บทที่ 257 ไปหรือไม่ไปตัดสินไม่ได้อีกหรือ
หลี่จิ่วเต้าออกไปซื้อเนื้อสัตว์ ส่วนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงเป็นคนขนบรรดาผักนานาพันธุ์เข้ามา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องซื้อผักอีก
นายพรานสองคนแบกหมูป่าตามหลังหลี่จิ่วเต้า
ในตอนนี้หลิงเซิ่งหมดหวังอย่างสมบูรณ์แล้ว
หลี่จิ่วเต้าอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะไม่สิ้นหวังได้หรือ?
“นายท่าน!”
เสียงของเซี่ยเหยียนดังมาจากด้านหลัง หลี่จิ่วเต้าหันกลับมามองไปรอบ ๆ เห็นว่าที่แท้เป็นเซี่ยเหยียนตะโกนเรียกเขานี่เอง
“เจ้าตามกลิ่นมาถึงที่นี่เลยหรือ!”
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มกล่าวอย่างติดตลก
“ฮิฮิ ข้าเป็นคนจมูกดีเจ้าค่ะ!”
เซี่ยเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เห็นท่านเซียนไม่เปลี่ยนไป นางก็ค่อยรู้สึกวางใจ
“จมูกดีจริง ๆ นั่นแหละ!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะพลางกล่าวว่า “ไปกันเถอะ วันนี้กลับไปกินเนื้อหมูป่าตุ๋นกัน”
พวกเขากลับมาถึงลานบ้าน ก็ให้นายพรานสองคนนำหมูป่าเข้ามาด้วย
จากนั้นนายพรานทั้งสองก็จากไป
พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินอะไรเลย
ในอดีตหลี่จิ่วเต้ามักจะดูแลพวกเขา เหยื่อมากมายที่ล่ามาจากเนินเขาเขียวก็นำมาให้พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะกล้าเก็บเงินจากหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร
พวกเขาไม่รับหรอก!
หลี่จิ่วเต้ายัดเงินใส่มือพวกเขา แต่พวกเขาไม่เอาก่อนจะรีบจากไป
นี่… นี่… นี่!
หลังจากมาถึงลานเล็กแห่งนี้ หลิงเซิ่งก็ตกตะลึง
เซียน…ท่านเซียนหรือ! ?
จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้านตั้งแต่เข้ามาในร้าน จวบจนถึงลานบ้านอันเล็กนี้ ทุกอย่างที่ประจักษ์ล้วนแต่เป็นหนึ่งไม่มีสอง ล้ำค่าท้าทายสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง นี่มันช่างวิเศษเกินกว่าเขาจะคาดเดาได้!
ภาพวาดภายในร้าน แม้แต่เขาที่เป็นนักบุญก็ยังสัมผัสได้ว่า บนภาพวาดแฝงคลื่นจังหวะแห่งเต๋าเอาไว้มหาศาลดุจดั่งจักรวาลเหนือเกินกว่าเขาจะจินตนาการได้!
ภายในร้านยังมีงานหยกแกะสลัก หยกแฝงพลังอันแข็งแกร่งเทียมสวรรค์ไร้ขอบเขต
เขาไม่สงสัยเลยว่า งานหยกแกะสลักแต่ละชิ้นสามารถทำลายอาณาจักรนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน!
ส่วนลานเล็ก ๆ แห่งนั้น…น่าสะพรึงยิ่งกว่า!
เขาสัมผัสได้ถึงจังหวะแห่งเซียน มีของวิเศษระดับเซียนอยู่ที่ในที่แห่งนี้!
สวรรค์!
ร่างหมูป่าของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรงด้วยความหวาดกลัว
เหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงโง่เขลากล้าหาเรื่องผู้เป็นเซียน!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดเซี่ยเหยียนถึงดูไม่สนใจขอบเขตพลัง ซ้ำยังใช้คันศรอย่างอาวุธมหาจักรพรรดิตามใจชอบ ก็เพราะมีเซียนอยู่ที่นี่ อะไรยังจะเป็นไปไม่ได้อีก!?
“พวกเจ้าเข้าบ้านไปพักก่อนเถอะ” หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับพวกเซี่ยเหยียน
เขาเข้าไปในครัว หยิบมีดกับกะละมังออกมาเตรียมเอามารองเลือดหมูที่กำลังจะฆ่า
อย่า!
ท่านเซียนปล่อยข้าไปเถิด!
ข้าไม่กล้าอีกแล้วขอรับ!
หลิงเซิ่งร้องตะโกนขอความเมตตาอย่างสั่นกลัว ทว่าเสียงที่ออกมากลายเป็นเสียง ‘อี๊ด อี๊ด อี๊ด!’
ของหมูแทนเสียนี่ หลี่จิ่วเต้าย่อมฟังไม่เข้าใจ
ส่วนพวกเซี่ยเหยียนนั้นก็มารอในห้องโถง
“เนื้อหมูคราวนี้ต้องอร่อยแน่ ๆ! ”
เซี่ยเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอ๋? หมูป่าตัวนี้วิธีร้องแปลกจัง”
สือเฟิงถามอย่างแปลกใจ
เซี่ยเหยียนแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าสังเกตหมูป่าตัวนั้นให้ดีแล้วกัน”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงเปิดประสาทสัมผัสญาณ ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
พวกเขา…เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซี่ยเหยียนถึงกล่าวเช่นนั้น!
หมูป่าตัวนี้ไม่มีอะไรพิเศษ… แต่วิญญาณของหมูป่าพิเศษเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาสัมผัสได้ถึงลมปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากวิญญาณของหมูป่า!
ถึงแม้ลมปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้จะอ่อนแอมาก แต่พวกเขาก็ยังสัมผัสได้!
“เข้าใจแล้ว!”
เซี่ยเหยียนแย้มยิ้ม ตอนนางเห็นหมูป่าตัวนี้ครั้งแรก นางรู้สึกผิดปกติเช่นกัน
ผลสุดท้ายพอนางใช้ประสาทสัมผัสญาณตรวจสอบ นางก็เข้าใจทุกอย่าง
มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หลบซ่อนอยู่ในหมูป่า!
หมูป่าเป็นเพียงหมูธรรมดาจะมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวได้อย่างไร?
นางนึกถึงวิญญาณหลบหนีของหลิงเซิ่งทันที
มานึก ๆ ดูแล้วหลิงเซิ่งถูกศรของนางย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัส ตกอยู่ในสถานการณ์จำต้องอยู่ในร่างของหมูป่าชั่วคราว
และทั้งหมดนี้ ย่อมต้องเป็นเพราะท่านเซียนรู้เข้าเป็นแน่
ไม่เช่นนั้นท่านเซียนจะนำหมูป่าตัวนี้กลับมาได้อย่างไร?
ฆ่าหมูเอาเลือดนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุด หลี่จิ่วเต้าเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง ไม่นานเขาก็จัดการหมูป่าอย่างรวดเร็ว
ส่วนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในร่างของหมูป่านั้น สุดท้ายย่อมทนไม่ไหวดับสูญไปในที่สุด
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นยากทำลาย
แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย
อีกอย่าง มีดฆ่าหมูในมือของหลี่จิ่วเต้าหาใช่มีดธรรมดาไม่…
หมูป่าตัวไม่เล็ก ดังนั้นหลี่จิ่วเต้าจึงใส่หมูในตู้เย็นเพื่อแช่แข็ง จากนั้นจึงเริ่มตุ๋นหมูป่าที่ได้จัดเตรียมเอาไว้
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็จัดการหยิบผักแต่ละชนิดออกมาล้างน้ำให้สะอาด เตรียมผัด
ผักมีคุณภาพดีมาก อีกทั้งยังสดใหม่อีกด้วย ดีกว่าผักที่เขาซื้อในอดีตมากนัก
หลังจากตุ๋นหมูเสร็จแล้วจากนั้นก็ยกหมูมาออก พร้อมกับหยิบจากผัดผักออกไป
อาหารมื้อนี้ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
หลี่จิ่วเต้านำสุราฤทธิ์ไม่แรงมากนักกับเบียร์เย็น ๆ ออกมา เซี่ยเหยียน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงพากันดื่มไปไม่น้อย
เนื้อหมูกับผักอร่อยมาก
โดยเฉพาะผัก กัดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้อายุขัยของเซี่ยเหยียนเพิ่มขึ้นหลายปี และด้วยรสชาติสดใหม่ก็ทำให้พวกเขาแทบจะหยุดทานไม่ได้
หลังจากนั้นพวกเซี่ยเหยียนก็กล่าวลาท่านเซียน และออกจากบ้านไป
หลี่จิ่วเต้าเมาเล็กน้อย เขานอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้โยก เวลานี้ดึกแล้ว ชายหนุ่มเหม่อมองท้องนภายามราตรีซึ่งรายล้อมไปด้วยหมู่ดวงดารา สติคล้ายตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์
“ยัง…สบายดีอยู่หรือไม่?”
เขากล่าวเสียงเบาหวนนึกถึงซีอีกครั้ง
ดวงดาราประดับท้องนภายามราตรี ราวกับใบหน้าของนาง…
หยวนอีจากชิงโจว ทำให้เขารู้สึกคิดถึงซี
“ข้าจะไปชิงโจว…”
เขากล่าวเสียงเบาอีกครั้ง ปรารถนาจะไปชิงโจว ตามหาร่องรอยของซี และอยากจะเจอหน้าของนางอีกสักครั้ง
“ค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน!”
เขาถอนหายใจ หลับตาก่อนจะโยกตัวเล็กน้อยบนเก้าอี้โยก
ซีเคยกล่าวไว้ว่าจะอยู่ชิงโจวไม่นาน ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว เขาไปชิงโจวตอนนี้ก็เกรงว่าจะหาซีไม่เจออยู่ดี
จะไปชิงโจวหรือไม่นั้น…เขายังไม่ได้ตัดสินใจ
‘เกิดอะไรขึ้นกับท่านเซียนกันนะ?’
ลั่วสุ่ยนอนอยู่บนพื้นถัดจากเก้าอี้โยก ใช้ดวงตาของแมวมองท่านเซียนพลางกล่าวในใจ
มีอะไรในชิงโจวที่ทำให้ท่านเซียนเป็นกังวลหรือ?
นางไม่เคยเห็นท่านเซียนเป็นเช่นนี้มาก่อน
ยังมีอะไรที่ทำให้ท่านเซียนไม่มั่นใจอีกหรือ?
…
เวลาผันผ่าน สิบวันผ่านไป
ชิงโจว
ณ ตระกูลหยวน
ลำแสงน่าหวาดหวั่นสามสายทะยานพุ่งสู่ท้องนภา หยวนอี บิดาของหยวนอี รวมถึงบรรพจารย์ตระกูลหยวน พวกเขาทั้งสามทะลวงด่านครั้งใหญ่
หยวนอีจุดเพลิงเทวาทะลวงสู่ขอบเขตเทวา
บิดาของหยวนอีแย่กว่าเล็กน้อย ยังจุดเพลิงเทวาไม่สำเร็จ แต่เขาก็ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชัน และอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตเทวามากแล้ว
บรรพจารย์ตระกูลหยวนก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น จากขอบเขตเทวาไปยังขอบเขตเทวาขั้นจ้าวเทวาแล้ว
“ไปโพรงมังกรกันเถอะ!”
ดวงตาของหยวนอีเปล่งประกาย ก่อนที่นางจะออกจากอาณาเขตตระกูลหยวนพร้อมกับบิดาและบรรพจารย์ตระกูลหยวน ทั้งสามต่างเร่งเดินทางไปยังโพรงมังกร
ปัจจุบันพลังของนางทวีคูณเป็นอย่างยิ่ง พลังในขอบเขตปัจจุบันสามารถกระตุ้นพลังกระบี่หยกได้มากขึ้น และเพียงพอที่จะควบคุมมังกรดำเพื่อให้พาออกสำรวจความลับในโพรงมังกรได้
ท่านเซียนเคยกล่าวถึงชิงโจว ตอนนั้นเขาถึงกับถอนหายใจ นางจึงคาดเดาว่าภายในโพรงมังกรน่าจะมีความลับอะไรบางอย่าง จนทำให้ท่านเซียนทอดถอนหายใจ
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงเกาะมังกร
“ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”
หยวนอีถาม นางให้เหล่าผู้ฝึกตนเฒ่ากับเหล่าปีศาจอสูรทั้งหลายปกป้องคุ้มครองโพรงมังกร