“อาเจวี๋ย อีกไม่นาน เจ้าก็จะแต่งงานแล้ว” หลังจากพูดคุยธุระกันเสร็จ หนานกงเลี่ยก็วางถ้วยชาในมือลง และยิ้มให้อย่างชั่วร้าย “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้างเล่า”
ในที่สุด ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็จับเหยื่อได้แล้ว เขาคงจะยังไม่หมดความสนใจในตัวเหยื่อคนนี้ใช่ไหม
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเพียงแค่ยิ้มอย่างเยือกเย็นขณะที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ เขารู้สึกหายใจได้ยากกว่าปกติ จึงเอื้อมมือไปคลายคอเสื้อออก และยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เจ้าลองแต่งงานดูก็ได้”
“อย่า” หนานกงเลี่ยไออย่างหนัก “อย่าโยนความคิดของเจ้ามาให้ข้า ข้าไม่ใช่คุณชายเฮยที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเหยื่อที่เจ้าหมายตา หนำซ้ำ ยังมีบัตรทองสองใบ ใบหนึ่งสลักคำว่าเวย ส่วนอีกใบสลักคำว่าเจ๋ออีกต่างหาก”
“เจ้าไม่ใช่คนโง่จริงๆ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะที่ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปที่ผนังและโบกมือขึ้น ทำให้ผนังนั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากกัน ตรงกลางเผยให้เห็นเตียงบรรทมในกรงที่งดงามและหรูหราเตียงหนึ่ง
หนานกงเลี่ยหัวเราะและพูดว่า “ว้าว ดูสิ เจ้าคงไม่คิดจะให้นางนอนบนเตียงนี้ในคืนวันแต่งงานของเจ้าหรอกใช่หรือไม่”
“อาจจะ…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดลากเสียง
หนานกงเลี่ยส่ายศีรษะและหัวเราะ “นั่นสิ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ารู้สึกสนใจผู้หญิงสักคน ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นสัตว์เลี้ยงในวังแล้ว”
“เจ้าไปได้แล้ว” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถอนสายตาจากเตียงไปที่หนานกงเลี่ย และพูดขึ้น “อย่าทำให้ห้องของข้าต้องแปดเปื้อน”
หนานกงเลี่ยอึ้ง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ อาเจวี๋ย เจ้าจะทำอย่างนี้ไม่ได้ ลองคิดดูสิว่า หากถึงตอนที่เจ้าแต่งงานกับนาง แล้วเจ้าพูดถึงเรื่องทำสิ่งของของเจ้าสกปรก เจ้าก็คงไม่สามารถเผด็จศึกในคืนวันแต่งงานได้หรอก อ้อ จริงสิ แล้วเจ้าจะแตะต้องตัวผู้หญิงคนนั้นด้วยหรือไม่ แต่ข้าคิดว่าเจ้าจะต้องสัมผัสตัวนางอย่างแน่นอน เพราะครั้งก่อน เจ้าบอกว่าเจ้าสนใจในตัวนางอย่างมาก!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่สนใจอีกฝ่าย เขาละสายตากลับมาที่เตียง และครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน คนที่มีเขี้ยวเล็บจะมาอยู่ที่นี่กับเขาในอีกไม่ช้า ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม
หนานกงเลี่ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ขันทีซุนก็รายงานมาจากด้านนอกเสียก่อน เมื่อได้ยินคำพูดของขันทีซุน ดวงตาที่เย็นชาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เป็นประกายขบขันพร้อมกับครุ่นคิด
หนานกงเลี่ยก็หัวเราะเช่นกัน รอยยิ้มของเขาดูชั่วร้าย นางคู่ควรที่จะเป็นพระชายาขององค์ชายสามอย่างไม่ต้องสงสัย วิธีการที่นางใช้ต่อกรกับลูกน้องของอาเจวี๋ยนั้นมีความพิเศษไม่เหมือนใคร ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ เรื่องราวจะน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะติดตามพวกเขาไปเพื่อรับชมต่อจริงๆ แต่! ก่อนที่อาเจวี๋ยจะจากไป ชายหนุ่มก็โยนงานทุกอย่างให้กับเขา แล้วทำไมคนที่เหนื่อยถึงต้องเป็นเขาตลอดเลยเล่า…
หนานกงเลี่ยถือที่ปิดผนึกและประทับตราเอกสารแต่ละฉบับด้วยความขุ่นเคือง แล้วจู่ๆ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “จะว่าไปแล้ว อีกไม่นาน อาเจวี๋ยก็จะแต่งงานแล้ว ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี แล้วข้าจะไม่ให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับเขาได้อย่างไรกันเล่า”
“นายน้อยเลี่ย อย่ายั่วยุองค์ชายสามจะดีกว่านะเจ้าคะ” ผู้ช่วยที่ติดตามอยู่ข้างๆ หนานกงเลี่ยพูดขึ้นเบาๆ ในช่วงนี้ องค์ชายกำลังอารมณ์ดี ดังนั้น เขาจึงไม่เตะท่าน แต่ท่านก็ไม่ควรทำเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า
หนานกงเลี่ยมองผู้ช่วยคนนั้นอย่างชั่วร้าย “ทำไมหรือ เจ้ารู้สึกผิดต่อนายท่านของเจ้าเช่นนั้นหรือ”
“ตอนนี้ นายท่านของบ่าวคนนี้คือท่านเจ้าค่ะ” ผู้ช่วยคนนั้นก้มหน้าลง ขนตายาวของนางลดต่ำลง มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะมองออกว่าเพศที่แท้จริงของนางคือเพศใด
หนานกงเลี่ยยิ้มอย่างเย็นชา “ตราบใดที่เจ้ารู้สถานะที่แท้จริงของตนเองก็ดีแล้ว”
ผู้ช่วยไม่ได้พูดอะไรต่อ
หนานกงเลี่ยจับคางตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ไม่ต้องกังวล อาเจวี๋ยจะต้องชอบของขวัญที่ข้าจะมอบให้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบ เขาก็ยกตัวผู้ช่วยขึ้นบนโต๊ะ “ตัวอย่างเช่น ของที่เจ้าเคยใช้กับข้า ข้าจะใช้มันกับเฮ่อเหลียนเวยเวย เจ้าคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีหรือไม่”
“ข้า…” ผู้ช่วยกัดริมฝีปากของตนเอง
“อะไรหรือ” หนานกงเลี่ยเอื้อมมือไปปัดผมยาวของนางออก “เกิดอะไรขึ้นกับความกล้าหาญของเจ้า เมื่อวันก่อน เจ้ากล้าที่จะขึ้นมาบนเตียงของข้า แต่กลับไม่กล้าที่จะมองหน้าข้าเช่นนั้นหรือ”
ใบหน้าของผู้ช่วยคนนั้นร้อนผ่าว แต่ดวงตาของนางก็ยังหนักแน่น “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับองค์ชายหรือพระชายา มันเป็นความคิดของข้าเองเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามันเป็นความผิดของเจ้า” หนานกงเลี่ยเอื้อมมือไปเชยคางของนางขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเช่นนั้น ก็ไม่ต้องพูดมาก”
ผู้ช่วยคนนั้นไม่ต้องการให้ความผิดพลาดของนางเป็นสาเหตุทำให้นายน้อยเลี่ยและองค์ชายสามขุ่นเคืองใจต่อกัน หากนางไม่ได้หลงรักคนตรงหน้าก็คงไม่เป็นไร นางรู้ว่าตนเองไม่สามารถครอบครองชายคนนี้ได้ แต่นางก็ยังหวั่นไหวกับเขาอยู่ดี
ผู้ช่วยถอนหายใจในใจ และจ้องมองพื้น นางต้องการเขามากเกินไป จนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายุ่งเหยิงอย่างมาก
ทั้งหมด เป็นเพราะนาง…
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าคิดว่าการอยู่เคียงข้างข้ามันดีไม่เท่ากับการอยู่เคียงข้างอาเจวี๋ยเช่นนั้นหรือ” หนานกงเลี่ยโน้มตัวลงมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา ก่อนจะกัดริมฝีปากของผู้ช่วยคนนั้น…
ในช่วงพลบค่ำ ณ สำนักไท่ไป๋
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้านอยู่บนพื้นหญ้า โดยมีตำราเล่มหนึ่งปิดหน้าของนางไว้ หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา แต่นางก็ไม่สนใจที่ลุกขึ้นยืนหรือขยับตัวแต่อย่างใด เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงแค่ฟังเสียงนั้นเงียบๆ
“ฝ่าบาทมาที่นี่ทำไมหรือเพคะ มันผิดกฎ…” ทันใดนั้น เฮยจูก็รีบเข้าไปยืนข้างๆ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจนกระโปรงสะบัด ใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามของนางนั้นเผยให้เห็นความประหลาดใจและความดีใจไปพร้อมๆ กัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหลือบมองนางด้วยสายตาเย็นชา เฮยจูตกตะลึง ในใจของนางรู้สึกเย็นยะเยือก นางไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก และทำได้เพียงก้มหน้าลงเท่านั้น
“เงาทมิฬ ดึงตัวนางลงไปที่พื้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดอย่างไร้อารมณ์และเรียบเฉยเหมือนปกติ เฮยจูตัวแข็งทื่อและมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างไม่อยากเชื่อ นางไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายจะทำกับนางเช่นนี้เพียงเพราะว่าผู้หญิงคนนั้น!
เงาทมิฬไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของนาง และดึงตัวนางลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย เงาทมิฬถอนหายใจพร้อมกับโบยนางด้วยไม้ “เฮยจู ในเมื่อองค์ชายสามเลือกนางเป็นพระชายาของเขาแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องปฏิบัติกับนางด้วยความเคารพ เจ้านั่นแหละที่ทำผิดกฎ”
เฮยจูขบฟันกรอดขณะที่ถูกโบยด้วยไม้ ดวงตาของนางราวกับเต็มไปด้วยเคียดแค้น นางไม่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่ท่านพี่ของนางกลับมาแล้วผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้จะยังเป็นพระชายาได้!
ท่านพี่คือพระชายาที่แท้จริงขององค์ชาย!
ผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้เป็นเพียงแค่หมากขององค์ชายเท่านั้น!
สายลมพัดผ่านไป และเฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวนั้นเงียบลง นางจึงกำลังจะลุกขึ้น แต่แล้ว ก็มีคนๆ หนึ่งมานอนลงข้างๆ นางอย่างไม่คาดคิด ลมหายใจของชายคนนั้นกระทบตัวนาง กลิ่นไม้จันทน์ที่โดดเด่นลอยฟุ้งในอากาศ ทำให้ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยลืมตาขึ้น และยกมือขึ้นมาเอาตำราออกจากหน้า ก่อนจะมองไปทางด้านข้าง นางเห็นริมฝีปากบางที่มีเสน่ห์เย้ายวนนั้นอยู่ห่างจากนางไม่ถึงคืบ ความคิดแรกของเฮ่อเหลียนเวยเวยคือโรคกลัวความสกปรกขององค์ชายได้รับการรักษาจนหายดีแล้วหรือ
“ทำไมเจ้าถึงมองข้าเช่นนั้น เจ้าไม่ได้ส่งคนมาตามตัวข้าเพื่อพูดคุยถึงเรื่องบางอย่างหรอกหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอียงศีรษะ ผมสีดำและริมฝีปากบางของเขาทำให้เขายิ่งดูงดงามมากขึ้นไปอีก
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดในใจว่านั่นเป็นเพราะนางไม่ชอบคนที่เขาส่งตัวมา และต้องการให้เขาพาตัวพวกเขาออกไป แต่นางไม่คิดว่าเขาจะมาด้วยตัวเอง…