หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 934 สังหารดารานิรันดร์?

บทที่ 934 สังหารดารานิรันดร์?

ดาวดวงนี้ถูกใช้เป็นดาวในการทดสอบของสุสานดวงดารา แม้จะชื่อว่าดาวมายา แต่ความเป็นจริงมีทั้งภูเขา แม่น้ำและต้นไม้

เพียงแต่สีของต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นสีฟ้า น้ำในแม่น้ำก็ขาวราวกับน้ำนม ส่วนท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีตลอดเวลา ดูสวยงามมาก

ส่วนพื้นดินเป็นไปตามที่หวังเป่าเล่อเคยรับรู้มา บางครั้งยังมองเห็นสัตว์เลื้อยคลานบนพื้นสีดำทำให้ทั้งดาวดูมีชีวิตชีวา

“นี่คือดาวพระเคราะห์พิเศษ!” ขณะที่หวังเป่าเล่อมองไปรอบๆ ก็มีเสียงดังขึ้นที่ข้างตัวเขา คนพูดคือผู้ฝึกตนที่เคยซื้อสิทธิ์ขึ้นเรือคนหนึ่ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นราวกับอยากลองผนึกกายเข้ากับดาวดวงนี้เต็มที

เรือที่พวกเขาโดยสารมาหายไปแล้ว ในวินาทีที่พวกเขาถูกดาวดวงนี้ดูดกลืนเข้ามา นอกจากพวกเขาแล้ว สิ่งของข้างกายทุกอย่างล้วนหายไป และตอนที่ปรากฏตัว พวกเขาไม่กี่ร้อยคนก็มาอยู่รวมกัน

แม้พวกเขาจะกระจายออกจากกันในไม่ช้า พร้อมกับสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ หลายคนพบว่าดาวดวงนี้คือดาวพระเคราะห์พิเศษ และก่อนที่คนคนนั้นจะเอ่ยขึ้นก็ได้มีคนลองผนึกกายไปแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางสำเร็จ

“ช่างยิ่งใหญ่เสียจริง แค่การทดสอบก็ถึงกับนำดาวพระเคราะห์พิเศษออกมา…” หวังเป่าเล่อรู้ถึงความหมายและคุณค่าของดาวพิเศษดี มันเหนือกว่าการมีอยู่ของมนุษย์ วิญญาณและดาวเคราะห์อมตะ เป็นรองแค่การมีอยู่ของดาวเคราะห์เต๋าในตำนานซึ่งครอบครองพลังแห่งกฎเกณฑ์ เมื่อผนึกกายกลายเป็นดาวพระเคราะห์ก็จะมีพลังแห่งกฎเกณฑ์

ระดับดาวพระเคราะห์ที่ครอบครองพลังแห่งกฎเกณฑ์ หวังเป่าเล่อไม่เคยพบเจอมาก่อน ส่วนใหญ่ที่เขาได้เจอในตอนนั้นคือการเลื่อนขั้นดาราวิญญาณ แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาตัดสินความแข็งแกร่งของผู้ที่เลื่อนขั้นดาวพระเคราะห์พิเศษ

“ครอบครองกฎเกณฑ์…” สายตาหวังเป่าเล่อฉายแววกระหายอยาก หากไม่มาถึงที่นี่ก็ไม่อะไร แต่ในเมื่อมาถึงสุสานดวงดาราแล้ว ดาราวิญญาณธรรมดาไม่อาจสนองความพอใจของเขาได้อีกต่อไป แม้แต่ดาวเคราะห์อมตะก็ยังไม่มากพอ เป้าหมายของเขา…คือดาวพิเศษ!

เพราะดาวพิเศษแบบนี้หายากในพิภพภายนอก แต่ที่นี่… ดูเหมือนจะหาไม่ยาก!

มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่เขาจะรักษาเส้นทางของผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันได้ สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับเขา การเดินทางมายังสุสานดวงดาราในครั้งนี้ ในแง่หนึ่งถึงแม้หวังเป่าเล่อจะไม่ได้เห็นโลกมากนัก แต่กลับได้เห็นมหาศิษย์แห่งเต๋าที่มาจากมหาอำนาจต่างๆ จำนวนมาก

เขาไม่ต้องการให้…หลังจากออกจากสุสานดวงดาราไปแล้ว ยามที่ได้เจอกับคนพวกนี้อีกครั้ง คนที่ไม่ดีเท่าเขาในตอนนี้จะสามารถบดขยี้เขาได้ด้วยตบะและพลังต่อสู้

ขณะที่ความคิดนี้ดังขึ้นในหัว หวังเป่าเล่อก็ก้มลงมองพื้นใต้ฝ่าเท้า ความสามารถที่วิญญาณจุติดวงดาราในดวงดาวนำมาทำให้เขาสัมผัสได้ถึงกระแสพรอันบ้าคลั่งที่กำลังแผ่กระจายออกจากดวงดาวอย่างเงียบเชียบ และยังคงล้อมรอบร่างกายของเขา ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากที่นี่

“ตามกฎที่จักรวรรดิดาวตกระบุไว้ มีผลึกมายาอยู่ในดาวมายาสามสิบเม็ด เจ็ดวันหลังจากนี้ผู้ที่มีผลึกมายาในมือจะเข้าสู่รอบต่อไป!”

“หลายร้อยคนแย่งชิงผลึกมายาสามสิบเม็ด โดยพื้นฐานแล้วต้องกำจัดไปถึงร้อยละเก้าสิบ… ดูท่าว่าคงเลี่ยงการต่อสู่ไม่ได้เสียแล้ว!” แววตาหวังเป่าเล่อเป็นประกาย

อันที่จริงไม่ใช่แค่เขา ผู้ฝึกตนในที่แห่งนี้ต่างก็ฉายแสงแปลกๆ ในดวงตา ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังกระฉับกระเฉงและวางแผนที่จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่รอบต่อไป จู่ๆ…ร่างของผู้ฝึกตนมหาศิษย์แห่งเต๋าหลายร้อยคนรวมถึงเขาต่างก็เปล่งแสงออกมา!

แสงบนร่างทุกคนอ่อนเข้มเท่ากัน และในพริบตาที่แสงแผ่ออกไปในความว่างเปล่าโดยรอบก็บังเกิดร่างมายาขนาดใหญ่ขึ้น!!

ร่างมายาพวกนี้มีทั้งหญิงและชาย มีทั้งแก่และเด็ก และมีแม้กระทั่งหลากหลายเชื้อชาติ บางร่างถูกฉีกเป็นชิ้นๆ บางร่างดูเหมือนถูกเผาจนไม่มีร่าง มีเพียงเงาเลือนราง!

พวกเขาปรากฏขึ้นพร้อมกับแรงกดดันที่มารวมตัวกัน และระเบิดออกกะทันหัน นี่เป็นเพราะถึงแม้หลังจากปรากฏตัวขึ้นแล้วแต่ละคนจะมีสีหน้านิ่งค้างและรักษาฉากโศกนาฏกรรมก่อนตายไว้ แต่ตบะที่ผันผวนในร่างกายพวกเขาเป็นของจริง!

เมื่อพิจารณาดูแล้วร่างมายาพวกนี้น่าจะมีมากกว่าหลายพันร่าง แต่…ทุกอย่างยังไม่จบสิ้น ในไม่ช้าก็มีร่างมายาปรากฏขึ้นอีกหลายร่าง

ขณะนี้เสียงอุทานและเสียงคำรามต่ำดังจากมหาศิษย์แห่งเต๋าทีละคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแต่ละคนจำร่างมายาเหล่านี้ได้… คนที่เคยถูกตัวเองสังหาร!

เช่นเดียวกับหวังเป่าเล่อ เขาเห็นตระกูลไม่รู้สิ้นที่ตนได้สังหารไป เห็นผู้ฝึกตนที่ตายด้วยน้ำมือตน แม้แต่คนที่เขาสังหารตอนอยู่ที่สหพันธรัฐก็มาปรากฏตัวด้วย

นี่…ก็คือกฎของดาวมายา ไม่ใช่แค่ฟื้นจากความตาย แต่ยังรวมทุกคนที่พวกเขาเคยสังหารมาเพื่อสร้างพลังต่อสู้ขึ้นใหม่!

เมื่อเห็นว่าร่างมายามากขึ้นเรื่อยๆ แต่พลังสูงสุดแค่ขั้นจิตวิญญาณอมตะ ทว่าหัวใจหวังเป่าเล่อกลับสั่นสะท้าน เพราะจู่ๆ เขาก็นึกถึง…ว่าครั้งหนึ่งตัวเองเคยทำลายตระกูลหนึ่งบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง…

ทันทีที่ความคิดของเขาผุดขึ้น ร่างมายารอบตัวก็เพิ่มมากขึ้นทันที…อย่างน้อยก็หลายหมื่นเท่า เงาของสัตว์ร้ายที่ดูเหมือนกิ้งก่าก็ผุดขึ้นหนาแน่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ในชั่วพริบตาก็ดูเหมือนฟ้าดินพลิกผันทำให้ทุกคนรอบข้างสัมผัสสวรรค์บ้าคลั่ง

“ใครกันที่สังหารมากมายเช่นนี้!!”

“บ้าไปแล้ว นี่มันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือ”

หวังเป่าเล่อกะพริบตาด้วยความรู้สึกผิด หลังจากนั้นร่างมายาที่มากขึ้นทำให้ยากที่จะบอกว่ามันมาจากใครซึ่งทำให้เขาประหลาดเล็กน้อย สีหน้าของเขาจึงดูน่าเกลียดและจ้องมองไปรอบๆ ราวกับว่าเขาต้องการหาตัวผู้ร้าย

โดยธรรมชาติย่อมหาตัวผู้ร้ายไม่พบ ทว่ากฎของดาวมายายังไม่สิ้นสุดแค่นั้น ในไม่ช้า…มีเจ็ดคนในฝูงชนที่จู่ๆ ก็มีแสงเปล่งจากร่างอีกครั้ง ความสว่างไสวของพวกเขาเด่นชัดมาก เพราะนอกจากพวกเขาแล้วแสงของคนอื่นอยู่ในระดับปกติ มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ต่างจากคนอื่น!

หวังเป่าเล่อคือหนึ่งในนั้น ส่วนอีกหกคนคือกลุ่มของหญิงสวมหน้ากากสี่คน และยังมีพี่ชายผู้สูงส่งคนนั้น และคนสุดท้าย…คือเด็กผู้หญิงที่ดูอายุเพียง 13-14 ปีเท่านั้น เด็กคนนี้รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนแอ ไร้พิษภัย และไม่ได้ดูโดดเด่นออกมาจากฝูงชนมากนัก กลุ่มที่นางเข้าร่วมคือกลุ่มของหลี่หลินจื่อและดูเหมือนว่านางจะมีฐานะต่ำต้อยในกลุ่มนั้นด้วย

แม้แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่เคยสนใจนางมาก่อนและเขาก็ตกตะลึงหลังจากได้เห็นในขณะนี้

หากเทียบแสงสว่างบนร่างพวกเขาทั้งเจ็ดแล้วยังมีความต่างอยู่ คนที่แข็งแกร่งที่สุด…ก็คือชายหนุ่มชุดดำที่สะพายกระบี่ขนาดใหญ่ไว้ที่หลัง แสงบนร่างกายเขาสว่างบาดตา

ส่วนคนที่อ่อนแอ…คือพี่ชายผู้สูงส่ง ส่วนหวังเป่าเล่ออยู่ตรงกลาง ไม่สูงไม่ต่ำ ในตอนที่แสงบนร่างพวกเขาแผ่ออกไปดึงดูดสายตาทุกคนนั้น ร่างมายานับไม่ถ้วนที่ปรากฏในความว่างเปล่าก่อนหน้านี้ก็สั่นสะท้านและถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันกับที่พวกมันถอยร่นไปก็มีร่างมากกว่าห้าสิบร่างปรากฏขึ้นพร้อมเสียงคำราม แต่ละร่างทั้งน่ากลัวและน่าสังเวช ทว่าสิ่งที่ระเบิดออกมาจากร่างของพวกมันกลับเป็น…แรงกดดันดาวพระเคราะห์!!

ขณะเดียวกันสีหน้าพวกมันก็ไม่ได้นิ่งค้างอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและต่างมองไปยังคนที่สังหารตัวเองในเจ็ดคนนั้น

“ดาวพระเคราะห์!!”

พวกเขาเจ็ดคนเคยสังหารดาวพระเคราะห์!!”

“นี่มันเกินไปแล้ว!!!”

ยามที่ทุกคนโดยรอบตกอยู่ในความโกลาหล ที่ใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิดาวตก ในห้องโถงกระดาษสีขาว ขณะนี้มีกระดาษรูปมนุษย์ห้าตนนั่งทำสมาธิและจ้องไปยังแอ่งน้ำสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า

ในน้ำสีดำนี้มีจุดสีขาวจำนวนมากลอยอยู่และจุดสีขาวทุกจุด…คือดวงดาว ตอนนี้ท่ามกลางดวงดาวหนาแน่น จู่ๆ ก็มีจุดสีขาวจุดหนึ่งกลายเป็นสีแดงในชั่วพริบตา!

การปรากฏขึ้นของจุดสีแดงทำให้กระดาษรูปมนุษย์ทั้งห้ารอบๆ ตกตะลึงในทันที

“นี่มัน…ดาวมายาที่กำลังคัดเลือกผู้ที่เข้าเงื่อนไขจากนอกพิภพหรือ”

“มันกลายเป็นสีแดงแล้ว!”

“ตามกฎของดาวมายาระดับต่ำดวงนั้น ทางเดียวที่จะถึงขีดจำกัดได้คือมีร่างมายาของดารานิรันดร์ เป็นไปไม่ได้น่า…”

“คนจากนอกพิภพที่เข้าทดสอบพวกนี้ล้วนเป็นระดับจิตวิญญาณอมตะชั้นมหาวัฏจักร ในพวกเขามีคนเคยสังหารดารานิรันดร์หรือ”

“เป็นไปไม่ได้!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท