รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 262 สองมหาดินแดนผนึกกำลัง วาสนาสะท้านนภาปรากฏ!

บทที่ 262 สองมหาดินแดนผนึกกำลัง วาสนาสะท้านนภาปรากฏ!

บทที่ 262 สองมหาดินแดนผนึกกำลัง วาสนาสะท้านนภาปรากฏ!

ดินแดนฝอลึกลับ พุทธศาสนาพิศวง นับแต่ประวัติศาสตร์เริ่มขึ้นยังไม่เคยมีศาสนาใดทำได้เท่าพุทธศาสนา

พุทธศาสนาส่งเสริมการทำความดี สิ่งที่ประชาราษฎร์ได้เห็นก็เป็นเช่นนี้

อย่างน้อยฉากหน้าก็เป็นเช่นนั้น

สิ่งมีชีวิตทุกตนในดินแดนฝอล้วนมีจิตใจเมตตาใฝ่ดี ราวกับทั้งดินแดนฝอถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง ปราศจากความมืดมิด

ทว่าจุดนี้คือจุดที่น่ากลัวที่สุด

แสงสว่างอยู่คู่ความมืดคือกฎเกณฑ์ที่มีมาแต่อนันตกาล ไฉนเลยจะมีเพียงอย่างเดียวได้?

หากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมบกพร่อมไม่สมบูรณ์

พุทธศาสนาสืบสานกันมาอย่างช้านาน มิใช่ศาสนาที่เพิ่งได้รับการก่อตั้งในยุคนี้ ก่อกำเนิดมาแต่โบราณ ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดบอกได้แน่ชัดว่าพุทธศาสนามีจุดเริ่มต้นจากที่ใด

ท่ามกลางวันเวลาอันแสนยาวนาน พุทธศาสนาทรงพลังลึกลับเช่นนี้เหมือนกัน สามารถยึดครองทั้งดินแดน ไม่มีระบอบวิถีอื่นอยู่ร่วม มีเพียงพุทธศาสนาเพียงกลุ่มก้อนเดียว

พุทธศาสนาเป็นที่ยำเกรงของประชาราษฎร์ และพุทธศาสนาตระหนักถึงจุดนั้นดี นับแต่โบราณกาล น้อยนักที่สิ่งมีชีวิตในพุทธศาสนาจะออกนอกดินแดน

ทว่าบัดนี้ กลับมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากจากพุทธศาสนาเดินทางมายังดินแดนหยิน สิ่งมีชีวิตในดินแดนหยินจะไม่สะท้านได้เยี่ยงไร?

พุทธศาสนาตั้งใจมาเผยแพร่ธรรมะที่ดินแดนหยิน ตั้งสำนักศาสนาที่นี่หรือ

พุทธศาสนาที่ลึกล้ำเกินหยั่ง เชี่ยวชาญการกล่อมเกลาถึงปานนั้น หากยืนได้อย่างมั่นคงในดินแดนหยินจริง ๆ ดินแดนหยินในวันหน้าจักกลายเป็นเหมือนดินแดนฝอหรือไม่ สรรพวิถีเสื่อมสลาย เหลือไว้เพียงพุทธศาสนา?

แค่คิดพวกเขาก็หวาดหวั่นอย่างยิ่ง!

สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฮวงมากันคณานับเช่นกัน แต่มา…เพื่อกีดขวางพุทธศาสนาหรือ?

ทั้งสองดินแดนมีส่วนได้ส่วนเสียเชื่อมถึงกัน หากดินแดนหยินถูกกล่อมเกลาด้วยพุทธศาสนาแล้วกลายเป็นเหมือนดินแดนฝออีกแห่ง ดินแดนฮวงที่เหลือก็คงไม่รอด ท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นชะตากรรม ต้องถูกพุทธศาสนากล่อมเกลา

สิ่งมีชีวิตในดินแดนฮวงเข้าใจเรื่องนี้ดี ถึงได้มาใช่หรือไม่?

“อมิตาภพุทธ ที่เรามาเยือนดินแดนหยินมิได้มาเพื่อเผยแพร่ธรรมะ เรามาเพื่อวาสนาการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น”

ไม่นานนัก มีสมณะจากพุทธศาสนาท่านหนึ่งเป็นกระบอกเสียง กล่าวว่าทุกคนมีความเข้าใจผิดต่อพุทธศาสนามาก พุทธศาสนาหาได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิดไม่

พระพุทธเทศนาเพียงผู้มีวาสนาเท่านั้น ไม่เคยฝืนเทศนาผู้อื่น ศรัทธาพุทธศาสนาหรือไม่ ล้วนเป็นอิสระของประชาราษฎร์ หาได้เคยบีบบังคับผู้ใดไม่

เสียงเช่นนี้เมื่อส่งออกไปแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็แพร่สะพัดไปทั่วทุกแคว้นในดินแดนหยิน

“วาสนาการเปลี่ยนแปลงหรือ?”

“สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฮวงมายังดินแดนหยินก็เพราะวาสนาการเปลี่ยนแปลงหรือ”

“วาสนาการเปลี่ยนแปลงเช่นไรถึงเรียกให้สิ่งมีชีวิตจากอีกสองมหาดินแดนมากันอย่างพร้อมเพรียงได้!?”

“วาสนาการเปลี่ยนแปลงระดับสะท้านนภาหรือ?”

สิ่งมีชีวิตในแคว้นต่าง ๆ ของดินแดนหยินสะท้านใจอย่างน่าประหลาด จิตใจไม่สงบถึงขีดสุด ราวกับมีคลื่นใหญ่ซัดสาด อึ้งตะลึงกันไปหมด

สิ่งมีชีวิตจากสองมหาดินแดนอย่างดินแดนฮวงและดินแดนฝอมากันอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่า ต้องเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงน่าทึ่งปานใด!

“เป็นเช่นนี้จริงหรือ”

มีสิ่งมีชีวิตส่งเสียงคลางแคลง รู้สึกว่าวจีของพุทธศาสนาเชื่อไม่ได้ อาจจะปากหวานก้นเปรี้ยว แสร้งว่ามาเพื่อการอื่น แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์แฝง ความจริงยังอยากเผยแพร่ธรรมะในดินแดนหยิน และลงหลักปักฐาน

เสียงคลางแคลงเช่นนี้มีอยู่มากมายทั่วทุกแคว้นในดินแดนหยิน

ถึงอย่างไรพุทธศาสนาที่ปกครองทั้งดินแดนฝอก็น่ากลัวเกินไป พวกเขากลัวว่าดินแดนฝอจะใช้วาสนาการเปลี่ยนแปลงเป็นตัวหลอก

ทว่าไม่นานนักก็มียอดฝีมือจากดินแดนฮวงออกมาเป็นกระบอกเสียง

“ดินแดนหยินบังเกิดวาสนาการเปลี่ยนแปลงสูงส่งเกินหยั่งจริง เพียงแต่บัดนี้ยังไม่ทราบที่ตั้งแน่ชัด ทุกแคว้นในสิบแปดแคว้นแห่งดินแดนหยินล้วนมีโอกาส!”

เสียงของยอดฝีมือดินแดนฮวงแพร่สะพัดไปทั่วสิบแปดแคว้นหลังถูกส่งออกไป

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการหนุนหลังดินแดนฝอ ยืนยันว่าวาจาของสมณะแห่งพุทธศาสนาคือความจริง

มิได้มาเพื่อเผยแพร่ธรรมะในดินแดนหยิน หากแต่มีวาสนาการเปลี่ยนแปลงระดับสะท้านนภาปรากฏในดินแดนหยินจริง ๆ!

หลังจากยอดฝีมือดินแดนฮวงส่งเสียง เสียงที่กังขาในพุทธศาสนาน้อยลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด

“ถูกต้องแล้ว นี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลงระดับสะท้านนภา มิได้เป็นของใครคนหนึ่ง หากแต่เป็นของทุกคน ทุกคนต้องคอยจับตาดูทุกที่ให้ดี!”

มีตระกูลจักรพรรดิเก่าแก่ในจวินโจว อันเป็นหนึ่งในสิบแปดแคว้นแห่งดินแดนหยินเป็นกระบอกเสียง หนุนหลังพุทธศาสนาเช่นกัน เป็นการพิสูจน์ว่าวาสนาการเปลี่ยนแปลงคือเรื่องจริง

จวินโจว

เป็นแคว้นใหญ่แสนเก่าแก่ นับว่าทรงพลังที่สุดในบรรดาสิบแปดแคว้นแห่งดินแดนหยิน ไม่มีแคว้นใดเทียมจวินโจวได้

หลังจากเสียงของตระกูลจักรพรรดิโบราณแห่งจวินโจวแพร่สะพัดไปทั่วดินแดนหยินแล้ว ความกังขาที่บรรดาสิ่งมีชีวิตมีต่อพุทธศาสนาล้วนหายไปจนสิ้น

หากพุทธศาสนาปากหวานก้นเปรี้ยว แสร้งว่ามาเพื่อการอื่น แท้จริงมีจุดประสงค์แฝงจริง ๆ ยอดฝีมือดินแดนฮวงและตระกูลจักรพรรดิโบราณแห่งจวินโจวไม่มีทางเป็นกระบอกเสียงให้เช่นนี้แน่

ยามนี้ไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป พุทธศาสนามาเพื่อวาสนาการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นจริง ๆ มีโอกาสวาสนาเกินหยั่งระดับสะท้านนภาปรากฏในดินแดนหยินจริง ๆ!

ส่วนจะปรากฏในแคว้นใดนั้น ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด

ทุกแคว้นในดินแดนหยินล้วนมีโอกาสว่าวาสนาการเปลี่ยนแปลงจะมาปรากฏ!

เพราะอย่างนั้น จึงมีสิ่งมีชีวิตเต็มสิบแปดแคว้นในดินแดนหยินไปหมด ต่างตามหาเบาะแสของวาสนาการเปลี่ยนแปลงไปทั่ว

เหยียนโจวแห่งดินแดนหยินในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น

มีสิ่งมีชีวิตมากมายจากดินแดนฮวงและดินแดนฝอมาเยือนเหยียนโจว

ณ เหยียนโจว แดนบูรพาทิศ เมืองชิงซาน

หลี่จิ่วเต้ามาถึงบ้านหลิงอิน

“คุณชายหลี่มาหรือ รีบเชิญเข้ามาด้านในเถิด!”

มารดาของหลิงอินต้อนรับหลี่จิ่วเต้าอย่างกระตือรือร้น

เมื่อเห็นมารดาของหลิงอินกระตือรือร้นเช่นนี้ หัวใจของหลี่จิ่วเต้ากระตุกวูบ มารดาของหลิงอินมิใช่ว่าจะพูดถึงการเกี่ยวดองระหว่างเขากับหลิงอินอีกหรือ!

ตามคาด ประโยคต่อมาของมารดาหลิงอินก็คือ “คุณชายหลี่ ถ้าท่านเห็นว่าหลิงอินของข้าเหมาะสม เรามานัดแนะฤกษ์ยามให้เรียบร้อย รีบมีงานสมรส เช่นนี้ข้าจะได้มีหลานอุ้มไว ๆ!”

หลิงอินอยู่ด้านหลังมารดาของตน ทันทีที่ได้ยินคำพูดของมารดา หลิงอินว้าวุ่นไปหมด หัวใจดวงเล็ก ๆ แทบพุ่งออกไป!

ลูก…ลูกก็มาหรือ?

สวรรค์ ท่านแม่รู้หรือไม่ว่าท่านกำลังพูดสิ่งใดอยู่!

“ท่านแม่อย่าได้พูดเหลวไหล! อะไรกันนี่!”

นางรีบดึงมารดาของตนออกมา ไม่ยอมให้มารดาพูดต่อไป กลัวว่ามารดาของนางจะพูดจาน่ากลัวออกมาอีก

“คือว่า…หลิงอิน คืนนี้มากินสุกี้หม้อไฟที่บ้านข้าเถิด”

หลี่จิ่วเต้ากลัวเกรงเรื่องนี้ที่สุด เขารีบร้อนแจ้งข่าวหลิงอินแล้วไปจากที่นี่

“เจ้านี่นะ ไยไม่ยอมให้แม่พูด! หรือเจ้าไม่ชอบคุณชายหลี่แล้ว หากไม่ชอบคุณชายหลี่แล้วเหตุใดถึงไปหาคุณชายหลี่อยู่บ่อย ๆ!”

มารดาของหลิงอินถลึงตาใส่นาง พร้อมกล่าว “เจ้าดูสิ ในใจคุณชายหลี่มีเจ้าอยู่เช่นกัน นั่นประไร เรียกเจ้าไปกินสุกี้หม้อไฟที่บ้าน! ว่าแต่…สุกี้หม้อไฟคือสิ่งใดหรือ เฮ้อ ไม่ว่าสุกี้หม้อไฟคือสิ่งใด ล้วนบ่งบอกว่าคุณชายหลี่ชอบเจ้า ยินดีอยู่กับเจ้า!”

มารดาของนางกล่าวต่อ “ในเมื่อพวกเจ้าสองคนชอบพอกัน เหตุใดถึงไม่ยอมตกลกันไว ๆ!”

“เรื่องนั้น…”

หลิงอินไม่อาจอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้มารดาของนางฟังจริง ๆ หากบอกทุกอย่าง จะพาดพิงถึงหลายฝ่ายเกินไป

นางจำต้องไหลไปตามน้ำ “ในเมื่อท่านแม่เข้าใจทุกอย่าง เหตุใดยังต้องรีบร้อนปานนั้นด้วยเล่า! ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ระวังคุณชายจะตื่นกลัวเพราะท่านจนหนีไปแล้วกัน!”

“เจ้ายอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าเจ้ากับคุณชายหลี่ชอบพอกัน”

มารดาของหลิงอินหัวเราะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าเองก็สบายใจ จากนี้ไปข้าจะไม่กล่าวถึงมันอีก ประเดี๋ยวจะทำเสียเรื่องเอา แล้วยายหนูอย่างเจ้าจะมาโทษข้า!”

อีกด้านหนึ่ง อันหลานเสวี่ยมาถึงสำนักไท่หัวก็ได้พบเซี่ยเหยียนพอดี จึงบอกนางว่าคืนนี้ให้ไปกินสุกี้หม้อไฟที่บ้านคุณชาย

“สุกี้หม้อไฟ? เป็นอาหารเลิศรสอีกอย่างหรือ?”

เซี่ยเหยียนเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม “ได้ คืนนี้ข้าไปแน่”

หลังจากพวกอ้ายฉานออกจากเมืองชิงซานก็แยกย้ายกันไป

พวกเขาแต่ละคนล้วนสั่งสมกำลังเต็มที่ หมายจะนำเนื้อสัตว์และอาหารทะเลที่อร่อยที่สุดกลับไป!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

  1. ปวดหัวกับมึง พูดว่า:

    ปญอ.เขาไม่ได้ชอบมึง จะอ้วกจริงๆไอฉากแสร้งทำบอกคนอื่นเหมือนรักกัน

  2. Nanthiya พูดว่า:

    ผญ.ทำไมไม่ปฏิเสธ เหมือนมัดมือชกเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท