ตอนที่ 208 เผ่าราชันทั้งสาม สงครามครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้น
สนามรบสงครามสวรรค์และปฐพีตั้งอยู่บนยอดเขาวิถีสวรรค์ ห่างจากเผ่าสวรรค์ไม่ไกลมากนัก ดังนั้นหนิงฝานจึงสามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็ว
“หึ ๆ! เผ่าสวรรค์ ข้านึกว่าพวกเจ้าไม่กล้ามาที่นี่เสียแล้ว” ทันทีที่มาถึง เสียงเย้ยหยันแหบห้าวก็ดังขึ้น
บนยอดเขาวิถีสวรรค์มีลานสมรภูมิขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บนนั้นแกะสลักด้วยค่ายกลเซียนอันแข็งแกร่ง เป็นสถานที่ที่มีไว้สำหรับการทำสงครามครั้งใหญ่ระหว่างขอบเขตเซียนธุลีสีชาด
ขณะที่หนิงฝานและคนอื่น ๆ กำลังมองเข้าไปนั้น ในเวลานี้บนลานนั้นรวมตัวไปด้วยเงามากมาย ทุกชีวิตล้วนดูมืดมนและน่ารังเกียจ กระดูกทั่วร่างตั้งตระหง่านตรง พลุ่งพล่านไปด้วยปราณภูตผี มีพลังบ่มเพาะตั้งแต่ขอบเขตกึ่งเซียนจนถึงขอบเขตเซียนธุลีสีชาด มันคือเผ่านรกที่เป็นหนึ่งในสิบเผ่าพันธุ์ราชันบรรพกาล!
“หึ! ไม่กล้ามา? เผ่าสวรรค์ของข้าเคยกลัวเผ่านรกอย่างเจ้ามาก่อนด้วยรึ!?”
ผู้อาวุโสเผ่าสวรรค์ตอบกลับเสียงเย็นชา หลังจากนั้นหนิงฝานในร่างเทียนจื่อก็เหาะเหินลงมายังลานโล่ง
ผู้อาวุโสเผ่าสวรรค์มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่าไม่มีผู้คนของเผ่ากลืนนภาอยู่เลย จึงได้พูดขึ้นว่า “เผ่านรก ได้ยินมาว่าพวกเจ้าไปหาเผ่ากลืนนภาเพื่อขอความช่วยเหลือในสงครามสวรรค์และปฐพี เช่นนั้นวันนี้ เหตุใดต้องให้พวกเขาหลบซ่อนตัวด้วยเล่า ไปเรียกพวกเขาให้รีบออกมาเสีย”
“หึ ๆ! ข่าวคราวเผ่าสวรรค์ของพวกเจ้าช่างรวดเร็วเสียจริง”
ได้ยินเช่นนั้น เผ่านรกก็แหงนหน้ามองฟ้าพร้อมหัวเราะเย้ยหยันออกมา “มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าพูดผิดแล้ว”
“ข้าพูดผิดอันใด?” ผู้อาวุโสเผ่าสวรรค์ขมวดคิ้ว ความรู้สึกมั่นใจพลันลดลง
คนของเผ่านรกมิได้ตอบกลับในทันที แต่ส่งเสียงร้องเรียกออกมาแทน “สหายเอ๋ย ออกมาเถอะ”
พรึ่บ! พรึ่บ!
หลังสิ้นเสียงของคนเผ่านรก กลิ่นอายปราณที่แตกต่างกันสองสายก็ปะทุขึ้นจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็พุ่งเข้ามาพร้อมกัน
หนึ่งในนั้นเป็นเหล่าสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ทั่วทั้งร่างกายเป็นสีดำทมิฬ มีเกราะขนาดใหญ่ทะมึนทึบ ตัวเล็กที่สุดก็ยังสูงราวร้อยจั้ง ขณะที่ใหญ่ที่สุดสูงถึงสามพันจั้ง ปกคลุมไปครึ่งท้องฟ้า มันคือหนึ่งในสิบเผ่าพันธุ์ราชันบรรพกาล…เผ่ากลืนนภา!
อีกด้านหนึ่ง เป็นเหล่าร่างกำยำสูงใหญ่ มีทั้งรูปร่างมนุษย์ รูปร่างสัตว์ร้าย รูปร่างปีศาจ แม้ว่าร่างกายจะแตกต่างกัน แต่ทุก ๆ ร่างนั้นเปล่งประกายไปด้วยแสงอัสนี แต่ละร่างราวกับเทพสายฟ้ากลับชาติมาเกิด ซ้ำยังเต็มไปด้วยพลังสายฟ้าอันน่าเกรงขาม หนึ่งในสิบเผ่าพันธุ์ราชันบรรพกาล…เผ่าฮุ่นตุ้น!
“หืม? ไม่เพียงแต่เผ่ากลืนนภา แต่ยังมีเผ่าฮุ่นตุ้นด้วยรึ!”
“บัดซบ! เผ่านรกนี้ถึงกับเชิญสิบเผ่าพันธ์ราชันบรรพกาลมาถึงสองฝ่ายเลยรึ!”
“แย่แล้ว! ครานี้ดูท่าว่าเผ่าสวรรค์ของข้าจะไร้ซึ่งโชคชะตาต่อแท่นเซียนแล้ว!”
“ช่างหน้าไม่อายเสียจริง! เผ่านรกทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้สองเผ่าราชันใหญ่นี้ได้รับส่วนแบ่งจากแท่นเซียน!”
“…”
เมื่อเห็นการมาถึงของเผ่ากลืนนภาและเผ่าฮุ่นตุ้น เหล่าผู้คนแห่งสวรรค์ที่นำโดยผู้อาวุโสแห่งเผ่าสวรรค์ก็ร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น
ตั้งแต่ที่เผ่าสวรรค์และเผ่านรกทั้งสองเผ่านี้ร่วมมือกันจนค้นพบแท่นเซียนได้นั้น ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจกันดีถึงส่วนแบ่งการควบคุมของเผ่าราชันบรรพกาลอื่น ๆ
แต่หลายปีมานี้ การควบคุมแท่นเซียนตกอยู่ภายใต้เผ่าสวรรค์มานานมากเกินไป เผ่านรกจึงได้ทำลายความสัมพันธ์นี้ลง และเริ่มรับส่วนแบ่งจากเผ่าราชันอื่น ๆ
“เผ่านรก พวกท่านไม่คิดว่าการทำเช่นนี้จะไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ!?” ในเวลานี้ ผู้อาวุโสเผ่าสวรรค์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น และเหล่าผู้อาวุโสเผ่าสวรรค์คนอื่น ๆ ก็มองด้วยความเย็นชา
ได้ยินเช่นนั้น คนของเผ่านรกกลับยิ้มดูแคลนขึ้นมา “ไร้ยางอาย? ไม่ ๆ พูดถึงไร้ยางอาย ในแดนนี้คงไม่มีเผ่าไหนที่สามารถสู้เผ่าสวรรค์ของพวกเจ้าได้ แม้แต่มนุษย์ของเผ่าพวกเจ้าก็ยังละทิ้งได้!”
“บังอาจ!”
“อวดดีเสียจริง!”
“เผ่านรก พวกเจ้าต้องการที่จะเริ่มสงครามกับเผ่าสวรรค์ของพวกข้ารึ!”
สำหรับเผ่าสวรรค์ เผ่ามนุษย์ถือเป็นปมด้อยอันใหญ่หลวงในใจของพวกเขา เมื่อได้ยินเผ่านรกพูดจี้จุดขึ้นมา ก็ทำให้เหล่าเผ่าสวรรค์บังเกิดโทสะพากันร้องตะโกนออกมาทันที
ทว่าพวกเผ่านรกกลับยิ้มเย้ยหยันราวกับมิได้สนใจอันใด!
ในบรรดาหมื่นเผ่าบรรพกาล แม้เผ่าสวรรค์จะถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสิบแห่งเผ่าราชัน แต่พวกเขาไม่ได้ถูกยอมรับจากเผ่าราชันบรรพกาลทั้งหมด เพราะขนาดเผ่าต้นกำเนิดของตัวเองยังสามารถทอดทิ้งได้ คงไม่มีผู้ใดยอมรับได้หรอก
บึ้ม! บึ้ม!
เมื่อเผ่ากลืนนภาและเผ่าฮุ่นตุ้นมาถึง ทั้งสองฝ่ายปลดปล่อยพลังปราณอันไร้ขอบเขตออกมาไม่หยุด จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็พูดขึ้น
“หึ! เผ่าสวรรค์ อย่าได้พูดให้มากความ สงครามสวรรค์และปฐพีในครั้งนี้พวกเจ้าจะสู้หรือไม่สู้!?”
“หากว่าเผ่าสวรรค์ของพวกเจ้าไม่สู้ เช่นนั้นก็ส่งแท่นเซียนมา แล้วไสหัวกลับไปยังโถงสวรรค์ของพวกเจ้าเสีย!”
ได้ยินเช่นนั้น สายตาของผู้อาวุโสเผ่าสวรรค์ก็จริงจังมากขึ้น และเหล่าศิษย์สวรรค์ก็โห่ร้องขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
หากพวกเขาส่งมอบแท่นเซียนออกไป ย่อมรู้สึกย่ำแย่แน่นอน แต่หากไม่ส่งให้ เหล่าเผ่ากลืนนภาและเผ่าฮุ่นตุ้นที่เผ่านรกเชิญมาในสงครามสวรรค์และปฐพีนี้ก็จะกลายเป็นว่าเผ่าสวรรค์ต้องต่อสู้กับเผ่าราชันทั้งสาม ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่มีความหวังในชัยชนะอย่างแน่นอน
“สู้!”
“เหตุใดจะต้องไม่สู้ด้วย!”
ขณะที่เผ่าสวรรค์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หนิงฝานก็ก้าวออกมาข้างหน้า พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
ได้ยินเช่นนั้น เผ่าสวรรค์ที่นำโดยผู้อาวุโสใหญ่ก็ถึงกับตกตะลึง และพูดขึ้นด้วยความลังเล “เทียนเสีย…”
ผู้ใดจะล่วงรู้ หนิงฝานกลับโบกมือไปมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจและพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของเผ่าสวรรค์ อีกทั้งหากต้องการฉกฉวยแท่นเซียนไปจากเผ่าสวรรค์ ทั้งสามเผ่านั่นคงไม่มีความสามารถมากพอหรอก”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกไปก็ทำให้เหล่าเผ่าสวรรค์ตื่นตกใจ
“หึ!”
“เหอะ! เผ่าสวรรค์ก็ยังคงเป็นเผ่าสวรรค์ ปากดีเสียจริง!”
“ในเมื่อเผ่าสวรรค์ของเจ้ามีความมั่นใจถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็เริ่มสงครามเสียเถอะ!”
ด้วยคำพูดของหนิงฝานก็ทำให้ผู้คนแห่งเผ่านรก เผ่ากลืนนภาและเผ่าฮุ่นตุ้นที่เป็นเผ่าราชันใหญ่ทั้งสามเดือดพล่านไปด้วยไฟโทสะที่เพิ่มมากขึ้น คนของเผ่านรกโบกมือขึ้น ค่ายกลอันไร้ที่สิ้นสุดพลันปรากฏออกมา และเพียงชั่วพริบตาก็เผยลานสมรภูมิขนาดใหญ่ขึ้น
เมื่อเห็นการก่อตัวขึ้นของลานสมรภูมินี้ หนิงฝานก็พาเทียนจื่อก้าวออกมาด้านหน้าในทันที
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานและเทียนจื่อมิได้มีท่าทีที่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย สายตาของผู้อาวุโสเผ่าสวรรค์ก็เปล่งประกายขึ้น ความรู้สึกพอใจในตัวเทียนเสียก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาเตือนขึ้นว่า “เทียนเสีย เรื่องราวทั้งหมดนี้หากว่าต่อสู้ไม่ไหวก็ยอมรับความพ่ายแพ้เสียเถอะ เจ้าและเทียนจื่อสำคัญมากกว่าแท่นเซียน”
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง” หนิงฝานพยักหน้ารับคำอีกฝ่าย
และเวลานี้ คนของเผ่านรกตรงหน้าก็พูดขึ้น “สงครามแรกนี้เป็นสงครามขั้นต่ำกว่าเซียนธุลีสีชาด เริ่มได้!”
ปัง ปัง ปัง!
สิ้นคำ เผ่านรก เผ่าอสูรกลืนนภา และเผ่าฮุ่นตุ้น ทั้งสามเผ่าต่างส่งตัวแทนมนุษย์ออกมาเผ่าละหนึ่งคน ทั่วร่างกายพลุ่งพล่านไปด้วยปราณกึ่งเซียนก้าวที่เก้าอันไร้ขอบเขต
เห็นเช่นนั้น หนิงฝานก็มองไปยังเทียนจื่อ “เทียนจื่อ ไปเถอะ”
“ทราบแล้ว ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์และเผ่าสวรรค์ต้องผิดหวัง”
เทียนจื่อประสานกำปั้นและแสดงความเคารพไปยังหนิงฝานกับผู้คนแห่งเผ่าสวรรค์ ก่อนจะหันหลังพร้อมกับกลายเป็นลำแสงทะยานไปยังลานสมรภูมิอย่างรวดเร็ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทันทีที่เทียนจื่อลงไปยังลานสมรภูมิ ร่างตัวแทนของทั้งสามเผ่าบนลานสมรภูมิก็เริ่มปะทุออกด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
สงครามครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!