ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 Side Story 3-2

ภาค 2 เล่ม 4 Side Story 3-2

“…”

เขาลืมตาขึ้น ความฝันที่ฝันถึงเมื่อกี้ทำให้ต้องใช้เวลาสักพักในการประมวลผลว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน เขามองไปรอบๆ ก่อนจะรับรู้ได้ว่าที่นี่คือคฤหาสน์ที่เพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นาน รอบๆ ตัวมืดสนิท เพราะเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว

อีอูยอนลุกขึ้นไปปิดเครื่องเล่นเพลง ในขณะที่เดินผ่านทางเดินไปและกำลังจะเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นก้อนขนหมอบอยู่หน้าประตูห้องของอินซอบ พอสบตากัน แมวก็รีบหนีไปไม่ต่างอะไรจากปกติ

อีอูยอนนึกถึงคำขอร้องของอินซอบ เขาจึงหยิบขวดน้ำแร่ขึ้นมา และเติมน้ำให้ก่อนจะเทอาหารลงในชามข้าวในขณะที่แมวเดินเข้าไปในห้อง

เขามองนาฬิกา

ตอนนี้ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันเลยด้วยซ้ำ

***

“นายเป็นอะไรถึงได้ชวนให้เมาดื่มด้วยกัน”

“ดื่มไม่ได้เหรอครับ”

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ…”

กรรมการผู้จัดการคิมเหลือบมองนาฬิกา

“รอใครอยู่เหรอครับ”

อีอูยอนเอาแก้วเหล้าเข้ามาตรงริมฝีปากก่อนจะเอ่ยถาม

“…เดี๋ยวจะไปเจอกันหัวหน้าทีมชาน่ะ”

“ฮ่าๆๆ”

อีอูยอนหัวเราะ กรรมการผู้จัดการคิมจึงถามว่า “หัวเราะทำไม”

“เปล่า ตัวติดกันขนาดนั้นแล้วยังจะไปเจอกันตอนเย็นวันศุกร์อีกเหรอครับ เหมือนผัวเมียกันเลยไม่ใช่หรือไง แค่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากันเท่านั้นเอง หรือว่าทำเรื่องอย่างว่ากันไปแล้วนะ”

“หยุด! นายกำลังพูดให้คนอื่นเขาเสียโอกาสในการแต่งงานนะ”

“นี่ก็เป็นช่วงวัยที่หมดโอกาสในการแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

อีอูยอนมองกรรมการผู้จัดการคิมพร้อมกับเอ่ยขัด

“…ฉันที่ออกมาดื่มเหล้าด้วยทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านายเป็นคนแบบนี้นี่เสียสติไปแล้วจริงๆ ด้วย”

กรรมการผู้จัดการคิมครวญครางด้วยความทุกข์ก่อนจะดื่มเหล้าจนหมดแก้ว

“ผมอ่านบทที่ส่งมาให้หมดแล้วนะครับ”

“เป็นไงบ้าง ใช้ได้หมดเลยใช่ไหมล่ะ”

“ก็ไม่แย่ครับ”

ดวงตาของกรรมการผู้จัดการคิมที่ได้ยินคำตอบของอีอูยอนเป็นประกายด้วยความชอบใจ

“ใช่ เพราะมันดีจริงๆ พักแล้วจะทำอะไรล่ะ รีบเล่นผลงานชิ้นใหม่เถอะ ทำงานหนักเหมือนวัวเหมือนควายให้เท่ากับช่วงเวลาว่างที่ยาวนานเพื่อตอบแทนความรักของแฟนๆ ไง”

“ผมก็ทำงานหนักเหมือนวัวเหมือนควาย และเติมเงินเข้าไปในบัญชีของกรรมการผู้จัดการแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“…”

“ผมก็บอกไปแล้วไงครับ ว่าในหนึ่งปีผมจะเล่นละครหรือหนังแค่หนึ่งเรื่องเท่านั้น”

“เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้ถามว่านายพูดบ้าอะไรไง! ทำไมต้องมีผลงานแค่หนึ่งเรื่องต่อปีด้วย นายไม่ถ่ายโฆษณา แล้วก็ไม่ให้สัมภาษณ์ด้วย ไม่มีความคิดที่จะหาเงินเลยหรือไง”

“ต่อให้ไม่หา ผมก็มีเยอะอยู่แล้วครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมสลดใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนได้ยินคำพูดที่บอกว่าต่อให้ซื้อเฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นไป ก็อย่าขับเกินหนึ่งกิโลเมตรต่อวัน

“ถ้ามีเงินเยอะขนาดนั้นก็แบ่งมาสิ ไม่ต้องเอาไปบริจาคให้ที่ที่ไร้ประโยชน์หรอก”

“ก็มีเรื่องที่ต้องใช้หมดแล้วไงครับ”

“มีเรื่องที่ต้องใช้อะไรถึงได้บริจาคให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไปห้าพันล้านวอน…นี่ ไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหม”

อีอูยอนไม่ตอบอะไร และรินเหล้าใส่แก้วเหล้า

“ไอ้บ้า เพราะอินซอบ นายเลยเอาเงินทั้งห้าพันล้านวอนนั่นไปให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอ”

อีอูยอนไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ชเวอินซอบถูกทิ้งไว้ และบริจาคเงินให้ แม้จะเป็นข้อมูลที่ใช้เพื่อพิสูจน์กับศาลว่าตัวเองมีสติครบถ้วนเป็นปกติดี แต่เขาคิดว่าอยากให้เงินที่ไหนๆ ก็จะทิ้งอยู่แล้วกับสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับชเวอินซอบแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม เนื่องจากมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องบริจาคหรือเรื่องการเป็นอาสาสมัครมาก่อน เขาจึงไม่รู้สึกถึงความภาคภูมิใจ แม้จะส่งเงินไปให้ก็ตาม

“ถ้าคนทั้งโลกมีความรักแบบนาย เพื่อนบ้านที่ลำบากคงหายไปหมดแน่”

“แล้วคนทั้งโลกเขามีความรักกันยังไงเหรอครับ”

“ก็จะยังไงล่ะ ก็อย่างปกติ…”

กรรมการผู้จัดการคิมรีบหุบปาก การอธิบายมาตรฐานของความปกติให้อีอูยอนฟังเป็นการกระทำที่ไร้ความหมายเหมือนกับจับหนูตะเภามารวมกันแล้วอธิบายเรื่องสมการยกกำลังสองให้ฟัง

“ก็ต้องทำอย่างพอดีๆ น่ะสิ”

กรรมการผู้จัดการคิมพูดอย่างกำกวม จากนั้นความคิดหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในหัว เขาจึงเอ่ยถามว่า “แล้วอินซอบล่ะ”

“ไปเที่ยวครับ”

“กับใคร”

“กับพ่อแม่ครับ”

“อาฮ่า เพราะอย่างนั้นนายถึงเรียกฉันมาในคืนวันศุกร์สินะ ฮ่าๆๆ อีอูยอนดับแล้วจริงๆ สินะ คนที่จะเจอในวันศุกร์ถึงได้มีแค่ฉันคะ…”

“ขอโทษนะคะ”

สาวสวยที่สวยพอจะทำให้ตาตั้งได้เดินมาที่โต๊ะและเอ่ยทัก กรรมการผู้จัดการคิมรีบปรับท่าทางให้ดูดีและทำสีหน้าอ่อนโยน

“ครับ มีธุระอะไรเหรอครับ”

“ถ้าไม่ว่าอะไร ขอถ่ายรูปกับคุณอีอูยอนสักรูปได้ไหมคะ”

“ขอโทษนะครับ ผมกำลังดื่มเหล้ากับคนรู้จักอยู่ เอาไว้ถ้ามีโอกาส ตอนนั้นผมจะถ่ายรูปด้วยนะครับ”

อีอูยอนพูดคำตอบที่เหมือนกับฝังโปรแกรมเอาไว้ และยิ้มอย่างสุภาพ

“งั้นโอกาสหน้าคือเมื่อไรเหรอคะ”

“ครับ?”

“ฉันอยากจะหาโอกาสหน้าเพื่อเจอกับคุณอีอูยอนน่ะค่ะ”

หญิงสาวเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายอย่างมั่นใจ นอกจากจะเป็นหญิงสาวที่สวยพอจะทำให้คนที่อยู่ในร้านมองเธอกันเป็นตาเดียวแล้ว การแต่งตัว และท่าทางก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย เธอหยิบนามบัตรของตัวเองออกมาจากกระเป๋าสตางค์ และวางลงบนโต๊ะ

“ติดต่อมานะคะ”

พอหญิงสาวจากไป กรรมการผู้จัดการคิมก็อ่านนามบัตร และทำตาลุกวาว

“เป็นผู้บริหารของซอนมยองกรุ๊ปด้วยอายุเท่านั้นน่ะเหรอ นามบัตรปลอมหรือเปล่าเนี่ย”

“หลานสาวของท่านประธานของซอนมยองกรุ๊ปไงครับ ไม่รู้จักเหรอ”

“แล้วนายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง”

“อ่านข่าวปัจจุบัน หรือนิตยสารเรื่องเศรษฐกิจสักสองสามเล่มก็น่าจะรู้จักแล้วนะครับ”

“โอ้ อย่างนั้นเหรอ”

ในขณะที่กรรมการผู้จัดการคิมกำลังชื่นชม อีอูยอนก็หยิบนามบัตรขึ้นมา และฉีกออกเป็นสองส่วนก่อนจะโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี

“เฮือก น่าเสียดายออก…รับมาเก็บไว้เฉยๆ ก็ได้นี่ ไม่สิ นี่จะเป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของนายเลยนะ”

ซอนมยองกรุ๊ปเป็นกิจการขนาดใหญ่ที่อยู่ในสิบอันดับของแวดวงเศรษฐกิจในเกาหลี อีอูยอนสูดลมหายใจเข้าไปก่อนจะเอ่ยตอบ

“ไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณอินซอบขี้หึงมาก”

“อินซอบน่ะเหรอ ฮ่าๆๆๆ พูดไร้สาระอะไรน่ะ บอกว่าชเวอินซอบขี้หึงงั้นเหรอ?”

อีอูยอนกรอกเหล้าเข้าปากโดยไม่พูดอะไร

“ไม่ใช่สิ่งที่นายคิดไปเองคนเดียวหรอกเหรอ บอกว่าชเวอินซอบที่แสนประเสริฐขี้หึงอย่างนั้นเหรอ หมาที่เดินผ่านคงได้หัวเราะแน่”

“โอ๊ะ!”

อีอูยอนทำตาโตก่อนจะชี้ไปที่ด้านนอก กรรมการผู้จัดการคิมเอ่ยถามว่า “มีอะไร” และยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง

“หมาที่เดินผ่านไปเมื่อกี้หัวเราะน่ะ”

“…”

“อีกอย่างผมก็น่าจะมีเงินเยอะกว่าเธอด้วย ที่ว่ารับความช่วยเหลือน่ะ จะรับอะไรกันล่ะครับ ถ้าอยากจะได้รับความช่วยเหลือ กรรมการผู้จัดการก็เก็บนามบัตรไว้สิครับ กรรมการผู้จัดการของเราที่ดาวดับ ไม่มีแม้แต่คนที่จะไปเจอในคืนวันศุกร์ควรจะเก็บไว้สิ”

อีอูยอนยิ้มอย่างอ่อนโยน และเอานามบัตรที่ถูกฉีกออกเป็นสองส่วนใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของกรรมการผู้จัดการคิม กรรมการผู้จัดการคิมส่งเสียงกระฟัดกระเฟียดก่อนจะปานามบัตรใส่อีอูยอน อีอูยอนยิ้มอย่างมีความสุขและดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจ

***

‘ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ’

ครั้นได้ยินคำถามของอีอูยอน อินซอบก็ถามกลับว่า ‘ครับ?’

‘สีหน้าคุณดูไม่ดีตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะครับ’

อินซอบตอบว่าเปล่าครับพร้อมกับส่ายหน้าและยิ้มให้ อีอูยอนจึงใช้นิ้วกดมุมปากของอินซอบ

‘ถ้าฝืนยิ้มก็อย่ายิ้ม’

‘…’

‘ต้องพูดสิครับ ผมจะได้รู้ว่ามีอะไรที่ไม่พอใจ เพราะการอ่านความคิดของคนอื่นมันยากสำหรับคนอย่างผมนะครับ คุณต้องพูดให้รู้’

พอเห็นอีอูยอนเปิดเผยข้อบกพร่องของตัวเองออกมาอย่างหน้าตาเฉยพร้อมกับขอร้อง อินซอบก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป

‘ลูกบอลมาทางนี้อยู่เรื่อยตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ’

‘ลูกบอล?’

พออีอูยอนถามซ้ำ ลูกบอลก็กลิ้งมาตรงหน้าเขาพอดี พวกผู้หญิงในชุดบิกินีเล่นวอลเลย์บอลชายหาดอยู่ไกลๆ ทำไม้ทำมือขอให้โยนลูกบอลมา อีอูยอนปิดหนังสือที่อ่านอยู่ลง

‘กลิ้งมากี่ครั้งแล้ว’

อีอูยอนเคาะนิ้วลงบนลูกบอลพลางเอ่ยถาม

‘…สิบสามครั้งแล้วครับ’

อีอูยอนร้องอ๋อพร้อมกับยิ้มให้ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและปัดทรายออกก่อนจะโยนลูกบอลไปกลางอากาศ วินาทีที่อีอูยอนใช้การสะบัดข้อมือและตีลูกบอล เสียงดัง ปัก ก็ดังขึ้นพร้อมกับลูกบอลที่ลอยออกไป เสียงนั้นดังจนคนที่อยู่รอบๆ หันมามองกันหมด

‘…’

พอเห็นว่าลูกบอลลอยตกทะเลไปไกลจนไม่สามารถเก็บได้ สีหน้าของอินซอบก็ซีดเผือด อีอูยอนทำมือขอโทษกลุ่มคนที่เล่นวอลเลย์บอล และนั่งลง

‘ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นหรือยังครับ’

‘…’

‘ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ หรือเป็นเพราะผมตบลูกบอลคืนให้อย่างเต็มแรง?’

‘เปล่าครับ ดูเหมือนว่าผมจะทำให้คนพวกนั้นเดือดร้อน ก็เลย…’

อีอูยอนลุกขึ้น

‘ไปกันครับ’

‘ครับ? ไปที่บ้านเหรอครับ’

‘เปล่า ถ้ารู้สึกผิด ไปซื้อลูกบอลให้อีกครั้งก็ได้นี่’

อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอนด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย

‘ไม่มีอะไรให้ต้องตกใจหรอกครับ ผมไม่ได้กลับตัวกลับใจหรอก แต่ผมทำเพราะรู้ว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ คุณอินซอบก็จะเป็นทุกข์ไปหลายวันเพราะรู้สึกผิด’

อีอูยอนจับอินซอบให้ลุกขึ้น ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์สำหรับชายหาดที่อยู่ใกล้ๆ และซื้อลูกบอลมาคืนกลุ่มคนเมื่อสักครู่นี้ อีอูยอนปฏิเสธข้อเสนอของพวกผู้หญิงที่ถามว่าจะไปดื่มเบียร์ด้วยกันไหมอย่างสุภาพ

เขาล้ออินซอบตลอดทางกลับบ้าน

‘ผมไม่รู้เลยนะครับว่าคุณอินซอบจะขี้หึงขนาดนั้น’

‘ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแท้ๆ ต่อไปผมจะระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก’

ท่าทีของอินซอบที่เอ่ยขอโทษอย่างห่อเหี่ยวทำให้อีอูยอนมองไปรอบๆ โดยไม่พูดอะไร

‘มานี่เร็วครับ’

เขาจับข้อมือของอินซอบ และเดินเข้าไปในที่อาบน้ำชั่วคราว ก่อนจะปิดประตูและจูบอินซอบ ริมฝีปากของอีอูยอนที่เพิ่งขึ้นมาจากทะเลมีรสชาติเค็มเล็กน้อย อินซอบที่ปิดปากแน่นด้วยความตกใจในตอนแรกอ้าปากออกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว และคล้อยตามลิ้นของอีกฝ่าย การจูบที่ทั้งลึกซึ้งและนุ่มนวลดำเนินต่อไปก่อนจะหยุดลงและเกิดขึ้นอีกครั้งสลับกันไปมา แล้วอีอูยอนก็พูดทั้งๆ ที่ปลายจมูกยังแตะกัน

‘หึง’

‘…’

‘หึงได้ตามใจเลยครับ เพราะผมเป็นของคุณอินซอบ’

อินซอบยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะพยักหน้า ดวงตากลมโต ปลายจมูกกลมมน และริมฝีปากที่น่ารักสร้างความสุขที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา อีอูยอนกอดอินซอบและแนบชิดอีกฝ่ายราวกับจะดันให้ติดกำแพง ตอนนั้นเองน้ำเย็นๆ ก็ไหลออกมาจากฝักบัว และคนทั้งคู่ก็เปียกโชกในทันที

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้คนทั้งคู่มองหน้ากันอย่างมึนงง แล้วอินซอบก็จามออกมาเบาๆ

‘ฮ่าๆๆๆ’

อีอูยอนเสยผมที่เปียกขึ้นไปพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข เขามีความสุขมากเสียจนไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ง่ายๆ สุดท้ายอินซอบที่เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้าก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท