รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 267 งานชุมนุมใหญ่ของโลกแห่งการฝึกตน คงสนุกมากเลยกระมัง!

บทที่ 267 งานชุมนุมใหญ่ของโลกแห่งการฝึกตน คงสนุกมากเลยกระมัง!

บทที่ 267 งานชุมนุมใหญ่ของโลกแห่งการฝึกตน คงสนุกมากเลยกระมัง!

“ใช่แล้ว ข้าไป พวกเราไปด้วยกันเถิด”

เซี่ยเหยียนตอบยิ้ม ๆ

งานชุมนุมใหญ่แห่งภาคกลาง

ถูกจัดขึ้นโดยโอรสสวรรค์จากตระกูลจักรพรรดิโบราณในดินแดนฮวงคนหนึ่ง ลือกันว่าตระกูลจักรพรรดิโบราณนี้ทรงพลังแกร่งกล้า มีการสืบสานมาอย่างยาวนาน บารมีสูงส่งในดินแดนฮวง

เดิมทีเซี่ยเหยียนไม่อยากไป

สถานการณ์ในตอนนี้วุ่นวายยิ่ง สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฮวงและดินแดนฝอมาเยือนเหยียนโจวกันคับคั่ง นางไม่ต้องการร่วมวง

ทว่าตระกูลจักรพรรดิโบราณนี้ส่งเทียบเชิญมาถึงสำนักไท่หัว หากนางไม่ไป ดูเป็นการไม่ไว้หน้าตระกูลจักรพรรดิโบราณนี้เท่าใด อาจเกิดเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลัง

ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายนางก็ตัดสินใจเข้าร่วม

แต่นางคิดไม่ถึงว่า พรรคจื่อเสียก็ได้เทียบเชิญด้วย

นางได้ยินว่ามีเพียงกลุ่มอำนาจที่รุ่งโรจน์ในแต่ละภาคเท่านั้นถึงได้รับเทียบเชิญ และพรรคจื่อเสียหาใช่กลุ่มอำนาจรุ่งเรืองไม่…

เมื่อลองขบคิดดู นางก็เข้าใจ

เกรงว่าที่ตระกูลจักรพรรดิโบราณนี้ส่งเทียบเชิญให้พรรคจื่อเสียมิได้มุ่งไปที่พรรคจื่อเสีย คงมุ่งไปที่พวกอ้ายฉานมากกว่า

ช่วงก่อนนี้ พวกอ้ายฉานสำแดงพรสวรรค์สะท้านโลกันตร์ออกมา สะเทือนไปทั้งเหยียนโจว

ตระกูลจักรพรรดิโบราณนี้ก็ได้ยินมาเช่นเดียวกัน ถึงได้ส่งเทียบเชิญให้พรรคจื่อเสีย

“เยี่ยมเลยพี่หญิง!”

“พวกเราไปด้วยกัน!”

พวกอ้ายฉานเอ่ยด้วยความดีใจ

ถึงแม้พวกเขาจะมิได้รู้จักกับเซี่ยเหยียนนานนัก ทว่าพวกเขาทุกคนต่างชอบเซี่ยเหยียนมาก อยากอยู่กับเซี่ยเหยียนให้นานกว่านี้

“งานชุมนุมใหญ่หรือ?”

หลังได้ยินคำว่างานชุมนุมใหญ่ หลี่จิ่วเต้าสนอกสนใจขึ้นมา

เขาไม่อาจบำเพ็ญตน ทว่าเขาสนใจในเรื่องราวของโลกแห่งการฝึกตนมาก

งานชุมนุมใหญ่ที่มีกลุ่มผู้ฝึกตนมารวมตัว คงสนุกยิ่ง!

เขายังไม่เคยเห็นภาพเช่นนั้นมาก่อน!

แม้ว่าชีวิตของเขาในเมืองชิงซานนั้นเริงร่าสบาย ทว่าอย่างไรก็น่าเบื่อไปหน่อย เขาอยากไปร่วมงานชุมนุมใหญ่แห่งนี้

“คุณชายสนใจหรือ”

เซี่ยเหยียนตาเป็นประกาย รู้สึกได้ว่าท่านเซียนใคร่สนใจในงานนี้มาก

ทว่านางกลับยังมีข้อกังขาในใจ

ท่านเซียนท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน อาศัยอยู่ในเมืองปุถุชน เห็นได้ชัดว่าเพราะไม่ต้องการข้องแวะกับโลกแห่งการฝึกตนเท่าใด

ไฉนบัดนี้ท่านเซียนกลับอยากร่วมงานชุมนุมใหญ่ของโลกแห่งการฝึกตนเสียได้?

หรือท่านเซียนต้องการเปิดเผยตัวตนแล้วหรือ?

ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น…

นางไม่รู้สึกเลยว่าท่านเซียนมีประสงค์ต้องการเปิดเผยตัวตน

“อยากไปดูชมอยู่เหมือนกัน อยู่แต่ในเมืองชิงซานน่าเบื่อนัก อยากไปร่วมครึกครื้นบ้าง เพียงแต่ไม่รู้ว่าสะดวกหรือไม่”

หลี่จิ่วเต้ากล่าว

เข้าใจแล้ว!

ท่านเซียนมิได้มีประสงค์เปิดเผยตัวตนจริง ๆ

ไม่อย่างนั้นท่านเซียนคงไม่พูดจาถามว่าสะดวกหรือไม่

หากประสงค์เปิดเผยตัวตนจริง ไฉนเลยต้องสนว่าสะดวกหรือไม่ ท่านเซียนอยากไปย่อมไปได้อยู่แล้ว

ท่านเซียนกำลังบอกนางเป็นนัย ๆ

เซี่ยเหยียนคิดตกแล้ว

นางเอ่ยยิ้ม ๆ “คุณชายอยากไปย่อมสะดวก ไฉนเลยจะไม่สะดวกเล่า”

ดูเอาเถิด สำนักใหญ่โตก็คือสำนักใหญ่โต จะพูดจะจามีความมั่นใจอยู่เต็มร้อย

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ

“ถ้าสะดวก ข้าขอตามไปด้วย”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม

“คุณชายก็จะไปหรือ เยี่ยมไปเลย!”

“ดี ๆ!”

พวกอ้ายฉานยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก

“ข้ากลับไปเมื่อใดจะเตรียมการทันที!”

เซี่ยเหยียนบอก

ท่านเซียนต้องการเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย นางจำต้องเตรียมการให้ดี!

“หลิงอินอยากไปเที่ยวเล่นที่นั่นหรือไม่”

หลี่จิ่วเต้าหันมองหลิงอินพลางถาม

ทุกคนกำลังนั่งกินสุกี้หม้อไฟด้วยกัน อีกทั้งยังตัดสินใจเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ที่ภาคกลางด้วยกัน หากไม่ถามหลิงอินดู เขารู้สึกไม่เหมาะเท่าไร

“อยากสิ!”

หลิงอินตอบ

บอกตามตรง นางมิใคร่สนใจงานชุมนุมใหญ่ในภาคกลางที่ว่านี้นัก

นางเป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล เคยเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่มาแล้วทุกรูปแบบ

ทว่าท่านเซียนถามนางเช่นนี้แล้ว ไฉนนางจะตอบว่าไม่ไปได้

งานชุมนุมใหญ่ในภาคกลางมีสถานที่พิเศษอยู่หรือ

มิเช่นนั้นไยท่านเซียนถึงอยากไป

นางคิดในใจ รู้สึกว่าที่ท่านเซียนไปเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ภาคกลางมิใช่เพราะผุดความคิดกะทันหัน แต่มีความหมายบางอย่าง

และที่พานางไป เกรงว่าอาจมีความหมายเช่นกัน

“ได้”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าให้หลิงอิน ก่อนจะหันไปถามเซี่ยเหยียน “พาไปด้วยอีกสักคนสะดวกหรือไม่”

“สะดวก ไฉนเลยจะไม่สะดวก ต่อให้คุณชายพาไปอีกสิบคนก็ไม่เป็นปัญหา”

เซี่ยเหยียนตอบยิ้ม ๆ

“เช่นนี้ก็ดี”

หลังได้ยินคำตอบเซี่ยเหยียน หลี่จิ่วเต้าจึงวางใจ เขากลัวเหลือเกินว่าการเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ภาคกลางจะสร้างความวุ่นวายให้เซี่ยเหยียน

แต่ฟังจากน้ำเสียงของเซี่ยเหยียน เห็นได้ชัดว่าเขาคิดมากไป มิได้วุ่นวายถึงปานนั้น

มิฉะนั้น เซี่ยเหยียนคงไม่ตอบตกลงโดยไม่อิดออด

จริงสินะ การมีพลังในครอบครองเป็นเรื่องดียิ่ง

สำนักไท่หัวเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจฝึกตนที่แข็งแกร่งรุ่งเรืองที่สุดแห่งแดนบูรพาทิศ ไม่จำเป็นต้องระวังตัวมากนัก แสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของสำนัก

ยังดีที่เขามีสัมพันธ์ไม่เลวกับสำนักไท่หัว ขณะที่รักษาความปลอดภัยของตนได้ ยังได้รับความสะดวกสบายอีกหลายอย่าง

หากมิใช่เช่นนั้น การไปเที่ยวเล่นที่ภาคกลางเป็นได้เพียงความคิดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น

“ข้าเตรียมการเรียบร้อยเมื่อใดจะมารับคุณชายกับพี่หญิงหลิงอิน”

เซี่ยเหยียนบอก

“ได้”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มา ๆ กินสุกี้หม้อไฟกันต่อเถิด!”

“ได้เลย!”

“กิน ๆๆ!”

พวกอ้ายฉานเอ่ยด้วยความชื่นมื่น

ขณะเดียวกัน มีสิ่งมีชีวิตมหาศาลกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเหยียนโจว ต่างมุ่งหน้าไปยังภาคกลางเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่

ตระกูลจักรพรรดิโบราณจากดินแดนฮวงแข็งแกร่งน่ากลัวเกินไป มิมีผู้ใดหาญกล้าล่วงเกินตระกูลจักรพรรดิโบราณเช่นนี้ เมื่อได้รับเทียบเชิญจึงมุ่งหน้าไปทันที

ผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่มิได้มีเพียงสิ่งมีชีวิตในเหยียนโจว สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฮวงที่เดินทางมายังเหยียนโจวก็ได้รับเทียบเชิญเช่นกัน

นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฝอที่อยู่ในเหยียนโจวก็ได้รับเทียบเชิญด้วย

ณ ภาคกลาง

ที่ตั้งลัทธิไท่เสวียน

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”

สีหน้าเจ้าลัทธิไท่เสวียนอึมครึมย่ำแย่ ในมือเขามีเทียบเชิญอยู่ใบหนึ่ง กล่าวเชิญลูกศิษย์วัยเยาว์ในลัทธิของเขาเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ที่จัดขึ้นในภาคกลาง

“พวกเราถูกจับได้แล้วหรือ”

“พวกเขาล่วงรู้การมีอยู่ของพวกเราได้อย่างไร!”

ไม่เพียงแต่ลัทธิไท่เสวียนที่ได้รับเทียบเชิญ กลุ่มอำนาจลับอื่น ๆ ก็ได้รับเทียบเชิญกันถ้วนหน้า ลูกศิษย์วัยเยาว์ในกลุ่มอำนาจพวกเขาถูกเชิญไปเช้าร่วมงานชุมนุมใหญ่เช่นกัน

พวกเขาเลือกซ่อนตัวตั้งแต่ยุคโบราณ มิกล้าเปิดเผยร่องรอยในยุคนี้แม้แต่น้อย เหตุใดพวกเขาถึงยังถูกจับได้อีก

“หรือว่าเป็นฝีมือของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงผู้นั้น!”

พวกเขานึกถึงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงในทันที

ครานั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงเคยมาเยือนที่ตั้งสำนักลัทธิของพวกเขา โดยมีเจ้าลัทธิไท่เสวียนนำทาง

นั่นเป็นความทรงจำแสนอัปยศ พวกเขาถูกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงเข้ากำราบด้วยกำลัง ซ้ำยังถูกบีบบังคับให้มอบคัมภีร์บันทึกโบราณอันเป็นการสืบสานที่พวกเขาแต่ละสำนักเก็บรักษาไว้อย่างดี ต่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง

หลังเรื่องนี้จบลง พวกเขาทั้งหมดต่างผูกใจเจ็บกับลัทธิไท่เสวียน

ถึงอย่างไรเจ้าลัทธิไท่เสวียนก็เป็นผู้พาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงมาที่นี่

พวกเขาไม่เพียงแต่ถูกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงกำราบด้วยกำลัง ตำแหน่งที่ตั้งของพวกเขายังถูกเปิดเผยต่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงอีกด้วย

ลัทธิไท่เสวียนเจ้าเล่ห์นัก หลังเรื่องจบก็ปิดผนึกม่านพลังอย่างสมบูรณ์

ยามที่พวกเขาบุกไปถึง หากมิใช่เพราะกังวลว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนอาจเปิดเผยตัวพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องทลายม่านพลังของลัทธิไท่เสวียน แล้วล้างบางลัทธิไท่เสวียนให้ได้!

ทว่าจวบจนบัดนี้พวกเขายังไม่คิดปล่อยลัทธิไท่เสวียนไป ต่างเพ่งเล็งลัทธิไท่เสวียนอยู่ตลอด ขอเพียงมีคนจากลัทธิไท่เสวียนกล้าออกจากม่านพลัง พวกเขาก็กล้าลงมือสังหาร!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท