นิ้วของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่เย็นราวกับน้ำแข็งนั้นสัมผัสผิวอ่อนนุ่มของนาง และการบีบนิ้วนั้นทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยหดตัวกลับ “เมื่อเทียบกับองค์ชาย ข้าไม่ใช่คนฉลาดเลยจริงๆ”
สุดท้ายแล้ว นางก็ประเมินความอันตรายของผู้ชายคนนี้ต่ำไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดเลยว่าจนถึงตอนนี้ พลังที่พระภิกษุที่มีชื่อเสียงคนนั้นได้ถ่ายทอดมาให้นาง ก็ยังคงทำให้นางไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองออกจากการถูกจองจำของเขาได้
ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนกัน
นางราวกับเป็นกุ้งต้มสุก นิ้วของนางสั่นสะท้าน และไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้น ภายในวังหลวงที่เต็มไปด้วยไม้จันทน์แห่งนี้ ก็มีเสียงเสียดถูระหว่างเสื้อผ้าดังขึ้นเรื่อยๆ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจับเอวของนางด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งนั้นก็บ้าคลั่ง แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างมาก แต่เขาก็ยังทำมัน ราวกับว่าเขาจำเป็นต้องทำ
เพียงแต่ว่าอุณหภูมิจากนิ้วมือของเขานั้นเยือกเย็นเกินไป ราวกับเป็นน้ำแข็ง
หัวใจของเฮ่อเหลียนเวยเวยเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ และลมหายใจของนางก็เร่าร้อนและหนักหน่วง
น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเวยเวยเยือกเย็นลง “มันไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันไว้ องค์ชายอยากให้สัญญาของพวกเราเป็นโมฆะเช่นนั้นหรือ บางที พวกเราควรแยกทางกันในตอนนี้เลยจะดีกว่า”
นางคิดว่าจากสถานการณ์ในตอนนี้ นางพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูดีอย่างมาก
หากอีกฝ่ายไม่ใช่เขา และสถานการณ์นี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ นางก็คงจะฆ่าเขาไปแล้ว
แต่เพราะเขาเคยช่วยชีวิตนางไว้ตอนที่ผู้อาวุโสสองคนจะเข้ามาฆ่านาง หากชายหนุ่มไม่เข้ามาช่วยขวางพวกเขาไว้ ตอนนี้ นางก็อาจจะไม่มีลมหายใจแล้วก็เป็นได้
นางไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว องค์ชายสามเข้าหานางด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่ อาจเป็นเพราะในตอนแรก นางเคยพูดเล่นเอาไว้ หรือเพื่อที่จะหาพระชายาให้อดีตฮ่องเต้รู้สึกพอใจ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลได้ นางก็ยอมรับได้
แต่… เรื่องอื่นๆ นั้น เฮ้อ นางไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะยอมให้ตัวเองอยู่ในน้ำมือขององค์ชาย และยอมให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ!
บางที เขาอาจจะแค่ลงโทษนางที่เอาของของเขาไป และหลังจากได้ฟังคำพูดเมื่อครู่นี้ของนาง เขาก็ดึงมือออกจากเสื้อผ้าของหญิงสาวทันที
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะเดิมพัน องค์ชายสามเป็นคนที่ลึกซึ้ง แต่ก็ไม่ใช่คนที่เพิกเฉยขนาดนั้น
นี่คือผู้ชายที่อยู่ในตำแหน่งสูง พวกเขามักจะรู้เสมอว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
แน่นอน…
คนเราต้องจัดการกับปัญหาที่ต้นเหตุ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจัดชุดของตนเอง และส่งยิ้มให้ แต่ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มด้วย หนำซ้ำ แววตาคู่นั้นยังเยือกเย็นไปจนถึงกระดูกอย่างไม่อาจคาดเดาได้ “เจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะแยกทางกัน ทั้งๆ ที่พวกเราเพิ่งแต่งงาน เจ้าไม่ต้องการทวงตระกูลเฮ่อเหลียนกลับคืนมาแล้วหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม “หากไม่มีองค์ชาย ข้าก็ยังสามารถทวงคืนตระกูลของข้าได้”
“เช่นนั้นหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้มหน้ามองนาง “ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าหากไม่มีข้าแล้ว ในการเลือกตั้งตระกูล จะมีสักกี่คนที่เลือกเจ้าไม่ใช่เฮ่อเหลียนกวงเย่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำหมัดแน่นและไม่พูดอะไร
เพียงฟังเสียงไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดต่อว่า “ข้าไม่มีงานอดิเรกที่จะบังคับใคร แต่ในเมื่อเจ้าพูดถึงสัญญาแล้ว เช่นนั้นการที่เจ้าออกไปเจอกับคนอื่นตอนกลางดึก ก็เป็นการละเมิดสัญญาระหว่างพวกเรา ”
นางเพิ่งพบกับเฮยเจ๋อ เพียงไม่กี่ครั้ง แล้วผู้ชายคนนี้จะต้องพูดถึงมันอีกกี่ครั้งกันเล่า!
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่แต่งตัวดูดีและมีท่าทีเรียบเฉยเหมือนกับเป็นผู้ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี แตกต่างจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ลูบไล้นางบนเตียงก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง มันทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกอึดอัดใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน สาเหตุที่นางไม่ได้ต่อยตีอีกฝ่าย ก็เพียงเพราะว่าใบหน้าของเขาเท่านั้น
นางคิดว่าคนที่พูดจาเย็นชาอย่างองค์ชายสามจะทำได้เพียงแค่สั่งคนอื่นเท่านั้น นางไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถพูดจาไร้ยางอายอย่างที่เขาพูดกับนางบนเตียงได้ด้วย
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ทั้งๆ ที่กินมังสวิรัติมามากกว่ายี่สิบปี
“อย่าด่าข้าในใจ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ได้แก้มัดให้นาง ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าไปในห้องทรงอักษรเพื่อเอาสัญญา
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่สัญญายังอยู่ นางก็จะสามารถออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้ นอกจากนี้ มันยังเป็นโซ่ตรวนขนาดเล็กอีกด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มมองโซ่เส้นบางที่พันรอบข้อเท้าของตนเอง นางไม่ได้ทำลายโซ่เหมือนครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้ นางใช้ที่ติดผมปลายแหลมขนาดเล็กบนศีรษะสอดเข้าไปในรูกุญแจ ก่อนจะบิดมันไปมา
นางได้ยินเสียงคลิกของมัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะที่นางลูบกุญแจสีทองขนาดเล็กในมือ นางมองดูไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่เดินกลับมา โดยไม่ได้พยายามปกปิดอะไร พร้อมกับเก็บกุญแจสีทองขนาดเล็กไว้ในกระเป๋า ในเมื่อนางเป็นคนไขมันออกมาได้ ก็หมายความว่าตอนนี้ มันต้องตกเป็นของนาง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้คิดเรื่องเงิน ในสายตาของเขา ไม่ว่าจะเป็นกุญแจทองหรือกุญแจเหล็กก็ไม่ต่างกัน เว้นแต่สีที่ดูสวยงามกว่าเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ดวงตาของเขาจมดิ่งลงคือการที่นางสามารถปลดกุญแจออกได้อย่างง่ายดายต่างหาก
เขารู้สึกสนใจในตัวหญิงสาวคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านเอามันมาแล้วหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเหยียดขายาวของตนเอง ผมของนางยาวสยายมาจนถึงกลางหลัง สายตาที่นางมองดูเขานั้นราวกับเป็นเหยื่อตัวน้อยที่กำลังรออาหาร
แต่เหยื่อคนนี้ไม่รู้ตัวเลย และคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านาย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เข้าใจเลยว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีเสน่ห์ขนาดนั้นเลยหรือ จนทำให้การที่พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันนั้น ราวกับเป็นการพรากชีวิตของนางไป
เขาไม่สามารถผูกรั้งนางไว้ได้จริงๆ
แต่ก็ไม่เป็นไร
เรื่องแบบนี้ควรจะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนๆ นี้ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา มันช่างน่าสนใจยิ่งกว่าการทำลายนางเสียอีก
เขาก็แค่คาดไม่ถึง ว่าจนถึงตอนนี้แล้ว นางยังต้องการจะจากไปอีก
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเยือกเย็นลงราวกับว่ามีลมหนาวพัดผ่านร่างของเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองชายหนุ่มและยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม “จริงๆ แล้ว องค์ชายก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมากนัก”
“หืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยม้วนผมของตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ และยักไหล่ “มันก็แค่ความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเท่านั้น ครั้งต่อไปที่พวกเราเจอหน้ากัน ก็ไม่จำเป็นต้องเขินอายหรอก พวกเรามาคุยกันให้ชัดเจนในตอนนี้เลยดีกว่า ตอนนั้น ข้าถูกวางยา และการกระทำขององค์ชายก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นอกจากนี้ ท่านก็ไม่สามารถส่งตัวข้าไปให้คนอื่นได้ เพราะท่านจะกลายเป็นองค์ชายที่ถูกพระชายาสวมเขา แต่ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว หากตอนนั้น องค์ชายไม่ได้เดินเข้ามา จนทำให้ข้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องข้ามคืนเท่านั้น หากองค์ชายไม่พอใจ จะให้ข้าจ่ายเงินคืนให้ท่านก็ได้ เหมือนกับการที่ท่านไม่พอใจร้านค้าใด ท่านก็ไม่กลับมาใช้บริการที่นั่นอีก ทั้งนี้ เพื่อความสมานฉันท์ระหว่างพวกเราหลังแต่งงาน พวกเราก็แค่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่ง ทักษะในการเจราต่อรองของตนเองจะถูกนำมาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ บางที อาจเป็นอย่างที่นางพูดก่อนหน้านี้ หากเป็นคนอื่น นางก็คงจะใช้ปืนยิงศีรษะของเขาไปแล้วก็ได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกย้อนไปถึงเรื่องคืนก่อน จริงๆ นางเองก็มีส่วนผิด สภาพร่างกายของนางในตอนนี้ ไม่เหมือนกับตอนที่นางอยู่ในยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่ผ่านการฝึกฝนเรื่องยาเสพติดมาก่อน นอกจากนี้ นางยังเด็กและบอบบางเกินไป หากไม่มีการถอนพิษ นางก็คงจะอยู่ได้ไม่เกินเที่ยงคืน