รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 282 พุทธบุตรหรือนักบุญก็ไม่ได้ ขออภัย พวกท่านต้องเปลี่ยนที่พำนัก!

บทที่ 282 พุทธบุตรหรือนักบุญก็ไม่ได้ ขออภัย พวกท่านต้องเปลี่ยนที่พำนัก!

บทที่ 282 พุทธบุตรหรือนักบุญก็ไม่ได้ ขออภัย พวกท่านต้องเปลี่ยนที่พำนัก!

ความจริงทั้งหมดกระจ่าง

พวกผู้อาวุโสเก้ามิกล้าเสียมารยาท รีบออกไปเตรียมการที่พำนัก

“ไอ้…!”

ภายในพระราชวังแห่งหนึ่ง เณรน้อยคนหนึ่งด่ากราดยกใหญ่ “อมิ…ต้าเต๋อฝอ ข้าผู้นี้โกรธจนจมูกผิดรูปไปหมดแล้ว พวกเจ้ามัวทำกระไรกันอยู่!”

เขาโมโหมาก

เดิมเขากำลังนอนเอนกายสบายใจอยู่ในพระราชวัง กลับมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาขอให้เขาเปลี่ยนที่

ใช่แล้ว กลุ่มคนที่เข้ามาก็คือพวกผู้อาวุโสเก้านั่นเอง

เขาคือพุทธสาวกจริงหรือ?

ให้ตายสิ นิสัยโจรยิ่งกว่าโจรตัวจริงอีก!

อย่าให้พูดเลยว่าในใจพวกผู้อาวุโสเก้าระคายปานใด พวกเขายังไม่เคยพบพุทธสาวกเช่นนี้มาก่อน!

ทว่าเณรน้อยตรงหน้าคือพุทธสาวกอย่างแท้จริง ซ้ำยังมีสถานะสูงส่งในพุทธศาสนา ถูกขนานนามว่าเป็น ‘พุทธบุตร*[1]’!

หากมิใช่เช่นนี้ เณรน้อยย่อมไม่มีทางถูกจัดให้พำนักในพระราชวังแห่งนี้

ที่นี่คือพระราชวังที่ดีที่สุด

“โปรดอภัยด้วย พระราชวังแห่งนี้ต้องใช้ในการอื่น ขอเชิญพุทธบุตรเปลี่ยนพระราชวังด้วยเถิด”

ผู้อาวุโสเก้ากล่าว

“ไม่เปลี่ยน!”

ต้าเต๋อไม่ไว้หน้ากันสักนิด ซ้ำอย่างเอ่ยอย่างดุดัน “พวกเจ้าไม่ส่งเทียบเชิญให้ข้าผู้นี้ ข้ายังโกรธอยู่ ตอนนี้ยังคิดให้ข้าเปลี่ยนที่พำนักอีกหรือ ไม่มีทาง!”

ผู้อาวุโสเก้าขมวดคิ้ว สงสัยจากใจจริงว่าพุทธศาสนาเข้าใจสิ่งใดผิดหรือไม่

เณรน้อยตรงหน้าผู้นี้จะเป็น ‘พุทธบุตร’ ได้อย่างไร

ให้ตายสิ หลังจากมาถึงก็ขอให้พวกเขาจัดสำรับอาหารหรูหราใหญ่โต สวาปามเสียยกใหญ่ คนจากพุทธศาสนามีแบบนี้ด้วยหรือ

อีกอย่าง…พวกเขาน่ะหรือมิได้ส่งเทียบเชิญไป

พวกเขาส่งแล้ว!

เพียงแต่พระอาจารย์เกาเซิงหยุดไว้ บอกว่าไม่ต้อง

ครานั้นพวกเขายังนึกแปลกใจ เหตุใดถึงไม่ยอมให้พุทธบุตรแห่งยุคนี้เดินทางมา

หลังจากพุทธบุตรผู้นี้มาถึง พวกเขาถึงเข้าใจ

คนในพุทธศาสนากลัวว่า พุทธบุตรผู้นี้จะทำขายหน้า!

“ข้าจะไปอธิบายกับพระอาจารย์เกาเซิงของพุทธศาสนา!”

ผู้อาวุโสเก้ามิได้ต่อล้อต่อเถียงกับต้าเต๋อ เห็นได้ชัดว่าเขากับต้าเต๋อผู้นี้คุยกันไม่รู้เรื่อง คนตรงหน้านับว่าไร้เหตุผลอย่างยิ่งยวด

เขาไปจากที่นี่เพื่อไปหาพระอาจารย์เกาเซิง บอกว่ามีผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งจะมา ขอให้พระอาจารย์เกาเซิงช่วยเกลี้ยกล่อมต้าเต๋อฝอเรื่องเปลี่ยนที่พำนัก

“ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่หรือ?”

พระอาจารย์เกาเซิงขมวดคิ้ว นึกแปลกใจนิดหน่อย ผู้อาวุโสเช่นใดกันที่ตระกูลซางต้องยกทัพเตรียมการเอิกเกริกเยี่ยงนี้

“ขออภัย ข้าไม่อาจบอกสิ่งใดไปมากกว่านี้ได้ ขอพระอาจารย์เกาเซิงโปรดอภัยด้วย”

ผู้อาวุโสเก้ากล่าว

เขาไฉนเลยจะกล้าสุ่มสี่สุ่มห้าเล่าสิ่งใดออกไป

เขาย่อมไม่กล้า

“ก็ได้”

พระอาจารย์เกาเซิงมิได้ถามเยอะ งานชุมนุมใหญ่นี้จัดโดยตระกูลซาง ที่นี่เป็นสถานที่ที่ตระกูลซางจอง ตระกูลซางถือเป็นเจ้าภาพ

เขาจึงไปเกลี้ยกล่อมต้าเต๋อให้เปลี่ยนที่

ทว่าตอนไปเขานั้นปวดหัวยิ่ง เขาไม่อยากข้องแวะกับต้าเต๋อมากนัก

ต้าเต๋อผู้นี้…เฮ้อ ยากจะอธิบาย!

พวกผู้อาวุโสเก้ามิได้เข้าไป มีเพียงพระอาจารย์เกาเซิงเข้าไปตามลำพัง

พวกเขาได้ยินเสียงคำรามต่าง ๆ นานาของต้าเต๋อดังออกมาข้างนอก

“ไปไกล ๆ พุทธศาสนาของเราไม่มีมาดไม่มีความยิ่งใหญ่เลยหรือไร ขอให้เราเปลี่ยนที่เราก็ต้องเปลี่ยนที่หรือ”

“ข้าเป็นพุทธบุตรมิใช่หรือ ข้าคือพระสังฆราชในอนาคตมิใช่หรือ”

“ตาเฒ่าหัวโล้น เจ้าช่างไร้จรรยาบรรณสิ้นดี บังอาจลอบโจมตีข้าผู้นี้หรือ!”

หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียง ‘ปึงปัง’ อีกระลอก

แล้วพวกเขาก็เห็นพระอาจารย์เกาเซิงหิ้วปีกต้าเต๋อออกจากห้อง

สีหน้าของพระอาจารย์เกาเซิงคร่ำเครียดมืดครึ้ม เนื้อตัวถูกทึ้งจนยุ่งเหยิง จีวรพระก็ถูกกระชากจนยับย่น

แล้วหันมองต้าเต๋อ…เอาสิ เณรน้อยผู้นี้อำมหิตจริง เขากำลังกัดแขนพระอาจารย์เกาเซิงไว้แน่น!

แปลก…เหลือเกิน!

มีเค้าโครงของพุทธบุตรที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นจอมมารตัวน้อยเสียมากกว่า!

“อมิตาภพุทธ!”

พระอาจารย์เกาเซิงท่องนามพระผู้มีพระภาคเจ้า ต่อให้เขามีขันติสูงส่ง ก็ไม่อาจต้านทานการอาละวาดของต้าเต๋อได้ เขาโมโหแทบบ้า เกือบหันเหสู่วิถีอธรรมเลยทีเดียว!

หรือนี่คือเคราะห์กรรมของพวกเขาพุทธศาสนา?

เขาคิดในใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้าเต๋อถึงถูกเลือกให้เป็นพุทธบุตร

ท้ายที่สุด เขาก็หิ้วปีกต้าเต๋อไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

น่าอายเกินไปแล้ว!

พวกผู้อาวุโสเก้าตาโตอ้าปากค้างกันหมด ทว่าไม่นานนักผู้อาวุโสเก้าก็ได้สติ รีบสั่งให้คนมาเก็บกวาดพระราชวังแห่งนี้ให้ดี

จากนั้น พวกเขาเดินทางไปอีกหลายพระราชวัง ขอให้สิ่งมีชีวิตในพระราชวังนั้น ๆ เปลี่ยนที่พำนักอย่างช่วยไม่ได้

สิ่งมีชีวิตผู้มาเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่มีมากเกินไป พระราชวังบนเขาเต็มคับคั่งไปนานแล้ว สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ยังพำนักที่นอกเขาอยู่เลย

ส่วนสิ่งมีชีวิตที่ได้พำนักในเขาต่างมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ไม่มีผู้ใดเป็นข้อยกเว้น

โฮก!

ฉงคูคำราม บันดาลโทสะอย่างยิ่ง มันเองก็ถูกขอให้เปลี่ยนที่พำนัก

เผ่าฉงฉีของมันแข็งแกร่งอย่างมาก พระราชวังที่ตระกูลซางจัดไว้ให้เขาดีเยี่ยม

ทว่าผู้อาวุโสเก้าไม่สนเสียงคำรามกราดเกรี้ยวของฉงคูแม้แต่น้อย ยังขอให้ฉงคูเปลี่ยนที่พำนัก

น่าขัน เผ่าฉงฉีแข็งแกร่งแล้วอย่างไร เทียบกับท่านเซียนมิได้เลย!

ท่านเซียนมีคนติดตามข้างกายไม่น้อย เขาต้องจัดแจงพระราชวังที่พักให้ดีที่สุด!

“ต่อให้เป็นในยุคโบราณ นักบุญก็ถือเป็นตัวตนอันสูงส่ง ตระกูลจักรพรรดิโบราณก็ไม่อาจเหยียดหยามนักบุญได้ตามใจชอบ กำลังรบระดับนักบุญในยุคนี้มีอยู่น้อยนิด พวกเจ้ากลับปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้รึ!?”

ฝู่ถูมีสีหน้าอึมครึม ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง เขาเองก็ถูกขอให้เปลี่ยนที่พำนัก

จะให้เขาสบอารมณ์ได้เยี่ยงไร?

เดิมเขาซ่อนตัวเป็นอย่างดี ถูกบีบบังคับให้ปรากฏตัวไม่เท่าไร บัดนี้ยังต้องเสียหน้าถูกขอให้เปลี่ยนที่พำนัก เขาโมโหจนอวัยวะภายในแทบระเบิดออกมา!

“เปลี่ยนที่พำนัก มิใช่ไม่ให้ที่พักเจ้าเสียหน่อย อย่ามาหาเรื่อง!”

ผู้อาวุโสเก้าเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า

เขาไม่มีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนเห็นแก่ตัวอย่างฝู่ถู

ทุกคนล้วนต่อสู้เพื่อความปลอดภัยของอาณาจักรนี้ คนเช่นฝู่ถูกลับหลบซ่อนตัว หลีกหนีจากการต่อสู้ สนแต่ตนเอง

หากมิใช่ว่ากำลังรบสูงส่งในยุคนี้ขาดแคลนจริง พวกเขาไฉนเลยจะยอมให้คนเห็นแก่ตัวอย่างฝู่ถูมีชีวิตอยู่ คงฆ่าไปนานแล้ว!

“เจ้า!”

ฝู่ถูเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทว่ามิกล้าแสดงความโกรธมากนัก สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนที่พำนัก

ตระกูลจักรพรรดิธรรมดายังไม่เท่าไร

แต่ตระกูลซางนั้นต่างออกไป พวกเขามิใช่ตระกูลจักรพรรดิธรรมดา รากฐานของพวกเขามั่นคงแกร่งกล้า มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่ามีพลังน่ากลัวปานใดซุกซ่อนอยู่ เขามิกล้าเอาตัวเข้าเสี่ยง

“เปลี่ยนที่พำนักหรือ… ได้”

เด็กสาวคนหนึ่งยิ้ม งดงามไร้ที่ติ มิได้มีท่าทีเกรี้ยวกราดเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นที่ถูกขอให้เปลี่ยนที่พำนัก นางตอบตกลงด้วยความยินดี

นางมีนามว่าหานเยว่ มาจากตระกูลหานแห่งดินแดนฮวง

เป็นตระกูลเก่าแก่เช่นเดียวกับตระกูลซาง รากฐานมั่นคงแกร่งกล้า บรรพชนของนางเคยบังเกิดมหาจักรพรรดิมาหลายตน การสืบสานยาวนานอย่างยิ่ง

“ขอบคุณมากที่เข้าใจ”

ผู้อาวุโสเก้าคลี่ยิ้ม ในที่สุดก็เจอคนมีเหตุผลแล้ว

อีกด้านหนึ่ง บนเขาหยงหมิงเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ

“พุทธบุตรแห่งพุทธศาสนาถูกขอให้เปลี่ยนที่พำนักหรือ!”

“ฉงคูแห่งเผ่าฉงฉีก็ถูกขอให้เปลี่ยน!”

“ธิดาสวรรค์แห่งตระกูลหานก็ถูกขอให้เปลี่ยน!”

“คล้ายว่านักบุญยุคโบราณท่านหนึ่งก็ถูกขอให้เปลี่ยน!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่วเขาหยงหมิง เรื่องนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเกินไป

ผู้ที่ถูกขอให้เปลี่ยนที่พำนัก ล้วนมีภูมิหลังน่าตะลึงกันทั้งนั้น

ทว่าคนระดับนี้กลับถูกขอให้เปลี่ยนที่พำนัก

เช่นนั้นสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเข้ามาพักในสถานที่เหล่านี้ต้องสยดสยองเกินหยั่งถึงเพียงใดกัน?

ไม่ต้องคิดเยอะ ถูกขอให้เปลี่ยนที่ต้องเพราะว่ามีสิ่งมีชีวิตตนอื่นจักเข้าไปพักแทนแน่นอน

มิฉะนั้นไยต้องขอให้พุทธบุตรและคนอื่น ๆ เปลี่ยนที่พำนักด้วย

ชั่วขณะนั้น พวกเขาล้วนอยากรู้อยากเห็นในสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเข้าพักในสถานที่เหล่านี้ขึ้นมา!

[1] พุทธบุตร (佛子) กล่าวถึงพระอริยะ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ท่านเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นบุตรของพระพุทธเจ้า

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท