รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 256 ทิ่มหมูสนุกหรือ ว่างนักหรือไรทิ่มกันอยู่ได้!

บทที่ 256 ทิ่มหมูสนุกหรือ ว่างนักหรือไรทิ่มกันอยู่ได้!

บทที่ 256 ทิ่มหมูสนุกหรือ ว่างนักหรือไรทิ่มกันอยู่ได้!

นายพรานทั้งหมดนำตัวหมูป่ากลับมายังเมืองชิงซาน

พวกเขานำเหยื่อล่าอย่างอื่นมาด้วย ขึ้นเนินเขาเขียวหนนี้ พวกเขาได้อะไรมามาก

หลัก ๆ เพราะช่วงก่อนนี้ผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรจากทั้งสี่ภาคเดินทางเข้ามาสังหารหมู่ปุถุชนในแดนบูรพาทิศ สัตว์ป่ามากมายหนีมาถึงเนินเขาเขียว เนินเขาเขียวจึงมีจำนวนสัตว์ป่าทวีคูณ ทุกครั้งที่พวกเขาขึ้นเขาล้วนได้เหยื่อกลับมาเป็นจำนวนมาก

พวกเขากลับมาถึงตลาด ขังเหยื่อล่าอย่างพวกหมูป่าไว้ในกรง

พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ ทั้งหมดร่วมแรงร่วมใจเปิดร้านแห่งหนึ่งในตลาด ไว้ขายสัตว์ป่าที่พวกเขาล่ามาได้

ทำเช่นนี้จักได้กำไรสูงกว่าการขายเหยื่อล่าให้กับร้านขายเนื้อโดยตรง

“ใกล้แล้ว ขอเวลาอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น!”

ภายในกรง หลิงเซิ่งคิดอยู่ในใจ

เขาไม่จำเป็นต้องฟื้นพลังให้มากนัก ขอเพียงฟื้นพลังได้นิดหน่อยจนเพียงพอให้เขาออกจากร่างหมู ย้ายไปสิงสู่ร่างมนุษย์ได้ก็พอ

หากสิงสู่ในร่างผู้ฝึกตน เขาต้องใช้พลังมากกว่านี้อีกหน่อย

แต่ถ้าสิงสู่ในร่างปุถุชน เขาไม่ต้องใช้พลังมากนัก

เวลาเร่งรีบ เขาโดนเชือดได้ทุกเมื่อ มิกล้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ ต้องรีบทำเวลาฟื้นพลัง

ทว่าเขาเพิ่งฝึกฝนได้ไม่นาน ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนใช้ไม้ทิ่มเขา

“หมูป่าตัวนี้มิใช่ว่าป่วยหรอกหรือ เหตุใดถึงดูซึมกระทือเช่นนี้”

ป้าคนหนึ่งกำลังใช้ไม้ทิ่มหมูป่าไปทั่วตัว นางหมายตาหมูป่าตัวนี้ อยากจะซื้อไว้

ทว่านางดูแล้วหมูป่าตัวนี้ไม่กระปรี้กระเปร่าเท่าใด จึงสงสัยว่าหมูป่าตัวนี้อาจป่วย

ไปไกล ๆ ที!

ทิ่มหมูสนุกตรงไหน!?

ว่างหรือไรทิ่มกันอยู่ได้!

ทำข้าเสียเวลาฝึกฝน!

หลิงเซิ่งโมโหนัก เขากำลังฝึกฝนอยู่ กลับโดนป้าผู้นี้ขัดขวาง

เขากำลังตึงเครียดไปทั้งกายใจ ปิดผนึกจิตสำนึก เช่นนี้เมื่อมองภายนอกจึงดูไม่มีชีวิตชีวาจริง ๆ

“จะเป็นหมูป่วยได้อย่างไร ป้าไม่เห็นยามเราจับหมูป่าตัวนี้ หมูป่าตัวนี้วิ่งเก่งมาก!”

นายพรานคนหนึ่งกล่าว

“ช่างเถิด ข้าซื้อตัวอื่นแล้วกัน”

ป้าผู้นั้นเห็นว่าหมูป่าตัวนี้ไม่กระปรี้กระเปร่า เลยไม่มั่นใจ กลัวจะซื้อหมูป่วยกลับบ้าน จึงหันไปดูตัวอื่น

หลิงเซิ่งเห็นป้าผู้นั้นไปแล้ว ถอนหายใจอย่างโล่งอก

หากโดนซื้อตัวไป เขาต้องเจอมีดเฉือนแน่!

เขารีบฝึกฝนต่อทันที

เวลาในช่วงนี้มีค่าที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย จะเสียไปอย่างสูญเปล่าไม่ได้เด็ดขาด

ทว่าเขาฝึกฝนไปได้ไม่เท่าไร ก็รู้สึกว่ามีคนใช้ไม้ทิ่มเขาอีกแล้ว จนเขาต้องหยุดฝึกฝนอีกครั้ง

เวร!

ไม่จบไม่สิ้น!

หลิงเซิ่งโมโหจนปอดแทบระเบิด เขาอยากร้องไห้ด้วยซ้ำ ให้เวลาเขาได้ฝึกฝนอย่างสงบหน่อยมิได้หรือ!

แค่แป๊บเดียวก็ยังดี!

คนผู้นั้นทิ่มหมูป่าอีกครั้ง มิได้กล่าวว่าจะซื้อ เพียงแต่ดูไปเรื่อยเท่านั้น

หลังจากคนผู้นั้นไป หลิงเซิ่งเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง

ทว่าไม่รอให้เขาได้เริ่ม ก็มีคนใช้ไม้ทิ่มเขาอีกแล้ว

ร้านของนายพรานขายดีไม่หยอก มีคนมาซื้อสัตว์ป่าที่นี่ไม่น้อย

เนื้อหมูป่าไม่เลวทีเดียว คนชอบกินเป็นจำนวนมาก

เวร!

หลิงเซิ่งทั้งทุกข์ใจทั้งโมโห

เขาเป็นถึงนักบุญจากยุคโบราณ ถูกบีบให้เข้ามาอยู่ในร่างหมูไม่พอ ยังต้องโดนปุถุชนใช้ไม้ทิ่มอยู่บ่อยครั้ง!

นี่ก็เพราะเขาในตอนนี้ไม่มีพลัง หากเขามีพลังละก็ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเชือดปุถุชนเหล่านี้ให้ได้!

ชีวิตนี้เขายังไม่เคยอดสูเท่านี้มาก่อน!

“รอให้ข้าฟื้นพลังได้เมื่อใด ข้าจักจับพวกเจ้าขังให้หมด แล้วใช้ไม้ทิ่มพวกเจ้าทั้งวันทั้งคืน! ข้าจะทิ่มพวกเจ้าสักหนึ่งร้อยปี!”

หลิงเซิ่งคำรามในใจอย่างกราดเกรี้ยว

นักบุญแห่งยุคโบราณต้องมีสภาพอนาถเยี่ยงนี้ เขาอัปยศเหลือเกิน!

แต่ยังดี ยังขายไม่สำเร็จสักครา

เขาเองก็พยายามฝึกฝนอยู่ตลอดระหว่างที่ถูกทิ่มซ้ำไปซ้ำมา

“ฮ่า ๆ! ในที่สุดข้าก็ใกล้ฟื้นตัวได้แล้ว!”

หลิงเซิ่งดีใจสุด ๆ เขารู้สึกได้ว่าอีกเพียงนิดเดียวเขาจักฟื้นพลังได้นิดหน่อย แล้วออกจากร่างหมูนี้ได้!

รอให้ออกจากร่างหมูเมื่อใด เขาก็ปลอดภัยแล้ว!

ทว่าไม่รอให้เขาได้ดีใจให้เสร็จสิ้น พริบตาต่อมา เขาก็รู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นเยียบเสียดแทงกระดูกถังหนึ่งสาดเข้าไปถึงจิตใจ ความดีใจทั้งหมดมลายจนสิ้น หัวใจสั่นสะท้าน

“คุณชายหลี่มาแล้วหรือ”

“เชิญเลย เชิญเลย!”

นายพรานทั้งหลายทักทายหลี่จิ่วเต้ายิ้ม ๆ หลี่จิ่วเต้ามาเยือนร้านของพวกเขา

หลิงเซิ่งเคยเจอหลี่จิ่วเต้า เมื่อเห็นหลี่จิ่วเต้าเข้ามาในร้านก็นิ่งค้างไปในบัดดล

สวรรค์ อย่าปั่นหัวกันเช่นนี้ได้หรือไม่!?

หลิงเซิ่งอยากจะร่ำไห้ เขาจะอนาถเกินไปหรือไม่

เขาพยายามด้วยความแน่วแน่ ระหว่างที่โดนปุถุชนใช้ไม้ทิ่มเขาไม่หยุด ในที่สุดเขาก็กำลังจะฟื้นพลังได้สักนิด จนไปจากร่างหมูนี้ได้แล้ว ผลกลับกลายเป็นว่า…หลี่จิ่วเต้ามา?!

เขาสติแตกในชั่วพริบตา!

อีกนิดเดียวแท้ ๆ เขาก็จะสำเร็จแล้ว จะมิให้เขาสติแตกได้เยี่ยงไร

ข้า…!

เขาสบถก่นด่าในใจไม่หยุด ทั้งหมดนี้ต้องโทษปุถุชนเดนตายพวกนั้น

หากมิใช่ว่าพวกปุถุชนเดนตายพวกนั้นเข้ามาสอด เขาคงฟื้นพลังเรียบร้อยและไปจากที่แห่งนี้ได้นานแล้ว!

เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันหนึ่งเขาจะเสียท่าเพราะพวกปุถุชน…

“ที่บ้านมีแขกมา ข้าจึงมาดูที่ร้าน วันนี้ได้เหยื่อดี ๆ มาบ้างหรือไม่”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม สนิทกับนายพรานเหล่านี้เป็นอย่างดี

จะมิให้สนิทได้อย่างไร

เขาไปล่าสัตว์บนเนินเขาเขียวอยู่บ่อยๆ

“คุณชายหลี่เชิญมาดูด้านในเถิด ทั้งหมดในนี้คือสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ในวันนี้”

มีนายพรานพาหลี่จิ่วเต้าเข้ามา

อย่ารู้ว่าเป็นข้า!

อย่ารู้ว่าเป็นข้าเด็ดขาด!

เจ้าไม่รู้หรอกว่าเป็นข้า!

หลิงเซิ่งประหม่าจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง พึมพำในใจอยู่ตลอดว่าอย่ารู้ว่าเป็นเขา อย่ารู้ว่าเป็นเขา

กระนั้นเขาเข้าใจดีใจว่าเป็นเพียงการภาวนาอันเปล่าประโยชน์

เมื่ออยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโตแสนน่ากลัวอย่างหลี่จิ่วเต้า เขาไฉนเลยจะไม่ถูกจับได้?

อย่าว่าแต่คนใหญ่คนโตแสนน่ากลัวอย่างหลี่จิ่วเต้าเลย ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับต่ำก็จับพิรุธได้เช่นกัน

เขาในตอนนี้อ่อนพลังเกินไป ไม่มีพลังพอจะอำพรางตน

ทว่าผู้ใดเต็มใจตายกันเล่า?

ต่อให้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เขาก็ยังหวังว่าตัวเองจะโชคดี

หืม!?

ไม่รู้หรือว่าเป็นเขา?

หลี่จิ่วเต้ามองเขาปราดเดียวก็เดินออกไป

ก่อนหน้านี้เขาคิดผิดหรือ

หลี่จิ่วเต้ามิได้เก่งกาจอย่างที่เขาคิด เป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่งจริง ๆ หรือ

ทว่าเขายังไม่ทันดีใจ ก็ได้ยินหลี่จิ่วเต้าบอกว่า “หมูป่าตัวนี้ไม่เลว เอาตัวนี้แหละ”

ตายแล้ว กำลังจะตายแล้ว!

หลิงเซิ่งสิ้นหวังในบัดดล

เมื่อครู่เขาคิดสิ่งใดอยู่ ช่างกล้าคิดไปว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา

เป็นไปได้อย่างไรที่หลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงปุถุชน!

เมื่อครู่หลี่จิ่วเต้ามองเขาปราดเดียวแล้วไปก็เพราะอำเขาเล่น!

ทว่าความจริงมิได้เป็นอย่างที่หลิงเซิ่งคิด

หลี่จิ่วเต้าแค่กำลังเปรียบเทียบ

เขามองสัตว์ป่าตัวอื่น มีทั้งจิ้งจอก กวาง และตัวอื่น ๆ ที่เนื้ออร่อยมิสู้หมูป่า ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายเขาจึงเลือกหมูป่า

“ได้เลย!”

นายพรานทั้งหลายจับหมูป่าออกจากกรง

มัดหมูป่าไว้บนท่อนไม้ แบกกันสองคนแล้วตามหลี่จิ่วเต้าไปจากที่นี่

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท