สายตาของนางเหมือนกับกำลังถามว่า ของพวกนี้หมายความว่าอย่างไร
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนาง เสียงของเขาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันกลับไม่สามารถซ่อนความสง่างามและสูงศักดิ์ที่มีมาแต่กำเนิดได้ ”ของหมั้น”
ของหมั้นหรือ
ทุกคนถึงกับตกใจจนตัวแข็ง!
แทบทุกคนถึงกับสงสัยว่าหูของตนมีปัญหาหรือเปล่า!
ตอนนี้เอง ทุกคนถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้องค์ชายสามผู้เลื่องชื่อในใต้หล้าได้ทำการเลือกพระชายา และดูเหมือนเขาจะเคยกล่าวเอาไว้ว่าใครก็ตามที่ชนะการประลองยุทธ์ครั้งนี้ จะได้รับเลือกให้เป็นพระชายา
แต่ แต่ แต่…
ต่อให้เฮ่อเหลียนเวยเวยจะไม่ใช่คนไร้ค่าอีกต่อไปแล้ว แต่นางก็ยังมีหน้าตาเช่นนั้นอยู่ พวกเขาคิดว่าองค์ชายสามจะใช้หน้าตาของนางมาเป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธการแต่งงานเสียอีก
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้!
องค์ชายสามสั่งให้นำทองคำกว่าสิบหีบมามอบให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย!
เขายังบอกอีกด้วยว่าเป็นของหมั้น!
มันเหมือนกับสายฟ้าฟาดที่ทำให้ทั่วทั้งสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน!
ทุกคนมองหีบไม้ที่ส่องประกายระยิบระยับราวกับทองคำ พวกเขาตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก
เป็นความจริงหรือที่ใครก็ตามที่ได้อภิเษกสมรสกับองค์ชายสามจะได้รับทองคำมากมายถึงเพียงนี้
โอ้ สวรรค์!
เฮ่อเหลียนเวยเวยต้องโชคดีถึงเพียงใดกัน!
เฮ่อเหลียนเวยเวยไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้นางนิ่งไปไม่ใช่ทองคำ
มันคือความพยายามขององค์ชายที่จะมอบของหมั้นให้นางต่างหาก…
ตั้งแต่ก่อนที่การประลองยุทธ์จะเริ่มขึ้น องค์ชายก็ดูเหมือนจะยึดติดกับคำว่า ’ของหมั้น’ มากทีเดียว
คิ้วรูปใบหลิวของเฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดเข้าหากัน สถานการณ์อันยากจะหลีกเลี่ยงได้นี้ทำให้นางรู้สึกลังเล
เมื่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเห็นความลังเลนั้น แววตาของเขาก็เปลี่ยนไป รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาอย่างช้าๆ
รอยยิ้มนั้นติดจะเย็นชา มันสะท้อนและแพร่กระจายไปทั่วดวงตาดอกท้อของเขา มองคราแรกนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายอันน่าตกใจ ”อะไร เจ้าจะไม่รับพวกมันหรือ”
“ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันไม่รับ” เฮ่อเหลียนเวยเวยดูกลุุ้มใจอย่างมาก ”หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะใช้อะไรเป็นสินเดิมดีต่างหาก”
หลังจากที่พูดเช่นนั้นออกไป เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางคาดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องพูดคุยเรื่อง ’สินสอดทองหมั้น’ กับผู้ชายคนหนึ่งต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้
แน่นอนว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้น องค์ชายสามนั้นยังคงมีสีหน้าราบเรียบดังเดิม
อย่างไรพวกนางก็เคยคุยกันเรื่องนี้มาก่อน เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดจะใส่ใจ ”รอจนถึงวันก่อนพิธีอภิเษกสมรส หม่อมฉันจะชดเชยให้องค์ชายอย่างแน่นอน”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยส่งเสียงตอบรับในลำคอ มีแต่นางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สัมผัสได้ว่าน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยบรรยากาศชั่วร้ายจางๆ
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเพียงอาการเห่อร้อนอย่างอธิบายไม่ถูกที่แก้มทั้งสองข้างของตัวเอง ถ้าก่อนหน้านี้นางรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ นางก็คงไม่ถามอะไร และยอมรับของหมั้นเมื่อตอนนั้นไปแต่โดยดีแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย มู่หรงฉางเฟิงที่ยืนอยู่ด้านล่างของเวทีก็กำหมัดแน่น
นางกำลังจะแต่งงาน
และเจ้าบ่าวของนางไม่ใช่เขา…
จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ตำแหน่งไหนในหัวใจเขา
เขารังเกียจการตามรังควานของนาง แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้นางไปตามรังควานคนอื่น
ถ้า… ตอนนั้นเขาไม่ได้ยกเลิกการหมั้น เขาจะได้กลายเป็น… ผู้ชายที่จะเป็นสามีของนางหรือเปล่า
เมื่อความคิดนั้นก่อตัวเป็นรูปร่าง มู่หรงฉางเฟิงก็รู้สึกเหมือนมีมดจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังไต่อยู่ในหัวใจของเขา มันทำให้เขาหายใจไม่ออก!
อดีตฮ่องเต้มีความสุขมากเสียจนตรัสว่า ”ดี” สามครั้งติดกัน เขาหันหน้าไปสั่งว่า ”ไปแจ้งคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ พิธีอภิเษกสมรสครั้งยิ่งใหญ่จะถูกจัดขึ้นในอีกสิบวัน!”
สิบวันหรือ จะไม่เร็วไปหน่อยหรือ
ทุกคนต่างมองหน้ากัน นี่ต้องเป็นการบังคับแต่งงานไม่ผิดแน่!
บางทีเหตุผลที่องค์ชายสามแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็อาจจะเป็นเพราะอดีตฮ่องเต้ไม่ใช่แค่ประชาชนคนธรรมดาที่คิดเช่นนั้น แต่กระทั่งองครักษ์จากวังปีศาจเองก็คิดเช่นเดียวกัน
“ไป๋เหมย เรากระโดดลงไปกำจัดผู้หญิงคนนี้ให้ฝ่าบาทกันเถอะ” ผู้หญิงสวมชุดสีดำตัวยาวราวกับราตรีซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง ดวงตาของนางวาววับไปด้วยความอิจฉาริษยา
ผู้หญิงคนที่ชื่อไป๋เหมยคว้าหญิงชุดดำเอาไว้ แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ”ไม่ได้นะเฮยจู! ทำแบบนั้นเจ้าจะทำลายแผนการของฝ่าบาทเอาได้นะ!”
“ฝ่าบาทเองก็คงไม่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงอัปลักษณ์เช่นนั้นเข้ามาในวังหรอก!” เฮยจูกำกระบี่ในมือแน่น
ไป๋เหมยนิ่วหน้า ”ไม่มีใครทำให้ฝ่าบาททำในสิ่งที่ตนไม่อยากทำได้หรอก อีกอย่างพวกเราเองก็ไม่ได้ติดตามฝ่าบาทมาสักระยะหนึ่งแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นไร ดังนั้นเฮยจู เจ้าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“แต่ก็รู้ๆ กันอยู่นี่ว่าหัวใจของฝ่าบาทมีแค่พี่หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีเหตุผลใดให้เขาต้องเลือกผู้หญิงที่ทั้งตัวดำและอัปลักษณ์เช่นนี้ นอกจากนี้ เจ้าก็เห็นวิธีที่นางใช้จัดการเรื่องต่างๆ แล้วมิใช่หรือ ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก ฝ่าบาทไม่มีทางชอบผู้หญิงเช่นนั้นแน่นอน!” เฮยจูกล่าวอย่างขุ่นเคือง นางอยากจะกระโจนลงไปข้างล่างเสียเดี๋ยวนั้น!
เงาทมิฬขยับตัวเข้ามายืนตรงหน้านางด้วยสายตาไม่พอใจ ”ไป๋เหมยพูดถูก ไม่มีใครทำให้ฝ่าบาททำในสิ่งที่ตนไม่อยากทำได้ ข้าขอแนะนำให้เจ้าเก็บความคิดพวกนั้นเอาไว้เสียจะดีที่สุด อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องในอดีตต่อหน้าพระชายา ฝ่าบาทไม่สนใจความรักครั้งเก่าเมื่อสิบปีก่อนแล้ว ในเวลานี้ฝ่าบาทเรียกตัวพวกเจ้ากลับมาเพื่อคุ้มกันพระชายาจนกว่าจะถึงวันที่นางแต่งงาน”
“พระชายาหรือ” เฮยจูเยาะเย้ย ”นางคู่ควรกับการเป็นพระชายาด้วยหรือ”
หลังจากนั้นนางก็หมุนตัวเดินออกไป สีหน้าของนางแสดงออกถึงความเกลียดชังเสียจนเงาทมิฬอดที่จะถลึงตามองไม่ได้
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าท่ามกลางผู้ชมที่แตกตื่นกันอยู่นั้น บริเวณด้านล่างของเวทีที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีชายในชุดเสื้อคลุมสีขาวกำลังมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตามืดมนพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ราวกับสัมผัสได้ถึงสายตานั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยหันขวับกลับไปมองอย่างรวดเร็ว นางเห็นเพียงว่าในกลุ่มผู้ชมที่ตื่นเต้นกันอยู่นั้น มีชายในชุดสีขาวกำลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงเงาจากแผ่นหลังของเขาที่ดูเหมือนน้ำหมึกไว้ให้เห็นเท่านั้น…
หลังจากที่เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป
ภายในคฤหาสน์ผู้พิทักษ์
เฮ่อเหลียนกวงเย่ามั่นใจว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์จะต้องเป็นคนที่ชนะการประลองอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รีบร้อนไปที่นั่น ความตกใจที่ฉายขึ้นบนใบหน้าของเขาทำให้ทั่วทั้งใบหน้านั้นดูแข็งกระด้างไปเล็กน้อย มันยากเกินจะเชื่อ เขานึกภาพนั้นไม่ออก ช่างน่าตกใจยิ่งนัก!
ขันทีซุนถือแส้หางม้าสีขาวไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือราชโองการ หลังจากอ่านจบ บนปากของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่อย่างนั้น หลังจากที่เขาเห็นปฏิกิริยาของเฮ่อเหลียนกวงเย่า เขาก็เพียงแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อยเท่านั้น และในไม่ช้าเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ”ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าด้วยขอรับ ขอความสุขความเจริญจงมาสู่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ บุตรสาวทั้งสามของพวกท่านกำลังจะได้แต่งงานขอรับ”
แต่ซูเหยียนโม่กลับดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของขันทีซุนต่อจากนั้น นางจิกเล็บของตัวเองลงบนแขนของสาวใช้แน่น แม้แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของนางก็แข็งกระด้างเป็นอย่างมาก ”เป็นไปไม่ได้ เจียวเอ๋อร์จะแพ้ได้อย่างไร! เป็นไปไม่ได้!” เมื่อกล่าวจบ นางก็เงยหน้าขึ้น ”ขันทีซุน ราชโองการฉบับนี้มีอะไรผิดไปหรือเปล่า อดีตฮ่องเต้ทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาจับเจียวเอ๋อร์แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นหมันได้อย่างไร”
ซูเหยียนโม่รู้จักซ่อนอารมณ์ของตัวเองเป็นอย่างดีอยู่เสมอ แต่วันนี้ นางลืมสิ้นทุกความถูกต้องเหมาะสม และถึงกับตั้งคำถามกับราชโองการ แม้แต่น้ำเสียงของนางก็ยังแหลมจนเสียดหู
มันไม่สมกับเป็นนางเอาเสียเลย
ลูกสาวที่นางเลี้ยงดูมาด้วยความทะนุถนอมกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายไร้น้ำยา นางจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร
ซูเหยียนโม่ยกมือขึ้นกุมศีรษะอย่างงุนงง สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างนางรีบยื่นมือไปพยุงนางเอาไว้
แต่ขันทีซุนกลับไม่สนใจ แล้วยกราชโองการฉบับนั้นขึ้นมา ”ฮูหยินซูตั้งใจจะโทษว่าเป็นความผิดของอดีตฮ่องเต้หรือขอรับ”
“ขันทีซุน ภรรยาของข้าย่อมมิได้หมายความเช่นนั้นอยู่แล้ว!” เฮ่อเหลียนกวงเย่ารีบเปิดปากอธิบาย แต่ในหัวใจของเขานั้นกลับเหมือนถูกบดขยี้ด้วยหินก้อนมหึมา
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะออกมาเป็นเช่นนี้!