“เฮ้อ…”
อินซอบมองรถที่จอดอยู่ในที่จอดรถพร้อมกับถอนหายใจยาวเหยียดออกมาอีกครั้ง และเข้าไปด้านในหลังจากที่สแกนลายนิ้วมือตรงประตูแล้ว พอเดินผ่านสวนและเปิดประตูหน้าบ้านเข้าไป เขาก็เผชิญหน้ากับอีอูยอนที่อาบน้ำเสร็จแล้วพอดี
“กลับมาแล้วเหรอครับ”
อีอูยอนที่มีผ้าเช็ดตัวพันเอวไว้เอ่ยถาม
“ครับ”
อินซอบไม่รู้ว่าจะเอาตาไปวางไว้ตรงไหนจึงหันหน้าไปด้านข้าง และเอากระดาษรองกาแฟที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตวางไว้บนโต๊ะ
“ผมบอกให้ไปด้วยกันไงครับ”
“ผมไปคนเดียว เพราะนี่เป็นเวลาออกกำลังของคุณน่ะครับ”
หากตื่นนอนแล้ว อีอูยอนจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงที่ห้องออกกำลังกายซึ่งอยู่ที่ชั้นใต้ดินก่อน
“ของที่จำเป็นหมดแล้วก็เลยจะไปจ่ายตลาดน่ะครับ”
“วันนี้เหรอครับ”
“ทำไมครับ มีนัดเหรอ”
อีอูยอนหรี่ตาลงเล็กน้อย อินซอบรีบส่ายหน้า
“ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วเราออกไปพร้อมกันนะครับ”
“…เข้าใจแล้วครับ”
อีอูยอนเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อ อินซอบถอนหายใจเบาๆ ช่วงนี้สิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดคืออีอูยอน
เขารู้ดีว่าทุกอย่างจะต่างไปจากเมื่อก่อนมาก อินซอบเองก็เตรียมพร้อมไว้แล้วเหมือนกัน แต่มันก็แตกต่างไปมากอยู่ดี หลังจากที่มาถึงเกาหลี อีอูยอนใช้เวลาอยู่แต่ที่บ้านโดยไม่มีงานอะไรเลยเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะกำลังปรับตัวกับความแตกต่างของเวลา พอผ่านไปแบบนั้นหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ยังเชื่อว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายยังต้องการปรับตัวอยู่ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สามสัปดาห์ และหนึ่งเดือนแล้วอีอูยอนก็ยังคงอยู่แต่ในบ้านโดยไม่มีงานอะไร ความกระวนกระวายใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
ถ้าไม่มีงานอะไรเข้ามาเลยจะทำอย่างไร หรือว่าทุกคนล้วนด่า หรือตำหนิอีอูยอนกันหมดแล้วหรือเปล่า
…ตอนนี้ถึงเวลาจะต้องทิ้งคอมเมนต์ไว้ในข่าวตามอินเทอร์เน็ตอย่างตั้งใจแล้วหรือเปล่า ที่ผ่านมาเขาจงใจไม่ดูอินเทอร์เน็ตเพราะกลัว และไม่เปิดโทรทัศน์ด้วย…
“คุณอินซอบ”
อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ
“ครับ?”
“ไปจ่ายตลาดพรุ่งนี้ได้ไหมครับ”
ในที่สุดก็มีนัดแล้วเหรอ
อินซอบกำลังจะรีบตอบว่าได้ครับ แต่อีอูยอนก็ถือหนังสือออกมา
“ได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้หรือยัง”
หนังสือเล่นนั้นเป็นผลงานใหม่ของนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เขาชื่นชอบซึ่งเพิ่งจะสั่งมาได้ไม่นาน พออินซอบส่ายหน้า อีอูยอนก็ยิ้มพร้อมกับชี้ไปที่โซฟา
“อ่านด้วยกันไหมครับ”
“…เข้าใจแล้วครับ”
แล้วอินซอบเดินไปที่โซฟาด้วยสภาพที่หมดอาลัยตายอยากเล็กน้อย
…
“ไม่สนุกเหรอครับ”
อีอูยอนที่พลิกหน้าหนังสือด้วยสภาพที่กอดอินซอบไว้จากด้านหลังเอ่ยถาม อินซอบสะดุ้งตกใจและเอ่ยตอบไปว่า “เปล่าครับ” อีอูยอนพับมุมหนังสือของหน้าที่กำลังอ่านอยู่ และวางลงบนโต๊ะ
“ถ้าคุณไม่มีสมาธิ เรามาทำอะไรลามกๆ กันดีไหมครับ”
อีอูยอนพูดสิ่งที่ฟังดูไม่เป็นเหตุเป็นผลกันออกมาราวกับเป็นเรื่องที่มีเหตุผล และใช้นิ้วอ้าปากของอินซอบ เขาสอดนิ้วเขาไปในปากที่อุ่นร้อนก่อนจะลูบไล้ไปมาและก้มลงมองอินซอบ
“คิดอะไรขนาดนั้นอยู่เหรอครับ”
“…ครับ?”
“ก็คุณไม่มีสมาธิอยู่กับหนังสือเลยนี่ครับ”
อีอูยอนใช้ฟันขบกัดต้นคอของอินซอบ จากนั้นก็กระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ถ้าคุณคิดถึงไอ้อีคนอื่นที่ไม่ใช่ผม การหยุดความคิดพวกนั้นเดี๋ยวนี้น่าจะดีกว่านะครับ”
“…”
อินซอบส่ายหน้า ตอนนั้นเองอีอูยอนถึงได้ถอนนิ้วออกจากปากของอินซอบ
“งั้นคิดอะไรอยู่เหรอครับ”
“…ผมกังวลใจนิดหน่อยน่ะครับ ถึงแผนการในอนาคต…”
อีอูยอนเช็ดน้ำลายที่เปื้อนปากของอินซอบ และเร่งให้อีกฝ่ายพูดต่อด้วยการถามว่า “แผนแบบไหน”
“ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม เพราะยังอยู่ในช่วงเปิดเทอม แต่ผมคิดว่าจะหาเงินด้วยการสอนพิเศษครับ ผมน่าจะพอสอนพวกคลาสเรียนสนทนาได้อยู่ ยังไงก็จะต้องหาเงินให้ได้ก่อนครับ”
“…”
อีอูยอนมองอินซอบที่กำลังพรีเซนต์แผนการในอนาคตอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าสนอกสนใจ
“เพราะฉะนั้นคุณอีอูยอนไม่ต้องร่วมแสดงในผลงานที่ไม่ชอบก็ได้ครับ ถ้ารอโอกาสจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“ห้ามเล่นบท หรือผลงานแปลกๆ เด็ดขาดเลยนะครับ”
อินซอบจ้องเขม็งราวกับกำชับอีกครั้ง
“อ้อ แล้วถ้า…”
“ผมจะไม่เล่นครับ แต่ถ้าไม่ได้รับบทที่ถูกใจเลยจะทำยังไงล่ะ”
ได้ยินอีอูยอนถามดังนั้น อินซอบก็กัดริมฝีปากล่างเบาๆ ก่อนจะปล่อยออก และทำสีหน้าเด็ดขาดที่สุดในโลก
“ผมจะหาเงินมาให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ คุณอีอูยอนเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นคุณไม่มีความจำเป็นต้องลดคุณค่าของตัวเองเลยครับ”
…คำพูดของคนสามารถทำให้ไอ้นั่นแข็งได้เลยเหรอ
อีอูยอนตอบว่า “ได้ครับ” ก่อนจะซบหน้าของตัวเองลงกับไหล่ของอินซอบ แก่นกายที่ตื่นตัวตั้งแต่เมื่อกี้ปวดหนึบ
“คุณอินซอบ”
อีอูยอนเอ่ยเรียกชื่อของอีกฝ่ายราวกับจะออดอ้อน
“ครับ”
“ผมอยากอมไอ้นั่นของคุณอินซอบ ได้ไหมครับ”
พอหัวข้อสนทนากระโดดจากเรื่องราวในชีวิตไปอย่างกะทันหัน ดวงตาของอินซอบที่มึนงงอยู่ไม่น้อยเริ่มสั่นไหว
“ไม่อยากทำ เพราะผมเป็นดาราที่ขายไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ได้แบบนั้นเลย”
อินซอบโบกมือทั้งสองข้างไปมา และปลดกระดุมกางเกงออกราวกับจะยืนยันถึงความจริงใจของตน
รอยยิ้มปรากฏอยู่ในดวงตาของอีอูยอน อินซอบน่ารักจริงๆ เขากดไหล่ของอินซอบให้นั่งลงบนโซฟา และกระซิบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด
“งั้นก็ช่วยถอดกางเกงในออก และอ้าขาให้ด้วยครับ เอาให้ผมเห็นช่องทางนั้นของคุณ”
***
“หะ ให้ผมไปส่งไหมครับ”
ในวันที่อีอูยอนใส่สูทและบอกว่ามีนัดแคสติ้งงาน อินซอบก็ส่งเสียงเอะอะโดยไม่รู้ตัว และเอ่ยถามแบบนั้น
“เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้วครับ”
“แต่การมีผู้จัดการส่วนตัวมันดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ”
อินซอบกังวลอย่างมากว่าถ้าไม่มีคนอยู่ข้างๆ จะมีคนกระซิบกระซาบกันว่าเป็นดาวดับไปแล้วหรือเปล่า รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ดวงตาได้รูปของอีอูยอน
“ไม่ต้องเป็นห่วงมากนักหรอกครับ เพราะหัวหน้าทีมชาบอกว่าจะมา”
อินซอบพยักหน้า
“กังวลเหรอครับ”
อีอูยอนเลือกเน็กไทพลางเอ่ยถาม
“เปล่าครับ ไม่ได้กังวล …ผมว่าเน็กไทที่อยู่ข้างๆ เน็กไทเส้นนั้นเข้ากับสูทตัวนี้มากกว่านะครับ”
อินซอบเสนอเน็กไทเส้นอื่นให้อย่างระมัดระวัง อีอูยอนหยิบเน็กไทที่อินซอบเลือกให้มาพาดไว้ที่ลำคอก่อนจะเริ่มผูก
“ขอผมเช็กความเรียบร้อยสักนิดได้ไหมครับ”
อินซอบช่วยจัดทรงของเน็กไทให้และจัดเสื้อผ้าของอีอูยอนให้เรียบร้อย รอยยิ้มจางๆ ยังคงอยู่ในดวงตาของอีอูยอนที่มองอินซอบที่เต็มไปด้วยความกังวล
“งั้นเดี๋ยวผมกลับมานะครับ”
อีอูยอนเอ่ยลาอินซอบจากประตูหน้าบ้าน
“คุณอูยอน”
อินซอบเอ่ยเรียกเขาไว้ จากนั้นก็กอดอีกฝ่ายเต็มแรงและพูดคำที่คิดเอาไว้
“ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี เพราะฉะนั้นอย่ากังวล แล้วก็ทำให้ดีนะครับ”
“ครับ”
อีอูยอนตอบรับอย่างว่าง่ายราวกับเป็นเด็กที่เชื่อฟัง
“ทักทายโปรดิวเซอร์กับคนเขียนบทดีๆ ด้วยนะครับ”
คำพูดนั้นฟังดูเหมือนเป็นคำพูดของประธานบริษัทที่กำลังจะส่งนักแสดงหน้าใหม่ออกไปทำงาน
“ผมจะพยายามทำให้ดูดีนะครับ ขอบคุณครับ”
อีอูยอนกดจูบลงบนแก้มของอินซอบ และออกจากประตูบ้านไป
อินซอบก้มมองมือของตัวเองที่สั่นเทาด้วยความกังวล และตบแก้มตัวเองอยู่สองสามที
“จะต้องเป็นไปด้วยดี คุณอีอูยอนต้องแคสติ้งผ่านอย่างแน่นอน”
…แต่ถ้าไม่ผ่านจะทำยังไงล่ะ
อินซอบส่ายหน้า การคิดแง่ลบแบบนี้ก่อนที่จะไปแคสติ้งเป็นเรื่องต้องห้าม
อินซอบเริ่มทำความสะอาด การขยับร่างกายในตอนที่คิดฟุ้งซ่านเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หลังจากทำความสะอาดเสร็จและกำลังลูบจอห์นอยู่นั้น อินซอบก็คิดว่ามีอะไรที่ตัวเองจะสามารถทำให้อีอูยอนได้บ้าง
“ใช่แล้ว!”
พออินซอบลุกขึ้นอย่างกะทันหัน จอห์นก็กระโดดลงไปบนพื้นด้วยความตกใจ
“ขอโทษนะจอห์น แต่เดี๋ยวฉันมา”
เขาตบหลังจอห์นเป็นสิบครั้งก่อนจะคว้ากระเป๋ากับกุญแจรถและรีบออกไปข้างนอก เขาขับรถเข้าไปในเมือง และกลับบ้านหลังจากที่ซื้อเค้ก ดอกไม้ และลูกโป่งเสร็จ
เขาเขียนตัวหนังสือลงในกระดาษอย่างประดิดประดอยก่อนจะแปะลงไป จากนั้นก็ปักเทียนลงบนเค้กและยกขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ห่อไว้แล้ว
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเขาก็อยากจะแสดงความยินดี อินซอบนั่งลงที่โซฟาและรออีอูยอนด้วยความกระวนกระวาย เหงื่อเย็นๆ ซึมออกมาที่มือที่กำลังลูบหางของจอห์นอยู่
ผ่านไปไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงเท้าจากด้านนอก อินซอบจุดเทียนที่เค้ก และถือช่อดอกไม้รออีอูยอน
อีอูยอนเปิดประตูบ้านและเดินเข้ามาด้านในก่อนจะชะงักไป
“นี่มัน…”
อินซอบยื่นช่อดอกไม้ให้ อีอูยอนครางรับในลำคอและยิ้มกว้างอย่างเต็มที่
“ทำดีมากครับ”
อินซอบกางแขนทั้งสองข้างออกและกอดอีอูยอนไว้แน่น อีอูยอนก้มหน้าลงฝังจมูกกับซอกคอของอินซอบและสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด พออีอูยอนทำแบบนั้นและไม่ยอมพูดอะไรเลยอยู่สักพัก อินซอบก็กลืนน้ำลาย
“…ไม่เป็นไรนะครับ ครั้งหน้าจะต้องดีกว่าเดิมแน่นอน”
“ขอบคุณนะครับ นี่เป็นพลังให้ผมได้จริงๆ”
อีอูยอนตอบรับการปลอบโยนที่อ่อนโยนของคนรักด้วยน้ำเสียงที่ซาบซึ้งที่สุด
“ดับเทียนได้หรือยังครับ”
คำถามของอีอูยอนทำให้อินซอบบอกว่า “เดี๋ยวก่อนครับ” และหยิบพลุกระดาษมา
“ฮ่าๆๆ ต้องยิงพลุกระดาษด้วยเหรอครับ”
“ก็ต้องใช้ของที่ได้รับมาให้หมดสิครับ”
อินซอบยืดแขนออกห่างจากตัวให้มากที่สุดก่อนจะดึงเชือกของพลุกระดาษที่ได้รับมาตอนซื้อเค้ก และวินาทีที่เศษกระดาษปลิวไปในอากาศพร้อมกับเสียงดัง ปุ้ง!
“เหมียว!”
แมวที่นั่งเงียบๆ อยู่บนโซฟาก็กระโดดขึ้นกลางอากาศด้วยความตกใจ อินซอบที่ไม่ได้นึกถึงจอห์นเลยสักนิดหันกลับไปมองด้วยความตกใจ และในขณะเดียวกันเท้าหน้าของจอห์นที่ก้าวลงบนโต๊ะก็เหยียบเข้ากับรีโมท
‘ดิฉันเพิ่งออกมาจากสถานที่จัดงานแถลงข่าวการสร้างละครเรื่อง ‘ทั้งหมดที่คุณปรารถนา’ ซึ่งเป็นละครเรื่องใหม่ของบริษัท KNY ที่สตูดิโอแห่งหนึ่งย่านนนฮยอนเมื่อช่วงบ่ายวันนี้เองค่ะ เดิมทีผลงานชิ้นนี้เป็นเพียงการรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ของนักเขียนโจยุนยองให้เป็นผลงาน แต่ก็ได้รับความสนใจจากชาวโลกอย่างล้นหลามในตอนที่แจ้งว่าอีอูยอนที่จะคัมแบ็กในรอบสองปีได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงนำชายในเรื่องนี้ค่ะ’
ผู้สื่อข่าวของรายการบันเทิงถือไมค์และพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น อินซอบมองหน้าจอโทรทัศน์ด้วยสีหน้าเหม่อลอย
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
‘ตามที่เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ คุณอีอูยอนได้ช่วยเหลือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเอกชนโดยไม่ประสงค์ออกนะ…’
มือที่ยื่นมาจากด้านหลังหยิบรีโมทขึ้นมาและกดปิดโทรทัศน์
“วันนี้ผมแคสติ้งเป็นพระเอกผ่านอย่างโชคดีเลยครับ”
“…”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณอินซอบนะครับ”
อีอูยอนพูดคำพูดที่ไม่น่าเชื่อออกมาไม่ยอมหยุด
“…ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เมื่อไรเหรอครับ”
“อืม ก่อนที่จะกลับมาเกาหลี”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกล่ะครับ”
“ก็คุณอินซอบไม่ได้ถาม?”
“…”
อินซอบไม่พูดถึงเรื่องงานตั้งแต่แรก เพราะกลัวว่าจะสร้างความเครียดให้กับอีอูยอน
“ไม่แสดงความยินดีแล้วเหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามอินซอบที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อินซอบพูดว่า “ยินดีด้วยครับ” พร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดอีอูยอนเอาไว้ ผ่านไปไม่นานเสียงร้องไห้ของอินซอบที่กำลังสะอื้นก็ดังขึ้น ความกังวลคลายไปในทันที
“ร้องไห้เหรอครับ เกลียดผมไปแล้วหรือเปล่าครับเนี่ย”
“…ทำเกินไปแล้วนะครับ”
“งั้นก็ตีเท่าที่เกลียดเลยครับ ผมจะรับไว้เอง”
อินซอบยกมือขึ้นมาทุบหลังของอีอูยอนอย่างแผ่วเบา ไหล่ของเขาสั่นเล็กน้อยจากการหัวเราะ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเป่าเทียนให้ดับ
“ยินดีด้วยครับ”
อินซอบพูดอีกครั้งด้วยเสียงที่ติดสะอื้นเล็กน้อย
“ทุกอย่างเป็นเพราะคุณอินซอบครับ เพราะฉะนั้นวันนี้…”
จากนั้นอีอูยอนก็เริ่มกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของอินซอบ ผ่านไปไม่นานหูของอินซอบก็แดง แมวแกว่งขาหน้าไปมากลางอากาศอยู่สองสามทีเพื่อจับควันที่ลอยขึ้นมาจากเทียน จากนั้นก็หมดความตื่นเต้นและหาววอด
และนี่ก็คือวันที่พิเศษกว่าวันที่ผ่านไปอย่างเรียบง่ายเล็กน้อย