พวกเขาจะได้รับผลกรรมเช่นนี้
ดังนั้นในเวลานี้ จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรถึงเฮ่อเหลียนเวยเวยอีก
เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทุกคนต่างก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ใช่คนไร้ค่าที่ทุกคนสามารถเหยียบย่ำได้อีกต่อไป!
นางเป็นผู้ชนะเลิศในการประลองยุทธ์!
ซึ่งหมายความว่านางเป็นอัจฉริยะยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เสียอีก!
แม้จะไม่มีใครรู้ว่านางมีพลังปราณชนิดใด แต่นางก็เป็นผู้ชนะในการประลองนี้อย่างแท้จริง!
ในเวลานี้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฮ่อเหลียนต่างก็รู้สึกเสียใจที่พวกเขาขับไล่นางออกจากตระกูล หากพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เกียรติยศนี้ก็คงจะตกเป็นของพวกเขาไปแล้ว!
มีหรือที่คนฉลาดอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยจะอ่านความคิดของพวกเขาไม่ออก ตอนที่นางยื่นมือออกไปรับหีบใส่เงินมาจากมือผู้อาวุโส บนใบหน้าของนางก็ปรากฏความเยาะเย้ยออกมาเล็กน้อย
ผู้อาวุโสคนนั้นไม่ยิ้มให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยแม้แต่น้อย และทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่ไกลออกไปนั้น จู่ๆ ก็มีองครักษ์ในชุดเครื่องแบบระดับสูงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พวกเขาถือทองคำจำนวนสิบหีบมาวางลงตรงหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย
มันมีมูลค่าสูงลิ่วจนทุกคนแทบอ้าปากค้าง!
ใครกันที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้
มอบทองกว่าสิบหีบให้นางภายในครั้งเดียว!
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโดยไม่รู้ตัว…