กระดาษเนื้อละเอียด การใส่กรอบที่ประณีต ภาพวาดยังคงเหมือนเดิมแม้ว่าจะถูกขยี้บนพื้นไปสองสามครั้ง
หวังเจียนเดินเข้ามา จิ้มนิ้วลงไปที่ภาพวาด “พันหยงนี้ตั้งใจอย่างมาก”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กยืนมองคนบนภาพวาด อยู่หน้าโต๊ะ พยักหน้า “ตั้งใจอย่างมาก วาดได้ไม่เลว”
“ข้าหมายถึงกรอบ ใช้เงินเป็นจำนวนมาก” หวังเจียนพูด ยืนตัวตรง จากนั้นมองไปที่ภาพวาด ก่อนจะเบะปาก “ภาพวาดนั้นดูเกินจริงไปเล็กน้อย บัณฑิตเหล่านี้ ในปากพูดถึงความเที่ยงตรง แต่ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความงาม หากไม่ได้คิดทุกวันทุกคืนจนประทับอยู่ในใจ จะวาดออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพยักหน้า “ผู้ใดไม่รักหญิงงาม”
หวังเจียนหัวเราะร่า “ใช่หรือไม่ ดังนั้นพันหยงไปเสนอตัวให้คุณหนูตันจูอาจไม่ใช่ข่าวลือ บางทีคนผู้นี้อาจจะคิดเช่นนั้นจริง” เขาส่ายหัวอย่างเสียดาย “ท่านแม่ทัพ คนที่ท่านทิ้งไว้ตรงนั้นเหตุใดจึงซื่อกว่าจู๋หลินเสียอีก บอกให้เฝ้าอยู่ที่เชิงเขาก็เฝ้าอยู่แค่ที่เชิงเขา ไม่รู้ว่าคนบนภูเขาทั้งสองพูดสิ่งใดกัน” ก่อนจะไตร่ตรอง “เรียกจู๋หลินมาถามดีหรือไม่”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กกล่าว “ไม่จำเป็นต้องเรียกจู๋หลิน รอคุณหนูตันจูมา เจ้าถามนางโดยตรง”
หวังเจียนหัวเราะออกมา “ถามนาง? หากถามความจริงจากปากนางได้คงจะเห็นผี เอ๊ะ คุณหนูตันจูจะมา? นางต้องการสิ่งใดอีก”
พูดถึงคุณหนูตันจู เขาก็โกรธ
เขาเพียงแค่กำลังจัดการกับของกำนัลจากท่านอ๋องฉี ออกเดินทางมาช้าไปก้าวเดียว แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็พบกับเฉินตันจูทันที สุดท้ายยังถูกพัวพันเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่เช่นนี้อีก…
“ท่านเป็นแม่ทัพ” หวังเจียนพูดอย่างปวดใจ เอื้อมมือออกไปตบโต๊ะ “ท่านสนใจเรื่องนี้ทำอันใด ต่อให้ท่านอยากสนใจ ท่านทูลกับฝ่าบาทและองค์รัชทายาทเป็นการส่วนตัวดีกว่าหรือไม่ ท่านอายุมากเพียงนี้แล้ว แต่กลับขอโปรดเกล้าลาออก ข่มขู่ด้วยการปลดเกราะกลับบ้านเกิดในราชสำนัก ไม่ใช่เป็นการกระทำอันไร้เหตุผลหรือ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเอื้อมมือไปหยิบภาพวาดบนโต๊ะ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “เพราะว่าอายุมากแล้ว จึงต้องขอทูลลา ถอดชุดเกราะกลับบ้านเกิด อีกอย่าง ข้าบอกสาเหตุอย่างชัดเจนแล้วว่าเหตุใดแม่ทัพจึงมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ นอกจากนี้ พวกข้าผู้เป็นทหารไม่อาจพูดสู้ขุนนางเหล่านั้นได้ ย่อมต้องใช้วิธีการนี้”
แม้ว่าหวังเจียนจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับขุนนางเหล่านั้นด้วยตนเอง แต่แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็ไม่ได้ปิดบังเขา อีกทั้งเขายังทูลขอให้ฝ่าบาทพระราชทานสำเนาบันทึกเหตุการณ์ในเวลานั้นมาให้หวังเจียนได้เห็นกับตาอย่างชัดเจน…เรื่องนี้ถึงจะน่าขุ่นเคือง เขาเห็นอย่างชัดเจนหลังจากเกิดเรื่องแล้วจะมีประโยชน์อันใด!
หวังเจียนหัวเราะเยาะเย้ย “ท่านจงใจทิ้งข้าตั้งแต่แรก” จากนั้นเดินทางกลับมาก่อกวนร่วมกับเฉินตันจู!
ได้ยินเหตุการณ์เช่นนี้ทุกวันตั้งแต่อยู่ในเมืองฉี ดูภายนอกเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจ แต่อันที่จริงมีไฟคุกรุ่นอยู่ในใจของเขามานานแล้ว ถือเอาไว้รอกลับมาโยนลงบนกองฟืน ก่อนจะเทน้ำมันลงไปซ้ำอีก
ช่างน่าปวดหัวเสียจริง
“เฉินตันจูมาทำอันใดอีก” หวังเจียนถามอย่างระแวง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กถือภาพวาดด้วยมือทั้งสองข้าง มองซ้ายมองขวาในห้อง พลางเอ่ย “ไม่ทำอันใด นางมาส่งยาให้ข้า” จากนั้นจึงเลือกตำแหน่งหนึ่ง เรียกผู้ติดตามที่ยืนอยู่ด้านข้าง “แขวนไว้ตรงนี้”
ผู้ติดตามตอบรับ ก่อนจะรับมา
หวังเจียนเดินตามมา “ข้าอยู่กับท่าน ท่านยังต้องการยาของคนอื่นอีกหรือ? เฉินตันจูได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทไม่ให้เข้าเมือง เวลานี้นางเข้าไม่ได้แม้แต่ประตูเมือง นางบอกว่าจะมาส่งยา เห็นได้ชัดว่าเป็นข้ออ้างในการเข้าเมือง”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตอบรับ “เจ้าเตือนข้าได้พอดี” เขาหันไปสั่งผู้ติดตาม “ไปบอกจิ้นจงกงกง คุณหนูตันจูต้องการเข้าเมืองเข้าพระราชวังมาส่งยาให้ข้า ให้เขาทูลฝ่าบาท คืนตำแหน่งให้จู๋หลินและคนอื่น”
เฉินตันจูสามารถเข้าออกประตูเมือง เข้าใกล้ประตูวัง หรือแม้กระทั่งเข้าพระราชวังวังได้อย่างอิสระ เพราะอาศัยตำแหน่งขององครักษ์หลวงของจู๋หลิน เหิมเกริมไร้ความเกรงกลัวเช่นนี้ แม้แต่ผู้มีอำนาจยังไม่อาจทำได้ มีเพียงองครักษ์หลวงผู้เป็นองครักษ์ประจำกายของโอรสสวรรค์ที่มีสิทธิ์
เรื่องใหญ่เช่นนี้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กเพียงแค่ให้ไปบอกกับขันทีผู้หนึ่ง ผู้ติดตามไม่ได้รู้สึกลำบากใจอันใด เขาตอบรับ ก่อนจากไป
หวังเจียนทั้งโมโหทั้งระอา “ท่านแม่ทัพ ท่านโดนหลอกแล้ว เฉินตันจูไม่ได้ต้องการมาส่งยาให้ท่าน นั่นเป็นเพียงข้ออ้าง นางต้องการพบองค์ชายสาม”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กกล่าว “อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้”
หวังเจียนตกตะลึง สิ่งใดเป็นเรื่องใหญ่ เขาเบนสายตามองไปตามแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ก่อนจะผงะ เมื่อพบว่าบนกำแพงมีภาพเพิ่มขึ้น หญิงงามบนภาพนั่งอยู่ด้านหน้าฉากกั้นกำลังส่งยิ้มให้เขา “เอ๊ะ? ท่านแขวนภาพนี้ไว้ตรงนี้เพื่ออันใด”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “เพื่อความงดงามอย่างไรเล่า เจ้าก็บอกไม่ใช่หรือ ภาพวาดดี กรอบก็ดี”
เขาพูดก็จริง แต่เกี่ยวข้องกับการแขวนภาพอย่างไร หวังเจียนถลึงตา “ภาพวาดที่ใส่กรอบงดงามในพระราชวังมีมากมาย เหตุใดจึงแขวนภาพนี้”
“เช่นนั้นเจ้าไปขอให้ฝ่าบาทพระราชทานรูปอื่น” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดง่าย
หวังเจียนหัวเราะด้วยความโกรธเคือง บนแผ่นดินนี้อาจมีคนเพียงสองคนที่คิดว่าฮ่องเต้คุยง่าย คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็ก อีกคนคือเฉินตันจู
ในขณะทางนี้กำลังสนทนา ผู้ติดตามคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก แม่ทัพหน้ากากเหล็กพยักหน้า มองไปที่หวังเจียน ก่อนจะยิ้มออกมา
หวังเจียนมองรอยยิ้มนั้นด้วยความฉงน “ยิ้มอันใด เกิดเรื่องใดขึ้น”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กส่ายหัว “ไม่มีสิ่งใด แค่เรื่องที่ฝ่าบาทให้องค์ชายสามมีส่วนร่วมในการประลองของแต่ละแคว้น”
หวังเจียนทำหน้าประหลาดใจ “ภารกิจนี้สำคัญนัก มอบให้องค์ชายสามหรือ” ก่อนจะพยักหน้า “จริงด้วย เรื่องนี้จัดขึ้นเพื่อบัณฑิตสามัญชนเป็นหลัก องค์ชายสามเป็นผู้รวบรวมบัณฑิตสามัญชนในหอไจซิงตั้งแต่แรก เป็นผู้ที่มีอำนาจในหมู่บัณฑิตสามัญชนในเมืองหลวงอย่างมาก”
หลังจากเรื่องการประลองในแต่ละแคว้นผ่านพ้นไป องค์ชายสามคงจะกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจในหมู่บัณฑิตสามัญชน
เรื่องนี้ไม่ใช่ไม่มีอันใด แต่เป็นเรื่องใหญ่ หวังเจียนทำหน้าเคร่งขรึม ฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร พระองค์ทรงโปรดปรานและรักใคร่องค์ชายสามเสมอมา…
“ท่านหัวเราะอันใด” หวังเจียนนึกขึ้นได้อีกครั้ง ถามแม่ทัพหน้ากากเหล็ก
แม่ทัพหน้ากากเหล็กกล่าว “ไม่มีอันใด ข้าแค่คิดได้ว่า องค์ชายสามคงจะต้องทรงงานหนักแล้ว เรื่องที่เจ้าพูดถึงว่าคุณหนูตันจูจะไปพบเขาก่อนหน้านี้ คงไม่สะดวกนัก”
หวังเจียนตกตะลึง อันใดกัน!
“ท่านได้ยินเรื่องใหญ่เพียงนี้ แต่สิ่งที่คิดได้คือเรื่องนี้?”
“ท่านแม่ทัพ ท่านคงกลับมาเมืองหลวงเพื่อคิดจะปลดเกราะกลับบ้านจริงๆ ว่างยิ่งนัก…”
“ท่านแม่ทัพ พวกเรามาพูดคุยกัน บุตรสาวบุญธรรมของท่านไม่ได้พบองค์ชายสาม ท่านมีความสุขหรือมีความทุกข์?”
…
ยังไม่ต้องพูดถึงแม่ทัพหน้ากากเหล็กจะมีความสุขหรือไม่ แต่องค์รัชทายาทคงไม่มีความสุขอย่างแน่นอน เพราะพระชายาลงโทษนางในไปสี่คนแล้ว เพียงเพราะเรื่องชาร้อนชาเย็น
เหยาฝูยืนอยู่นอกตำหนัก พยายามทำตัวเองให้ไม่เป็นที่สนใจ
แน่นอน นางไม่กลัวพระชายาจะลงโทษนาง แต่กลัวว่าพระชายาจะขับไล่นางกลับซีจิงไป…มันคือการปลิดชีพนางอย่างแท้จริง
คราวนี้หากพระชายาจะขับไล่นางอีก องค์รัชทายาทจะเก็บนางเอาไว้อีกหรือไม่ เหยาฝูเริ่มไม่แน่ใจ เพราะครานี้พระชายาโกรธเพราะเฉินตันจูอีกแล้ว!
แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังแพ้เฉินตันจู
เฉินตันจูไม่เพียงแต่ไม่ถูกขับไล่ออกไป องค์ชายสามที่สมรู้ร่วมคิดกับนางถูกฮ่องเต้ให้ความสำคัญอีกด้วย
เรื่องใหญ่เช่นนั้น ฮ่องเต้ทรงมอบหมายให้องค์ชายสาม ไม่ใช่องค์รัชทายาทที่บังคับบัญชาการแทนในเมืองซีจิงเป็นเวลานาน…องค์รัชทายาทจะหมดความโปรดปรานแล้วหรือ
เหยาฝูครุ่นคิด เสียงฝีเท้าดังขึ้น ในขณะเดียวกัน สายตาอันเยือกเย็นจับจ้องมาที่นาง นางไม่ต้องมองขึ้นไปก็รู้ว่าเป็นผู้ใด จึงรีบก้มศีรษะลงถอยหลังไปกว่าเดิม…
“เจ้ามาทำอันใดตรงนี้อีก” พระชายาตรัส “เก็บสัมภาระกลับไปเสีย”
เหยาฝูคุกเข่าลงพร้อมกับหลั่งน้ำตาเรียกขานท่านพี่ นางเงยหน้ามององค์รัชทายาท
ทว่าองค์รัชทายาทไม่ได้มองนาง ตรัสด้วยคิ้วขมวด “อย่าสนใจนางเลย ตามข้าไปหาเสด็จแม่เถิด”
มีเรื่องใหญ่สำคัญกว่า พระชายาทิ้งเหยาฝูเอาไว้ ก่อนจะจัดแต่งเครื่องแต่งกายอย่างง่ายดาย พาเหล่าโอรสเดินตามองค์รัชทายาทออกไปยังวังหลัง