บทที่ 279 หนีไม่พ้นหรอก ปรากฏตัวออกมาเสีย!
ลั่วสุ่ยรู้สึกอยากกินเป็นอย่างมากจนไม่อาจหยุดน้ำลายที่ไหลมาตรงมุมปากได้
“เจ้าแมวน้อยจอมตะกละ ข้าไม่ลืมเจ้าหรอก ข้าเตรียมส่วนของเจ้าเอาไว้แล้ว”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะให้อันหลานเสวี่ยนำกล่องขนมออกมา
นี่เป็นขนมจากเนื้อปลาที่เขาทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเจ้าแมวขาวตัวน้อย
“เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว~”
ลั่วสุ่ยร้องออกมาอย่างมีความสุข นางถูตัวไปมาเข้ากับขาของหลี่จิ่วเต้า ก่อนจะไปกินขนมอย่างมีความสุข
“กินช้า ๆ เดี๋ยวก็สำลักหรอก”
หลี่จิ่วเต้าเดินไปลูบหัวของแมวน้อย ก่อนให้อันหลิงเสวี่ยนำซุปปลาออกมาให้เจ้าแมวดื่ม
เขายังคงไม่ลืมเลือนสภาพน่าเวทนาของแมวสีขาวตัวน้อยนี้ ยามทรุดตัวอยู่ที่ร้านของเขาได้ ทั้งยังไม่ลืมวาจาตนที่เคยกล่าวเอาไว้ว่าจะดูแลเจ้าแมวน้อยให้ดี
การอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ บางครั้งบางคราวเขาก็รู้สึกเหงาโดดเดี่ยว ทว่าเมื่อมีแมวสีขาวตัวน้อยอยู่ข้างกาย ก็ทำให้เขารู้สึกสบายอกสบายใจเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่า เจ้าแมวสีขาวตัวน้อยมีความสำคัญอย่างมากภายในใจของเขา
สัตว์อสูรเก้าตนลากรถม้าเคลื่อนผ่านหมู่เมฆและพระจันทร์ดวงโตอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นเรื่อย ๆ
…
เหยียนโจว ภาคกลาง
วิหคเพลิงสีแดงตัวใหญ่บินผ่านภูเขาและพงไพรอย่างรวดเร็ว ด้านบนของมันมีร่างของเณรน้อยศีรษะมันเงาวับผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้วย
“อมิ…ต้าเต๋อฝอ เนื้อส่วนน่องของเจ้ารสชาติดีจริง ๆ!”
ปากของเณรน้อยแทะเนื้อย่างชิ้นหนึ่งจนมันเยิ้ม ก่อนกล่าวขึ้นมาลอย ๆ
หลังจากนกยักษ์สีแดงที่เขานั่งอยู่ได้ยินสิ่งนี้ มันจากกำลังบินอยู่ดี ๆ ก็แทบร่วงลงจากท้องฟ้า
“เจ้าทำอะไรกัน! คิดจะฆ่าพระโพธิสัตว์น้อยอย่างงั้นหรือ!”
เณรน้อยยกมือขึ้นตีหัวเจ้านกยักษ์อย่างแรง
คิดจะฆ่าเจ้า?
ถ้าสามารถทำได้…ตอนนี้ข้าคงจะฆ่าเจ้าหายนะตัวน้อยนี่ไปแล้ว!
นกยักษ์สีแดงคิดอย่างเกรี้ยวกราดขึ้นมาภายในใจ
ส่วนภายนอกนั้นมันทำได้เพียงทรงตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วบินต่อไปด้านหน้าอย่างมั่นคงอีกครั้ง
เณรน้อยนี่เป็นพุทธสาวกจริงหรือ?
บังคับให้มันเป็นสัตว์พาหนะไม่พอ เมื่อขึ้นมานั่งก็เฉือนเนื้อชิ้นใหญ่ออกจากน่องของมันมาย่างกิน ซ้ำยังกล่าวว่าอร่อย และยังต้องการจะหั่นมากินอีก!
“มีงานชุมนุมใหญ่กลับไม่แจ้งให้ข้าทราบ นี่ไม่เห็นหัวภิกษุน้อยผู้นี้หรือ? ไม่รู้หรือว่าข้าชอบกินและดื่มมากที่สุด? ในงานจะต้องมีสุราและอาหารรสเลิศเตรียมเอาไว้ไม่น้อย! ไอ้คนที่จัดงานชุมนุมขึ้นมาจะต้องได้รับบทเรียนดี ๆ เสียหน่อยแล้ว”
เณรน้อยพึมพำ “ข้าต้าเต๋อฝอผู้เปี่ยมเมตตาอย่างถึงที่สุด ข้าพระโพธิสัตว์ผู้ไร้ซึ่งเกศา เหตุใดภิกษุอาวุโสจึงไม่บอกข้า? นี่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการให้ข้าไปหรอกหรือ? อมิ…ต้าเต๋อฝอ ข้าไม่สนใจภิกษุผู้อาวุโสหรอก งานชุมนุมที่มีชีวิตเช่นนี้จะขาดภิกษุน้อยผู้นี้ไปได้อย่างไร!”
เขานึกถึงสถานที่จัดงานชุมนุมใหญ่แล้วก็อดใจรอไม่ไหว จึงเร่งให้เจ้านกยักษ์บินไปอย่างรวดเร็ว
ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ต้องให้เขาเร่งอะไร เจ้านกยักษ์ก็บินอย่างรวดเร็วสุดชีวิต
มันอยากจะส่งเณรน้อยให้ไปถึงเร็วกว่านี้เสียด้วยซ้ำ เพื่อเก็บรักษาไม่ให้เนื้อของมันถูกเณรน้อยเฉือนไปอีก!
…
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในภาคกลาง
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
บังเกิดเสียงระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นสะเทือนลั่นฟ้าดิน สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่แลดูคล้ายเสือที่มีปีกสองข้างอยู่บนหลังคำรามออกมา หางของมันกวาดทลายภูเขาลูกแล้วลูกเล่า
นัยน์ตาสีแดงเพลิงของมันท่วมท้นไปด้วยจิตสังหาร บรรดาสิ่งมีชีวิตในป่าทั่วรัศมีหลายพันลี้ต่างพากันสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“ผู้ใดสังหารน้องชายของข้า!?”
มันกำลังบินไปยังจุดชุมนุมใหญ่ แต่ทันใดนั้นกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่หัวใจ ความเชื่อมโยงระหว่างสายเลือดกับน้องชายของมันขาดสะบั้นลง!
นี่หมายความว่าน้องชายของมันตายตกไปแล้ว!
เผ่าฉงฉีของมันสืบทอดกันมาอย่างช้านาน แต่ไหนแต่ไรก็เป็นฝ่ายสังหารสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เสมอ จะกลายมาเป็นผู้ถูกสังหารได้อย่างไร?
มันโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ถึงกับสาบานว่าจะตามล่าผู้ที่ฆ่าน้องชายของมันให้ได้!
ถูกต้องแล้ว มันเองก็สืบสายเลือดมาจากเผ่าฉงฉี สัตว์ร้ายที่เซี่ยเหยียนสังหารไปก็เป็นน้องชายของมันเอง
ยิ่งสายเลือดแข็งแกร่ง ก็ยิ่งยากต่อการมีบุตร
พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาถึงสองตน นับเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้เติบโตอย่างเต็มที่ หนึ่งในพวกเขากลับมอดม้วยไปเสียแล้ว!
“ไปงานชุมนุม!”
ดวงตาของมันแดงก่ำ หลังจากที่ได้รับรู้ถึงความตายของน้องชาย มันก็ไม่ต้องการจะไปเข้าร่วมงานชุมนุมแต่อย่างใด
ทว่ามันก็เปลี่ยนใจแทบจะในทันที
ยามนี้มันไม่รู้สึกใดเลย นอกจากน้องชายของมันได้ตายลงแล้ว หากมันสืบหาด้วยตัวเองคงยากที่จะพบกับความจริง
มีสิ่งมีชีวิตมากมายจากหลากหลายแห่งในการชุมนุม ดังนั้นมันจึงต้องการไปยังงานชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาผู้ที่สังหารน้องชายของมัน!
…
หยานโจว ทางตะวันออก
ในภูเขาลึกแห่งหนึ่ง
“ฝู่ถู นักบุญยุคโบราณเข้าร่วมสงครามครั้งใหญ่สมัยโบราณกาล ก่อนจะถูกสังหารลง ร่างกายและวิญญาณถูกทำลาย มอดม้วยในสมรภูมิ”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนยอดเขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา “ออกมาเสีย พวกเรารู้ว่าท่านยังไม่ตาย แต่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ครั้งสมัยโบราณท่านเพียงแกล้งตายเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม“
คนผู้นี้เองก็เป็นคนจากเผ่าซาง เขามาเยือนยังที่แห่งนี้ตั้งแต่รุ่งสาง ก็เพื่อตามหาฝู่ถู
ตามข้อมูลที่ได้รับจากเครือข่ายข่าวสาร ฝู่ถูเร้นกายซ่อนตัวอยู่ที่แห่งนี้
ทว่าไม่ทราบถึงตำแหน่งที่แน่ชัด
ภายในป่าบนภูเขา ยังมีสมาชิกของเผ่าซางจำนวนมากกำลังไล่ค้นหา พวกเขาเหล่านี้ล้วนมาช่วยเหลือหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจส่งคำเชิญของตนเอง
ซางเหิงเองก็ทำภารกิจส่งคำเชิญของตนเสร็จสิ้น ทั้งยังได้รับแจ้งให้มาช่วยค้นหา ณ ที่แห่งนี้
ทว่าซางเหิงกลับไปพบพวกหลี่จิ่วเต้าระหว่างทางเข้า ทำให้ไม่ได้มาที่นี่
“ยังหาไม่เจอ!”
“ไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย!”
สมาชิกของเผ่าซางที่ค้นหาอยู่ในป่าทะยานมาอยู่ด้านข้างของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มพยักหน้า แต่ไม่ได้ถอนตัว
ตำแหน่งที่เครือข่ายข่าวกรองพบคือที่แห่งนี้ และก็ไม่มีทางผิดพลาด
การที่พวกเขาหาไม่พบก็แสดงว่าฝีมือการซ่อนกายของฝู่ถูนั้นแยบยลเป็นอย่างยิ่ง
“ฝู่ถู ท่านก็รู้ว่าพวกเรามาที่นี่ทำไม อีกทั้งท่านเองก็ตระหนักได้ถึงตัวตนของพวกเราได้ การที่พวกเราสามารถหาที่แห่งนี้พบ ก็หมายความว่าพวกเรารู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับท่าน!”
ชายหนุ่มยังคงตะโกนออกมา เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งภูเขา “ท่านจะซ่อนตัวหรือหนีไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรเสียในการต่อสู้ครั้งนี้ท่านเองก็ต้องเข้าร่วม!”
แต่ก็ยังคงไม่ได้รับการตอบสนองใด ป่าไม้บนภูเขาสงบเงียบเป็นอย่างมาก
“ยังไม่คิดออกมาอีก?”
ชายหนุ่มเชื่อว่าฝู่ถูอยู่ที่นี่และได้ยินเสียงของเขา “ท่านควรจะเข้าใจสถานะของเผ่าซาง หลังจากสงครามครั้งนั้น พวกเรายังคงมีบรรพบุรุษที่ปิดผนึกตนเอาไว้ รอสงครามครั้งต่อไป!”
เขายังคงตะโกนต่อ “ท่านต้องการให้พวกเราเปลี่ยนผู้มาสนทนาหรือไม่? ถ้าต้องการเช่นนั้นจริง พวกเราก็จะไม่สุภาพกับท่านอีก ทั้งยังจะส่งท่านไปยังสมรภูมิเป็นคนแรก!”
ในตอนนั้นเอง ในป่าไม้บนภูเขาก็เกิดการเคลื่อนไหว
“เฮ้อ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นสินะ!”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น พร้อมกับร่างชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ “ข้าจะไปกับพวกเจ้า”
ชายหนุ่มคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด
ฝู่ถูอยู่ที่นี่จริง ๆ ทั้งยังได้ยินเสียงของเขา
ส่วนชายชราที่โผล่ขึ้นมากลางอากาศก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากนักบุญยุคโบราณ ฝู่ถู