รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 277 ปุถุชนเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ของผู้ฝึกตนนั้นเหมาะสมหรือไม่?

บทที่ 277 ปุถุชนเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ของผู้ฝึกตนนั้นเหมาะสมหรือไม่?

บทที่ 277 ปุถุชนเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ของผู้ฝึกตนนั้นเหมาะสมหรือไม่?

ชายกระโปรงของเซี่ยเหยียนพลิ้วไหว เหาะเหินเดินอากาศกลับมายังรถลากประดุจนางเซียนท่านหนึ่ง

ท่าทีของนางราวกับมิได้ผ่านการต่อสู้มาอย่างนั้น สีหน้าผ่อนคลาย อาภรณ์สะอาดสะอ้าน ไม่เปื้อนฝุ่นดินแม้แต่น้อย

“คุณชาย!”

นางเดินมาอยู่เบื้องหน้าท่านเซียน คลี่ยิ้มอ่อนหวานน่าเอ็นดู “โชคดีที่ลุล่วงตามบัญชา กำราบได้สำเร็จไร้ที่ติ!”

“สุดยอด สุดยอด!”

หลี่จิ่วเต้ายกนิ้วโป้งให้เซี่ยเหยียน ชมจากใจจริง

เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเซี่ยเหยียนจัดการอสูรร้ายตนนั้นอย่างไร เขาเห็นเพียงแสงเทวะแสงหนึ่งพุ่งเข้าไปที่หว่างคิ้วของอสูรร้าย จากนั้น อสูรร้ายก็ถูกจัดการจนตัวล้มตึง

นี่แหละความสามารถของผู้ฝึกตน ฝีมือเทียบเทียมเทพเจ้า!

“ขอบคุณคุณชายที่ชม!”

ได้รับคำชมจากท่านเซียน เซี่ยเหยียนปีติยินดีอย่างยิ่ง ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับคำชมของผู้อาวุโสแล้ว!

“เมี้ยว!”

ลั่วสุ่ยเห็นรอยยิ้มระรื่นของเซี่ยเหยียนแล้วก็ส่งเสียงร้องอย่างไม่ยอม

ใช่เรื่องใหญ่ที่ไหน…เอาชนะอสูรร้ายตัวจ้อยแค่นั้นน่าภูมิใจนักหรือ

หากนางเป็นผู้ลงมือ ลำพังเสียงคำรามก็ทำให้อสูรร้ายตัวจ้อยนั่นกลัวจนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนได้แล้ว!

นางวิวัฒนาการเป็นสายเลือดพยัคฆ์ขาวบริสุทธิ์มาได้สักพักแล้ว ต่อมา สายเลือดของนางได้รับการยกระดับอีกหลายครั้ง จนบัดนี้สายเลือดของนางอยู่ในระดับน่าสยดสยองปานใด ตัวนางเองยังไม่ทราบ

ทว่านางแน่ใจว่า หากตนปลดปล่อยพลังสายเลือดออกมาอย่างเต็มกำลัง ต่อให้เป็นลูกหลานสายเลือดบริสุทธิ์ของสิบอสูรร้ายบรรพกาลก็ต้องโดนสายเลือดของนางกำราบ!

สรุปแล้ว นางก็ยังไม่ชอบขี้หน้าเซี่ยเหยียนอยู่ดี

เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น!

นอกจากนี้ ผู้ใดใช้ให้ก่อนหน้านี้เซี่ยเหยียนหลอกด่าอสูรร้ายตนนั้นเล่า!

“ยังไม่ลืมอีกหรือ”

หลี่จิ่วเต้าลูบแมวน้อยสีขาวในอ้อมอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ทำใจให้กว้างบ้าง อย่าใจแคบนัก”

เขารู้สึกว่าแมวน้อยสีขาวตัวนี้ฉลาดยิ่ง พอเห็นว่าเขากล่าวชมเซี่ยเหยียนก็ส่งเสียงร้องอย่างไม่ยอม

ยังไม่ลืมวาจาที่เซี่ยเหยียนเอ่ยก่อนหน้าสิท่า

“เมี้ยว…”

ลั่วสุ่ยร้องอย่างน้อยใจ ท่านเซียนว่านางใจแคบ ฮือ ๆ ท่านเซียนชอบเซี่ยเหยียนมากกว่านาง…

“ขอบคุณมากสำหรับการช่วยเหลือ!”

ตอนนั้นเอง ซางเหิงสงบจิตใจลงได้ ก่อนจะเดินเข้ามาโค้งคำนับหลี่จิ่วเต้าเป็นการขอบคุณ

เขามิได้วู่วามกระทำการใดลงไป ตัดสินใจว่าขอดูลาดเลาก่อนแล้วค่อยว่ากัน

มีมารยาทจริง ๆ…

เห็นท่าทางสุภาพของซางเหิงแล้ว หลี่จิ่วเต้ายิ่งประทับใจในตัวซางเหิงขึ้นไปอีก

คนผู้นี้มีคุณธรรม ก่อนหน้าที่อสูรร้ายทำท่าจะจู่โจมเข้ามา​ ซางเหิงยังออกหน้าให้ ถึงแม้พลังจะอ่อนแอไปหน่อยก็ตาม…

ทว่าคุณธรรมนี้ชวนให้ประทับใจยิ่งแล้ว

เขาคลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้ามิได้ทำอันใด อีกอย่างข้าเป็นเพียงปุถุชน ต่อให้อยากทำอะไรก็ทำไม่ได้…ฮ่า ๆ สิ่งสำคัญคือรถลากคันนี้สุดยอด เซี่ยเหยียนเองก็มีความสามารถแกร่งกล้า”

เป็นเพียงปุถุชน?

เขาเดาผิดไปหรือ

ได้ยินหลี่จิ่วเต้าเรียกขานตนเองว่าปุถุชน ซางเหิงก็คิดในใจ

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็มิกล้าเสียมารยาทอยู่ดี “ข้าไม่รู้ต้องเรียกท่านด้วยคำใด ได้ยินพวกนางเรียกท่านว่าคุณชายกันหมด ข้าขอบังอาจเรียกท่านว่าคุณชายด้วยได้หรือไม่”

“เกรงใจไปแล้ว”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ คิดในใจว่าเป็นอีกครั้งที่เขาได้หน้าเพราะเซี่ยเหยียน มิฉะนั้นผู้ฝึกตนเบื้องหน้าผู้นี้ไฉนเลยจะรักษามารยาทต่อปุถุชนเช่นเขาถึงเพียงนี้

“ข้ามีนามว่าซางเหิง มาจากตระกูลซาง”

ซางเหิงแนะนำตัว

“สวัสดีคุณชายซาง ข้ามีนามว่าหลี่จิ่วเต้า มาจากเมืองชิงซาน”

หลี่จิ่วเต้าแนะนำตัวกลับ จากนั้นเป็นพวกเซี่ยเหยียนที่แนะนำตัวทีละคน

“ตระกูลซาง? ซางเจี๋ยเป็นคนจากตระกูลพวกท่านหรือ”

เซี่ยเหยียนนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงถามซางเหิง

เทียบเชิญที่สำนักไท่หัวได้รับ ผู้ลงนามก็คือซางเจี๋ย

แซ่ซางเหมือนกัน นางอดคิดไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่…

“ใช่แล้ว”

ซางเหิงพยักหน้าด้วยท่าทางทระนง ซางเจี๋ยเป็นลูกรักสวรรค์ผู้เก่งกาจที่สุดในตระกูลซางของพวกเขา เป็นที่หนึ่งของคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ยากจะมีใครทัดเทียม

เกี่ยวข้องกันจริงหรือนี่

เกินคาดเซี่ยเหยียนไปหน่อย นี่นางได้พบคนตระกูลซางจริงหรือ?

ตระกูลซางเชียวนะ ตระกูลจักรพรรดิโบราณในดินแดนฮวง การสืบสานยาวนานจนไม่อาจคำนวณได้ กิตติศัพท์บารมียิ่งใหญ่ในดินแดนฮวง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรแห่งนี้

หากเป็นแต่ก่อน อย่าว่าแต่ได้สนทนากับคนตระกูลซางเลย ลำพังอยากพบคนตระกูลซางนางก็ไม่มีสิทธิ์…

การดำรงอยู่ที่มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักร มีสถานะสูงส่งเหลือคณา

ทว่าบัดนี้ ซางเหิงตรงหน้ากลับพูดจากับนางด้วยความเกรงอกเกรงใจ นางสะท้อนใจอย่างยิ่ง

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางได้พบท่านเซียน เส้นทางชีวิตของนางถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ช่วยให้นางได้มีความสำเร็จอย่างวันนี้

ขอบพระคุณท่านเซียนยิ่งนัก!

เด็กสาวลอบชำเลืองมองท่านเซียน เอ่ยในใจอย่างขึงขัง

ตระกูลซาง…ตระกูลจักรพรรดิโบราณอันยิ่งใหญ่นั่นหรือ

หลิงอินคิดในใจ ในยุคโบราณก็มีตระกูลซางอยู่เช่นกัน รากฐานมั่นคงเหลือคณา เป็นหนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดของยุคโบราณ

เพียงแต่ไม่รู้ว่า ตระกูลซางนี้ใช่ตระกูลซางเดียวกับที่นางคิดหรือเปล่า…

“ข้าดูจากทิศทาง พวกท่านกำลังมุ่งตรงไปที่ภาคกลางใช่หรือไม่ ทุกท่านกำลังไปเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ที่ซางเจี๋ย ลูกรักสวรรค์ของตระกูลเราจัดขึ้นหรือ”

ซางเหิงถาม

เขารับผิดชอบเฉพาะกลุ่มอำนาจลับและยอดฝีมือผู้เร้นกายในเหยียนโจว ส่วนเรื่องอื่นมิได้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา จึงมิได้สนใจนัก

เขาไม่รู้ว่าพวกเซี่ยเหยียนได้รับคำเชิญร่วมงานชุมนุมใหญ่หรือไม่…

ทว่าเขาลองคิดดูแล้ว เซี่ยเหยียนและเด็ก ๆ เหล่านี้ล้วนโดดเด่นน่าทึ่ง คงได้รับเทียบเชิญร่วมงานชุมนุมใหญ่เป็นแน่

“ที่แท้เป็นงานชุมนุมใหญ่ที่ตระกูลของท่านจัดหรอกหรือ”

หลี่จิ่วเต้าแปลกใจนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะได้พบหนึ่งในตระกูลผู้จัดงานชุมนุมใหญ่

เขาคลี่ยิ้มขณะเอ่ย “ถูกต้อง พวกเรากำลังจะไปเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่นี้ ทว่านี่เป็นงานชุมนุมใหญ่ของผู้ฝึกตน ไม่รู้ว่าปุถุชนไปด้วยเหมาะสมหรือไม่…”

“คุณชายอำกันเล่นแล้ว ไฉนเลยต้องแบ่งแยกปุถุชนกับผู้ฝึกคน แต่เดิมผู้ฝึกตนก็เป็นปุถุชนเช่นกัน มีจุดกำเนิดเดียวกัน ย่อมเข้าร่วมได้!”

ซางเหิงรีบบอก

ได้ยินซางเหิงพูดเช่นนี้ หลี่จิ่วเต้าสบายใจได้อย่างสิ้นเชิง

ถึงอย่างไรก็เป็นงานชุมนุมใหญ่ของผู้ฝึกตน เขากับหลิงอินเป็นปุถุชนทั้งคู่ หากผู้จัดงานชุมนุมใหญ่ไม่ให้เข้า ถึงเวลานั้นคงสร้างปัญหาให้เซี่ยเหยียนอีกมาก

“เช่นนี้ก็ดี”

หลี่จิ่วเต้าถาม “ท่านกำลังจะเดินทางกลับหรือ หากกำลังจะกลับ พวกเราร่วมทางกันดีหรือไม่ ถึงอย่างไรจุดหมายปลายทางของทุกคนก็คือที่เดียวกัน”

ซางเหิงกำลังจะบอกว่าเขามีธุระอื่นต้องไปทำ แต่ในไม่ช้าก็สบถด่าตัวเองในใจ เรื่องใดจะสำคัญเท่าเรื่องในตอนนี้?

หลี่จิ่วเต้า…อาจเป็นถึงท่านเซียน!

แน่ใจในเรื่องนี้ให้ได้จึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!

“ขอบคุณ เช่นนั้นข้าขอรบกวนด้วย!”

ซางเหิงบอก

“ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราเดินทางกันต่อเถิด” หลี่จิ่วเต้ากล่าวยิ้ม ๆ

“ได้เลย”

เซี่ยเหยียนตอบ สั่งให้อสูรทั้งเก้ามุ่งหน้าต่อไป

อสูรทั้งเก้าลากรถบนพื้นเมฆา มุ่งหน้าไปยังภาคกลางด้วยความว่องไวทว่าไร้ความโคลงเคลง

แดนบูรพาทิศเป็นเพียงภูมิภาคหนึ่ง ภาคอื่นก็กว้างใหญ่ไพศาลมากเช่นกัน หากพวกมันต้องเหินเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงภาคกลาง ต้องใช้เวลามหาศาล

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราตรีคืบคลาน หลี่จิ่วเต้าเริ่มหิว เขาจึงบอกให้อันหลานเสวี่ยนำขนมและเครื่องดื่มที่เตรียมไว้ออกมา

การเดินทางนี้มิใช่การเดินทางระยะสั้น เขาจึงเตรียมการล่วงหน้าไว้นิดหน่อย

อันหลานเสวี่ยมีศาสตราบรรจุของ จะพกพาสิ่งใดก็สะดวก เขาจึงเตรียมขนมและเครื่องดื่มไว้จำนวนหนึ่ง ซ้ำยังนำฉินติดมาด้วย เพื่อคลายกระหายคลายเบื่อระหว่างทาง

“เจ้าค่ะคุณชาย!”

อันหลานเสวี่ยนำขนมและเครื่องดื่มออกมาวางบนโต๊ะด้วยท่วงท่าสง่างาม

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท