พอได้ยินเสียงรถ อินซอบก็ปิดหนังสือที่อ่านอยู่ แมวที่นอนอยู่บนตักรับรู้ถึงความคิดของเจ้าของได้ราวกับไม่ใช่คน และหลบให้
อินซอบวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน พอเขาเปิดประตูให้ก่อนที่ประตูจะถูกเปิด ผู้ชายที่ยืนอยู่นอกประตูก็ทำตาโตราวกับตกใจเล็กน้อย
“ไม่ได้ฟังที่พูดเลยสินะครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าให้เช็กก่อนว่าเป็นใครแล้วค่อยเปิด”
“ผมเช็กจากรถของคุณอีอูยอนแล้วครับ”
อินซอบชี้ไปที่หน้าต่าง อีอูยอนกอดอินซอบหลังจากปลดเน็กไทออก
“คิดถึงผมไหมครับ”
“…ครับ คิดถึงครับ”
พวกเขาไม่เจอกันแค่สามวันเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานมาก อีอูยอนฝังจมูกกับซอกคอของอินซอบก่อนจะสูดหายใจเข้าไป
“งานเรียบร้อยดีไหมครับ”
“เรียบร้อยดีเพราะคุณเลยครับ”
อีอูยอนเงยหน้าขึ้นมาจูบอินซอบ เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกและโยนใส่โซฟาอย่างไม่สนใจในระหว่างที่จูบกัน จากนั้นเขาก็กอดเอวของอินซอบไว้ และอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนโต๊ะแบบไอส์แลนด์
“เฮ้อ…”
พอริมฝีปากที่จูบกันอยู่พักใหญ่เผยออก อินซอบก็พ่นลมหายใจออกมา อีอูยอนจูบปากอีกฝ่ายเบาๆ และงับริมฝีปากล่างอย่างหยอกล้อพร้อมกับยิ้ม
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ผมก็จะไม่ยุ่งแล้วครับ”
ทนายความรับหน้าที่เป็นตัวแทนทางกฎหมายของเขา เนื่องจากเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตอนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จากนี้ไปจึงไม่มีเรื่องที่จะต้องมาอเมริกาให้กวนใจอีกแล้ว ปัญหาก็คือเนื่องจากพ่อเสียชีวิตในระหว่างนั้นพอดี เขาจึงต้องมาพัวพันกับปัญหาการรับมรดก
ที่ผ่านมาอีอูยอนยุ่งมาก เพราะมัวแต่จัดการปัญหาทางด้านกฎหมายกับแม่ที่ใช้ประวัติการรักษาอาการทางจิตของลูกชายมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะได้เป็นผู้ดูแลมรดก คำพูดของทนายความที่บอกว่าเป็นกังวลกับเรื่องที่คาดไม่ถึงที่อาจเกิดขึ้นทำให้อีอูยอนต้องสะสางวิลล่าที่เหลืออยู่ที่เกาหลี และบริจาคเงินทั้งหมดไป เนื่องจากเขาบริจาคเงินที่หามาได้ ไม่ใช่เงินที่มีมาตั้งแต่แรก จึงทำให้ได้ตอนจบที่งดงามอย่างมาก และสีหน้าของแม่ที่ได้ยินความจริงนั้นก็ไม่น่าดู
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความโลภในเงิน
“โล่งอกไปทีนะครับ”
อินซอบลูบแก้มของอีอูยอนอย่างอ่อนโยน
เขาอยากจะให้ทุกอย่างที่เป็นของเขากับอินซอบ เขาอยากจะอยู่ในชีวิตของอินซอบและเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายในทุกรูปแบบ และถ้าอยากทำแบบนั้นเขาต้องจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อย
“เขาบอกว่าทุกอย่างจะจบลงก่อนสุดสัปดาห์ครับ”
สุดสัปดาห์นี้พวกเขาวางแผนจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์เพื่อฉลองวันเกิดของอินซอบ แม้จะเคยไปเที่ยวตามชานเมืองเป็นระยะเวลาสั้นๆ มาบ้างแล้วหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่อินซอบก็ตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นการไปเที่ยวอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก เนื่องจากรู้ถึงเรื่องนั้นดี อีอูยอนจึงโต้รุ่งอยู่หลายคืนเพื่อจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จก่อนจะกลับมา
“กินข้าวไหมครับ”
“ผมไม่ค่อยหิวเท่าไรน่ะครับ”
“คุณน่าจะเหนื่อยมาก ควรจะพักนะครับ”
อินซอบทำสีหน้าเป็นห่วง
“เวลาผู้ชายเหนื่อย ไอ้นั่นจะตั้ง”
อีอูยอนถูแก้มของตัวเองกับฝ่ามือของอินซอบก่อนจะแตะปากลงไปและพึมพำ
“แต่ทำไมไอ้นั่นของผมถึงตั้งต่อให้ผมจะไม่เหนื่อยล่ะครับ”
“…เอ่อ…”
การพูดอย่างกะทันหันนั้นทำให้อินซอบกะพริบตาราวกับมึนงงเล็กน้อย อีอูยอนดึงต้นคอของอินซอบเข้ามา และจูบปากของเขาราวกับออดอ้อน
“…เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
อินซอบเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเพิ่งจะได้รู้ความจริงว่าอีกฝ่ายนอนไม่ค่อยหลับเวลาที่ตนไม่อยู่ เขาเจอยานอนหลับที่โต๊ะข้างหัวเตียง และถามอีอูยอนด้วยตัวเอง
“คุณน่าจะไม่ค่อยได้นอน…”
“มีเซ็กซ์แล้วค่อยนอนก็ได้ครับ”
นี่เป็นความต้องการทางเพศที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยมาระยะหนึ่งแล้ว อินซอบโอบคอของอีอูยอนไว้โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ และจูบปากอีกฝ่ายอีกครั้ง อีอูยอนล้วงมือเข้าไปในเสื้อไหมพรมที่อินซอบสวมอยู่ พอเขาใช้ปลายนิ้วลูบไล้และบิดยอดอกอีกฝ่ายเบาๆ อินซอบก็ร้องครางออกมาเบาๆ
“เหนื่อยเหรอครับ”
อินซอบไม่เข้าใจจุดประสงค์ในคำถามที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของอีอูยอนจึงถามกลับไปว่า “ครับ?”
“ก็ไอ้นั่นของคุณอินซอบตั้งนี่ครับ”
อีอูยอนลูบหว่างขาของอินซอบพลางเอ่ย การแหย่เล่นนั้นทำให้ใบหน้าของอินซอบแดงเถือก อีอูยอนยิ้มจนตาหยี
“ขึ้นไปกันไหมครับ”
อินซอบพยักหน้าให้กับคำถามของอีอูยอน เขาจับขาของอินซอบให้เกี่ยวเอวของตัวเองไว้ และอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“จับแน่นๆ นะครับจะได้ไม่ตก”
แม้จะรู้ว่าไม่มีทางที่จะทำตก แต่อีอูยอนก็ยังพูดแบบนั้นทุกครั้ง เพราะถ้าพูดแบบนั้นอินซอบจะโอบคอเขาไว้แน่นด้วยแรงทั้งหมดที่มี อินซอบที่เกาะเขาไว้ด้วยแรงอันน้อยนิดนั้นน่ารักมาก
ในระหว่างที่เดินตัดผ่านห้องนั่งเล่นไป อีอูยอนก็ทนไม่ไหวและจูบอินซอบอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถขึ้นบันไดได้ และพรมจูบอีกฝ่ายในขณะที่พิงร่างกับกำแพง เพราะกระทำง่ายๆ อย่างการเชื่อมริมฝีปากเข้าด้วยกันและบดเบียดกันไปมานั้นหวานมากเสียจนเขามึนหัว
“อือ อื้อ…”
อินซอบส่งเสียงครวญครางเบาๆ อีอูยอนสอดมือเข้าไประหว่างเสื้อไหมพรมตัวหลวมและกอดเอวของอินซอบไว้ สัมผัสของผิวที่รู้สึกที่มือนั้นนุ่มจนเขาขนลุก แค่ลูบไล้แผ่นหลังของอินซอบเขาก็เหมือนจะเสร็จได้หลายครั้ง
“ยืนทำดีไหมครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำในระยะที่ริมฝีปากเกือบจะแตะกัน นี่ไม่ใช่การถามความคิดเห็น แต่เป็นการบอกให้รู้ว่าอยากมีอะไรกับคุณในท่ายืน อินซอบไม่รู้ว่าการทำในท่ายืนนั้นทำกันยังไง จึงมองอีอูยอนด้วยสายตาหวาดกลัวก่อนจะหลับตาแน่น จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ เพราะรู้สึกว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยากได้อะไร เขาก็อยากจะมอบให้ทุกอย่าง
อีอูยอนหัวเราะเบาๆ เขาดันหลังของอินซอบเข้ากำแพงราวกับจะบดให้ละเอียด ในตอนที่มือขนาดใหญ่ของชายหนุ่มจับกางเกงของอินซอบไว้ และกำลังจะดึงลงมา
ติ๊งต่อง
เสียงกริ่งเบาๆ ก็ดังขึ้น อินซอบตกใจและดันตัวออกจากอีอูยอน
“อย่าสนใจเลยครับ ไม่มีใครมาหรอก”
หากเป็นช่วงเย็นคนรับใช้ทั้งหมดจะกลับไป และบ้านก็จะเหลือแต่พวกเขา อีอูยอนไม่สนใจและกอดอินซอบอีกครั้ง
แต่เสียงกริ่งก็ดังอีกหลายครั้ง
“…ต้องไปดูหรือเปล่าครับ”
อีอูยอนถอนหายใจยาวเหยียดและปล่อยอินซอบลงกับพื้น อินซอบจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบและมองหน้าจอติดผนังที่เชื่อมต่อกับประตูทางเข้า
ผู้ชายที่สวมหมวกพนักงานส่งของชี้ไปที่กล่องที่มีชื่อของอินซอบเขียนอยู่ อินซอบเอียงคอก่อนจะเปิดประตูทางเข้าให้
“สั่งอะไรมาเหรอครับ”
“ผมสั่งหนังสือไว้สองสามเล่ม…”
อินซอบขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าตอนที่ตรวจสอบในตอนกลางวัน ยังขึ้นสถานะว่ากำลังเตรียมจัดส่งอยู่เลย
ผ่านไปได้ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน พออินซอบกำลังจะวิ่งออกไป อีอูยอนก็คว้าไหล่ของเขาไว้
[ใครครับ]
[มาส่งของครับ]
อีอูยอนมองผ่านตาแมวก่อนจะเปิดประตู ตอนนั้นเสียงแตรกับเสียงตะโกนว่า “เซอร์ไพรส์” ก็ดังขึ้นพร้อมกับคอนเฟติที่ลอยออกมา
[สุขสันต์วันกะ…]
คอนเฟติที่ลอยออกมาร่วงลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง อีอูยอนที่ทำหน้านิ่งอย่างน่าโหดร้ายจ้องผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขม็ง
[ที่นี่…]
ในตอนที่ผู้ชายที่สวมหมวกพนักงานส่งของกำลังจะถามอะไรบางอย่างเป็นภาษาอังกฤษ เสียงพูดว่า “นาธานเหรอ” ก็ดังมาจากด้านหลัง
“ฮยองงง”
ผู้ชายตัวสูงถอดหมวกพนักงานส่งของออกก่อนจะยิ้ม
[นายมาทำอะไรที่นี่…]
อินซอบพูดไม่ออก ผู้ชายที่ซ่อนอยู่ข้างประตูหน้าบ้านอีกสองคนเผยตัวให้เห็นตามลำดับ
[เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย แอรอนนายกลับมาเมื่อไร]
[มาหาเพราะคิดถึงน่ะสิ]
[สุขสันต์วันเกิด]
[ไม่ได้เจอกันนานเลย]
ผู้ชายทั้งสามคนห้อมล้อมอินซอบไว้อย่างรวดเร็ว อินซอบทำตัวไม่ถูก เขาทั้งมึนงงและดีใจขณะที่มองหน้าและโอบกอดผู้ชายที่สูงกว่าตัวเองตามลำดับ
[ให้ตายเถอะ ขอดูหน้าหน่อยซิ ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วเนี่ย]
พออินซอบทำท่าจะร้องไห้และเอ่ย คนอื่นๆ ก็สวมกอดเขาอีกครั้งด้วยสีหน้ายินดี
“จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักหน่อยเหรอครับว่าเป็นใคร”
อีอูยอนที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่เอ่ยถาม ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้เช็ดตาราวกับเพิ่งตั้งสติได้ และแนะนำตัวทีละคน
“พวกน้องชายของผมเองครับ โลแกนกับนาธาน”
อินซอบแนะนำน้องชายฝาแฝดให้อีอูยอนรู้จักก่อน อีอูยอนยิ้มอย่างมีมารยาทและจับมืออีกฝ่าย
“ส่วนนี่แอรอนครับ เป็นน้องชายคนรอง”
อีอูยอนยื่นมือออกไป แอรอนที่เห็นหน้าของอีอูยอนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะจับมือกัน
“แอรอนกำลังเรียนอยู่ที่เยอรมนีน่ะครับ ผมเองก็เพิ่งได้เจอเขาในรอบหนึ่งปีเหมือนกัน”
ต่อให้เขากลับไปที่บ้านก็เจอหน้าของพวกน้องชายไม่ได้ง่ายๆ เพราะน้องชายฝาแฝดเองก็เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่บอสตันเหมือนกัน อินซอบดีใจที่น้องชายมาหาโดยไม่บอกพอๆ กับที่ตกใจ
“ต้องพูดเกาหลีเหรอ”
นาธานเอ่ยถามด้วยสำเนียงที่พูดอย่างตะกุกตะกักต่างจากอินซอบ
“กับพวกนายไม่เป็นไรหรอก แต่ช่วยพูดเกาหลีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย”
อินซอบจงใจพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ความจริงแล้วมันไม่เป็นอะไรเลยสักนิด แค่ตัวเขาไม่สะดวกที่จะพูดกับอีอูยอนเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นเอง เพราะตอนที่เจออีกฝ่ายครั้งแรก พวกเขาพูดคุยกันด้วยภาษาเกาหลี เขาจึงรู้สึกว่าหากใช้ภาษาอังกฤษก็เหมือนเผชิญหน้ากับคนอื่น
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อีอูยอนใช้ภาษาอังกฤษที่หยาบคายบนเตียง สุดท้ายอินซอบก็ร้องไห้ออกมา เพราะรู้สึกเหมือนมีเซ็กซ์กับคนอื่น หลังจากนั้นการพูดด้วยภาษาอังกฤษระหว่างพวกเขาสองคนก็กลายเป็นข้อห้าม
“ยากนะ เพราะผมไม่ค่อยรู้…”
แม้น้องชายฝาแฝดจะทำหน้าหงอย แต่อินซอบก็ส่ายหน้าจนถึงที่สุด
“แล้วจะไม่แนะนำผมเหรอครับ”
อีอูยอนใช้นิ้วแตะกระหม่อมของอินซอบก่อนจะเอ่ยถาม
“คนนี้คือ…”
สถานการณ์ที่ไม่เคยคิดถึงเลยสักครั้งทำให้อินซอบพูดไม่ออก เขาสบตากับอีอูยอน อีอูยอนพยักพเยิดหน้าเบาๆ ราวกับจะบอกว่า “ไหนลองพูดดูซิ”
จะบอกว่าเพื่อน หรือคู่ขา? …แต่จะบอกว่าแฟนไม่ได้เด็ดขาด…รูมเมทเหรอ หรือจะบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมบ้านดี
อินซอบลนลานเหงื่อแตก และสุดท้ายก็นึกความสัมพันธ์ที่พอจะใช้ได้ที่สุดออก
“เป็นเจ้านายที่ฉันติดหนี้บุญคุณไว้ตอนที่อยู่เกาหลีน่ะ…แล้วฉันก็กำลังช่วยงานเขาที่นี่”
เสียงที่พูดค่อยๆ เบาลง แม้อีอูยอนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แต่เขาก็ตั้งใจที่จะไม่พูดความไม่พอใจออกมา
[ว้าว บ้านสวยจริงๆ แล้ววิวก็เยี่ยมมากเลยด้วย ฉันเองก็อยากมีเจ้านายแบบนี้บ้าง]
นาธานที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีที่สุดจากทั้งสามคนผิวปากเบาๆ ก่อนจะหัวเราะ โลแกนก็หัวเราะด้วย
“ว่าแต่มีธุระอะไรกัน”
สิ้นคำถามของอินซอบ โลแกนก็ยื่นกล่องที่ถืออยู่ให้ พออินซอบรับกล่องมาสำรวจดู เขาก็เห็นว่ามีเค้กที่ทำจากช็อกโกแลตชุ่มฉ่ำอยู่ในนั้น เป็นของขวัญที่ไม่ต้องถามก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา
“แม่บอกว่าไปเที่ยวกับพวกป้าๆ นี่”
“แม่ให้ไว้ก่อนไปตอนเช้าน่ะ แล้วก็ฝากมาบอกด้วยว่ารัก”
อินซอบน้ำตาไหล แม่ที่ไม่ได้เจอกันนานหลังมาที่อเมริกาดูแก่ขึ้นมากกว่าแต่ก่อน อาจจะเป็นแบบเรื่องนั้นทำให้ช่วงนี้แค่คิดถึงแม่ เขาก็รู้สึกปวดใจจนน้ำตาคลอแล้ว
[อย่าร้องไห้สิปีเตอร์]
พวกน้องชายล้อมรอบอินซอบไว้ และโอบไหล่เขา
อีอูยอนยิ้มกว้างในขณะที่มองคนทั้งสี่ เขารู้สึกเหมือนได้ดูละครเกี่ยวกับครอบครัวสำหรับคนทุกวัย ซึ่งทั้งน่ารำคาญและน่าเบื่อโคตรๆ