เวลานี้เหยาฝูไม่สามารถแม้แต่จะเข้าไปในห้องของพระชายา แต่นางยืนรับใช้อยู่นอกประตู ไม่สนใจการพูดคุยและการเยาะเย้ยของเหล่านางใน
การรับมือกับหญิงสาวต้องไร้ยางอาย แต่การรับมือกับชายหนุ่มต้องรู้รุกรู้ถอย
ตราบใดที่นางยังสามารถยืนอยู่ในพระตำหนักขององค์รัชทายาทได้ ไม่สำคัญว่าจะได้ยืนอยู่ข้างพระชายาหรือไม่ ดู เพียงแค่ยืนอยู่นอกประตูนางก็รู้ได้ว่า เฉินตันจูเข้าวังอีกแล้ว อีกทั้งยังได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท
แม้ว่าฝ่าบาททรงโกรธและขับไล่เฉินตันจูออกไปอีกครั้ง อีกทั้งยังทรงโกรธที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กปกป้องเฉินตันจู เหล่าขันทีเก็บกวาดเศษหินฝนหมึกจากภายในตำหนัก หลังจากที่ฮ่องเต้โยนมันลงพื้น
แต่เสียดายที่ฮ่องเต้เพียงแค่ขับไล่เฉินตันจูออกไป ไม่ได้ขับไล่ออกจากเมืองหลวง
เหยาฝูแค้นจนปวดใจ ภายในมีเสียงวางถ้วยน้ำชาอย่างแรงจากพระชายา
พระชายาก็โกรธมากเช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้ฮ่องเต้จะด่าเฉินตันจู อีกทั้งโกรธแม่ทัพหน้ากากเหล็ก แต่หลังจากนั้นองค์หญิงจินเหยาและองค์ชายสามเดินทางมา ฮ่องเต้ยังเรียกทั้งสองคนเข้าไปพูดคุย จากนั้นฮ่องเต้ยังติดตามองค์ชายสามไปดูความคืบหน้าของกลยุทธ์การประลองคัดเลือกขุนนาง
“คนที่เกลือกกลั้วกับเฉินตันจู เหตุใดฝ่าบาทจึงให้ความสำคัญกับองค์ชายสามมากนัก” พระชายาขมวดคิ้ว
องค์รัชทายาทไม่ได้อยู่ในตำหนัก องค์ชายห้านั่งขัดเล็บอยู่ด้านข้าง “ท่านพี่ อย่าได้พูดประโยคนี้กับองค์รัชทายาท อย่าได้กวนอารมณ์เขา”
พระชายาถอนหายใจเบาๆ “ข้าย่อมไม่บอกเรื่องนี้แก่เขา เวลานี้เขากำลังยุ่งอยู่กับสิ่งที่ฝ่าบาททรงมอบหมาย ไม่สามารถแสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมาได้”
องค์ชายห้าพยักหน้า “เช่นนั้นย่อมดี เสด็จพ่อไม่ได้ให้ความสำคัญองค์ชายสาม เพียงแต่สงสารเขาเท่านั้น”
สงสารเขา เพียงแค่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เข้มงวดก็พอแล้ว แต่ทรงมอบหมายงานให้เขาคงไม่ใช่เพียงแต่สงสารเท่านั้น พระชายาคิดในใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินฮ่องเต้ยังตำหนิองค์ชายสาม เพราะว่ากลยุทธ์การคัดเลือกมีบางส่วนไม่เหมาะสม
การถูกฮ่องเต้เข้มงวดย่อมเป็นการให้ความสำคัญอย่างหนึ่ง
“ได้ยินว่าระยะนี้อาการไอรุนแรงขึ้นอีกแล้ว” องค์ชายห้าพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านพี่ ไม่ต้องกังวล อย่างไรพี่สามก็เป็นคนป่วย”
ดังนั้นองค์ชายสามจึงไม่แต่งงาน แต่งงานไปแล้วจะให้กำเนิดโอรสได้หรือไม่ยังไม่แน่ ไม่ว่าเทียบจากมุมใด ล้วนพ่ายแพ้องค์รัชทายาท พระชายาสูดหายใจเข้าลึกๆ ถอนหายใจต่อองค์ชายห้า “ข้าไม่ได้กังวลสิ่งใด ข้าแค่รู้สึกว่าเวลานี้ย้ายมาเมืองหลวงใหม่ พี่น้องเหล่านี้แตกต่างไปจากแต่ก่อนแล้ว”
องค์ชายห้ายิ้ม “มีสิ่งใดต่าง ไม่ว่าต่างอย่างไร ก็ยังเป็นพี่น้องกัน ข้าเบื่อที่ถูกขังอยู่ในพระราชวัง อากาศนับวันยิ่งอบอุ่นขึ้น พี่น้องอย่างพวกเราควรต้องรวมตัวกันแล้ว”
พระชายาไม่พอใจเล็กน้อย ฮองเฮาเคยสั่งสอนเขา เวลานี้ นอกจากไม่สามารถช่วยองค์รัชทายาทได้ ยังคิดแต่จะหาความรื่นรมย์ “ระยะนี้ในราชสำนักมีเรื่องมากมาย เจ้าอย่าทำตัวเหลวไหล ทำให้ฝ่าบาททรงโกรธ”
องค์ชายห้ากล่าว “ข้าไม่ทำอันใด เสด็จพ่อชื่นชอบที่จะเห็นพี่น้องอย่างพวกเรารักกัน” พูดพลางลุกขึ้น “ท่านพี่ไม่ต้องห่วง ข้าไปหาโจวเสวียน ให้เขาออกหน้า เสด็จพ่อจะยิ่งดีใจ”
ก็จริง เพราะว่าโจวเสวียนไร้บิดา ฮ่องเต้จึงรู้สึกว่าเขาขาดแคลนบิดา ปล่อยให้โจวเสวียนเหิมเกริม แม้แต่เหล่าองค์ชายก็ไม่อยู่ในสายตา อีกทั้งยังให้เขาถือครองอำนาจทางการทหาร ตามที่องค์รัชทายาทกล่าว ฮ่องเต้มีเจตนาให้โจวเสวียนรับช่วงต่อจากแม่ทัพหน้ากากเหล็ก
หากเป็นเช่นนี้ โจวเสวียนยังคงต้องดึงเอาไว้ องค์ชายห้าสนิทกับเขาเป็นเรื่องดี ฮองเฮาก็ต้องการให้จินเหยาแต่งงานกับโจวเสวียน
“เจ้าไปเถิด” พระชายาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีงานเลี้ยงในวังมานานแล้ว”
ได้ยินว่าตอนนั้นงานเลี้ยงในพระราชวังของท่านอ๋องอู๋มีเกือบทุกวัน ตามการจากไปของฤดูหนาว ทิวทัศน์ในพระราชวังก็งดงามขึ้นเรื่อยๆ สมควรแก่การมีงานรื่นรมย์ ขับไล่บรรยากาศตึงเครียดของในหลายวันนี้เสียหน่อย
องค์ชายห้าจากไป พระชายามองเหยาฝูที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟัง ถามนางในคนสนิท “หลายวันนี้ นางได้ไปพบองค์รัชทายาทหรือไม่”
นางในส่ายหัวเบาๆ “ไม่เพคะ” ยิ้มขึ้น “จะว่าไป เพราะว่าความประมาทของนาง ถึงได้มีปลาที่หลุดจากแหอย่างเฉินตันจู เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้นได้ ทำให้องค์รัชทายาทได้รับความเดือดร้อน นางยังกล้าไปหาองค์รัชทายาทอีกหรือเพคะ”
แต่องค์รัชทายาทไม่ได้รับสั่งให้ขับไล่เหยาฝูไป พระชายาคิดในใจ บีบถ้วยน้ำชาแน่น ก่อนจะกำชับนางในคนสนิท “เจ้าไปถามองค์รัชทายาท ต้องส่งนางกลับไปหรือไม่”
“องค์รัชทายาทตรัสว่าไม่ต้องเพคะ” นางพูดเสียงเบา มองไปยังเหยาฝูที่ยืนนิ่งอยู่ด้านนอก “องค์รัชทายาทรับสั่งว่า คุณหนูสี่ยังมีประโยชน์”
…
นางในของพระชายาจากไปไม่นาน ฝูชิงก็เข้ามา พูดกับองค์รัชทายาทที่ทรงงานเสียงเบา
พู่กันที่ถืออยู่ในมือขององค์รัชทายาทชะงักไป “เสด็จแม่ เตรียมการไว้แล้วหรือ”
ฝูชิงพยักหน้า
องค์รัชทายาทไม่ได้พูดสิ่งใดอีก ก้มหน้าตรวจฎีกาต่อ
ฝูชิงถอยออกไปอย่างเงียบๆ ราวกับว่าเขาไม่เคยเข้ามา
ทางฮ่องเต้มีเรื่องวุ่นวายใจอย่างต่อเนื่อง เขานำฎีกาให้องค์รัชทายาททั้งหมด แต่ละวันนอนอยู่ในห้องทรงพระอักษร ภายในพระราชวังไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน ส่วนนอกพระราชวัง เฉินตันจูถูกขับไล่ออกไป ย่อมไม่กล้ามาอีก
ขันทีจิ้นจงนำอาหารมากมายเข้ามา อีกทั้งยังเรียกผู้แสดงเข้ามาดีดพิณ ให้ฮ่องเต้ได้ดื่มด่ำเล็กน้อย
ฮ่องเต้นอนอยู่บนเตียง หลับตาลง พลางฟังพิณ พลางกินอาหารคำสองคำ ดูไม่มีอารมณ์สุนทรีนัก
“ฝ่าบาท ทรงทอดพระเนตรสิ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ” จิ้นจงนำจานเล็กมาวาง “สิ่งนี้คือซานจาเคลือบน้ำตาลที่องค์ชายสามเคยทำ”
ฮ่องเต้ลืมตาขึ้น ก่อนจะเห็นไม้ไผ่สามไม้ แต่ละอันมีผลซานจาสองลูก จึงหยิบขึ้นมาไม้หนึ่ง กัดเข้าไปหนึ่งคำเพื่อลิ้มรส พยักหน้าด้วยความพอใจ “ไม่เลว ไม่เลว” แต่เมื่อคิดว่าของดีเช่นนี้ องค์ชายสามทำให้เฉินตันจู ก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง กินหมดไปหนึ่งไม้อย่างโกรธแค้น ก่อนจะนอนลงถอนหายใจ “แต่ละคน ล้วนทำเรื่องให้ข้าวุ่นวายใจนัก”
ขันทีจิ้นจงกลั้นหัวเราะ “ฝ่าบาทปล่อยใจให้กว้าง ท่านแม่ทัพบอกแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ได้ยอมรับจริง หากแต่เฉินตันจูเรียกเอง คนอย่างคุณหนูตันจูทำเรื่องเช่นนี้ก็ไม่แปลกใจนัก”
ฮ่องเต้เย้ยหยัน “เรียกเอง? ถ้าเขาไม่ยินยอม ผู้ใดสามารถบังคับเขาได้ ข้าไม่รู้จักคนอย่างเขาหรือ…”
ขันทีจิ้นจงรีบส่งมาอีกหนึ่งไม้ “ฝ่าบาท ท่านเสวยอีกหนึ่งไม้ ใช้ผลซานจาที่องค์ชายสามเก็บเอาไว้ พวกเราเสวยให้หมดพ่ะย่ะค่ะ”
คราวหน้าดูว่าเขาจะทำซานจาเคลือบน้ำตาลให้ผู้อื่นได้อีกอย่างไร ฮ่องเต้คิดว่าเป็นความคิดที่ดี จึงหยุดโกรธแล้วรับไป ขณะที่กำลังกิน ขันทีนอกประตูก็ทูลกระซิบ “ท่านโหวมาพ่ะย่ะค่ะ”
ลืมไปเลย นอกจากเฉินตันจูที่อยู่นอกพระราชวังแล้ว ยังมีโจวเสวียนด้วย ดูสิ่งที่เหล่าขันทีทูล ไม่ใช่ขอเข้าเฝ้า หากแต่มาถึงแล้ว
ฮ่องเต้เกือบจะกลืนลูกซานจาอีกครึ่งหนึ่งลงไปทันที แต่โชคดีที่ขันทีจิ้นจงห้ามเอาไว้ทัน ฮ่องเต้จึงคายออกมา ทางโจวเสวียนเดินทางมาถึงด้านนอกประตูแล้ว ฮ่องเต้เรียกให้เขาเข้ามา เขาจึงก้าวเท้าเข้ามา
“ฝ่าบาท พระองค์เป็นอันใดหรือไม่” โจวเสวียนเดินเข้ามาพร้อมกระแสลม “เฉินตันจูทำให้พระองค์ทรงโกรธอีกแล้วหรือ กระหม่อมบอกแล้ว อย่าปล่อยนาง ให้กระหม่อมขับไล่นาง…”
ฮ่องเต้โบกมืออย่างโกรธเคือง “พอเถิด พอเถิด เจ้าไม่สร้างปัญหาให้ข้า ข้าก็ไม่โกรธแล้ว”
โจวเสวียนนั่งลงด้านข้าง “ฝ่าบาท กระหม่อมสร้างปัญหาที่ใดกัน กระหม่อมแบ่งเบาความทุกข์ให้พระองค์เสมอมา สิ่งนี้คืออันใด” เขาชี้ไปยังผลซานจาอีกไม้ที่เหลืออยู่ในจาน “ผลซานจาเคลือบน้ำตาลหรือ กระหม่อมลองชิมดู” พูดพลางหยิบขึ้นมา กลืนลงไปสองลูกในหนึ่งคำ ทั้งพยักหน้าทั้งส่ายหัว “หวานเกินไป ฝ่าบาทอย่าเสวยสิ่งนี้มากเกินไป ผลซานจากินสดอร่อยที่สุด”
ฮ่องเต้มองจานที่ว่างเปล่า คิดในใจว่าไม่มีผลสดให้กินอีกแล้ว เอาเถิด เขาถาม “เจ้ามาทำอันใด”
โจวเสวียนพูดด้วยความร่าเริง “กระหม่อมอยากจัดงานเลี้ยง จวนโหวเสร็จสิ้นหลายวันแล้ว เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว สามารถนำออกมาโอ้อวดได้แล้ว”