แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 298 รอดจากแก๊งค้ามนุษย์

ตอนที่ 298 รอดจากแก๊งค้ามนุษย์

ตอนที่ 298 รอดจากแก๊งค้ามนุษย์

หญิงวัยกลางคนหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่รปภ. “อาศัยประโยคภาษาอังกฤษแค่สองประโยค คุณก็ด่วนสรุปแล้วเหรอว่าพวกเราเป็นคนลักพาตัว? พวกคุณทำงานกันยังไง?”

สีหน้าของเจ้าหน้าที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผมยังไม่ได้สรุปด้วยซ้ำ แค่ต้องการพาตัวพวกคุณไปสอบสวนให้รู้แน่ชัดว่าคุณลักพาตัวเด็กคนนี้จริงไหม หรือว่าคุณร้อนตัว ถึงไม่ยอมให้ความร่วมมือ?”

หญิงวัยกลางคนถูกถามแบบนี้ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

หลินม่ายเตือนเขาว่า “ฉันสงสัยว่าเด็กคนนี้ถูกพวกเขาวางยาค่ะ ทำให้หล่อนไม่สามารถทรงตัวเดินได้ด้วยตัวเอง แถมยังลิ้นเปลี้ยจนพูดอะไรไม่ได้ คุณอย่าเชื่อที่พวกเขาแอบอ้างว่าหล่อนป่วยเป็นโรคลมบ้าหมูเชียวนะคะ ปกติแล้วโรคลมชักควรเป็น ๆ หาย ๆ ไม่ใช่แสดงอาการตลอดเวลาแบบนี้”

ถึงตัวเธอไม่ใช่หมอ แต่สองชาติที่แล้วเคยมีคนรู้จักของเธอคนหนึ่งป่วยเป็นโรคลมบ้าหมู ทำให้เธอพอจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอาการนี้

ในที่สุด ชายหญิงวัยกลางคนกับหญิงสาวคนนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไป

เวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงวันโดยไม่รู้ตัว หลินม่ายหยิบอาหารกลางวันที่ห่อมาด้วยออกจากกระเป๋า ในขณะที่กำลังจะเริ่มกิน ก็เห็นหญิงสาวคนเดิมเดินตรงมาด้วยท่าทางสดชื่น

พอเห็นว่าตรงหน้าหลินม่ายมีทั้งกระเพาะหมูผัดเครื่องเทศ ไก่ย่าง ยำหูหมู และผักดองอีกหลายชนิด หล่อนก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “ของโปรดของฉันทั้งหมดเลย!”

หล่อนนั่งลงตรงที่นั่งฝั่งตรงข้าม เอียงคอถามว่า “คุณช่วยแบ่งอาหารให้ฉันสักนิดหนึ่งได้ไหม?”

อาหารมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าหลินม่ายไม่มีทางกินคนเดียวหมด เธอจึงพูดอย่างใจดี “ได้สิ แต่ฉันไม่มีตะเกียบอีกคู่ให้คุณใช้หรอกนะ”

“ฉันเพิ่งล้างมือมา เดี๋ยวใช้มือหยิบกินก็ได้”

ว่าแล้วหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มก็ยื่นมือไปหยิบกระเพาะหมูขึ้นมากัดกินคำหนึ่ง ถึงท่าทางจะดูหิวโหยแต่ก็ยังน่ารัก

หลินม่ายคีบยำหูหมูมากินคู่กับซาลาเปา ถามเธอว่า “ตอนนี้อาการคุณดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

หญิงสาวแสดงท่าทีกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา “ฉันกินได้ขนาดนี้แปลว่าอาการดีขึ้นมากแล้วล่ะ ยานอนหลับที่อยู่ในร่างกายฉันหมดฤทธิ์ไปแล้ว!”

หลินม่ายยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชม “คุณเก่งมาก ยังมีสติพอจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ก่อนที่ยานอนหลับจะออกฤทธิ์”

หญิงสาวรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย “พอฉันรู้ว่าสองคนนั้นเป็นแก๊งค้ามนุษย์ ฉันก็พยายามตามน้ำไปอย่างระมัดระวัง พวกเขาบังคับให้ฉันกลืนยานอนหลับ ฉันก็ยอมกลืน แต่ความจริงแล้วฉันอมยาอีกครึ่งหนึ่งไว้ใต้ลิ้น ฉวยโอกาสที่พวกเขาไม่ทันสนใจแอบบ้วนออกมา จากนั้นก็ทำเป็นว่ายานอนหลับที่กินเข้าไปออกฤทธิ์ แกล้งหลับตลอดเวลา จนกระทั่งพวกเขาพาฉันขึ้นรถไฟ ฉันก็รู้ว่าโอกาสของตัวเองกำลังจะมาถึง นั่นคือตอนที่ฉันเริ่มขอความช่วยเหลือ”

หลินม่ายยังไม่เข้าใจนิดหน่อย “คุณออกจะฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกเอาได้ล่ะ?”

“อ๊ะ! อย่าพูดถึงมันเลยน่า!” หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก “คงเป็นเพราะฉันไม่มีประสบการณ์ทางสังคมมากพอ ผู้หญิงคนนั้นอ้างว่าตัวเองปวดท้อง มาขอความช่วยเหลือให้ฉันช่วยพากลับโรงแรม ฉันก็หลงเชื่อ ไม่คิดว่าทันทีที่ก้าวขาเหยียบโรงแรมแล้วจะถูกผู้ชายอีกคนช่วยกันจับตัวไว้ แถมยังขู่ด้วยว่าถ้าฉันไม่ยอมเชื่อฟัง จะฆ่าฉันทิ้งซะ”

หลินม่ายพูดยิ้ม ๆ “ไม่เป็นไร อย่างน้อยคุณก็มีประสบการณ์แล้ว รอบต่อไปจะได้ไม่โดนใครหลอกง่าย ๆ อีก”

หญิงสาวพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ดีเหลือเกินที่คุณช่วยฉันไว้ ไม่งั้นป่านนี้ฉันคงถูกแก๊งค้ามนุษย์พวกนั้นพาไปขายที่กว่างโจวซะแล้ว”

ความหมายของประโยคที่ว่า “พาไปขายที่กว่างโจว” ชัดเจนในตัวของมันเอง

หลินม่ายได้ยินแล้วอดรู้สึกกลัวแทนอีกฝ่ายไม่ได้

ถ้าหล่อนถูกขายให้กับย่านโคมแดงใต้ดินของกว่างโจว ชีวิตที่ต้องประสบหลังจากนั้นคงเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

เธอโบกมือ “ด้วยความยินดี เป็นเพราะคุณพยายามช่วยฉันก่อน… แล้วตอนนี้แก๊งค้ามนุษย์สองคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

“จะเป็นอะไรไปได้? พวกเขาค้นเจอน้ำส้มที่เจือปนยาเสพติดหลายขวดในถุงผ้าของผู้หญิงคนนั้น ถือเป็นหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา ไม่พ้นโดนจับเข้าคุกแน่”

หญิงสาวทำท่าทางโล่งใจก่อนจะพูดต่อ “ตอนนั้นฉันกลัวแทบตายว่าคุณอาจเผลอดื่มน้ำส้มนั่นเข้าไป”

หล่อนไม่วายเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ออกมานอกบ้านทั้งที อย่าเผลอกินหรือดื่มอะไรที่คนแปลกหน้าหยิบยื่นให้เชียว”

หลินม่ายตอบรับด้วยรอยยิ้ม

หลังจากกินกระเพาะหมูผัดเครื่องเทศจนอิ่มแล้ว หญิงสาวก็หยิบกระดาษชำระออกมาเช็ดมือ แล้วยื่นมือไปทางหลินม่าย “มาทำความรู้จักกันดีกว่า ฉันชื่อไป๋ลู่ คุณชื่ออะไร?”

หลินม่ายชำเลืองมองมือของอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะเช็ดแล้วแต่ก็ยังเหลือคราบมันเยิ้มอยู่ ก่อนจะเขย่ามือเธออย่างไม่เต็มใจ “หลินม่าย หลินที่แปลว่าป่า ม่ายที่แปลว่าข้าวสาลี”

“ฟังดูดีมากเลยนะ”

ไป๋ลู่หยิบขาไก่ย่างขึ้นมาแล้วเริ่มแทะอย่างไม่เกรงใจ

หลินม่ายยกยอเธอกลับ “ชื่อของคุณก็เพราะไม่แพ้กันนั่นแหละ”

หญิงสาวอธิบายว่า “ฉันเกิดในวันไป๋ลู่(1) แม่ก็เลยตั้งชื่อให้ฉันว่าไป๋ลู่ ฉันยังมีน้องสาวอีกคนที่ชื่อไป๋ซวง หล่อนได้ชื่อนั้นเพราะเกิดในวันซวงเจี้ยง(2)พอดี”

หลินม่ายหัวเราะ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฟ้าถึงลิขิตให้เรามาเจอกัน ฉันเองก็เกิดในวันซวงเจี้ยงเหมือนกัน”

“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?”

“9 ตุลาคมปีนี้ก็จะครบสิบแปดปี”

ตัวเลขที่หลินม่ายบอกคืออายุจริงของตัวเอง

“อายุเท่าน้องสาวฉันเลย”

ไป๋ลู่ไล่สายตามองหน้าเธอขึ้น ๆ ลง ๆ หลายครั้ง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณดูเหมือนเป็นน้องสาวของฉันเองยังไงยังงั้น ในขณะที่น้องสาวแท้ ๆ ของฉันหน้าตาไม่เหมือนฉันเลยสักนิด”

หลินม่ายอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “คุณก็ทำเป็นพูดไป…”

ไป๋ลู่พูดอย่างจริงจัง “ฉันเปล่าพูดจาไร้สาระนะ น้องสาวของฉันหน้าตาดูไม่เหมือนใครสักคนในครอบครัวเลย คุณยังดูคล้ายคลึงกับแม่ฉันมากกว่า”

หลินม่ายไม่รู้จะตอบกลับอะไรนอกจากยิ้ม

ไป๋ลู่ยังคงทำเสียงเคร่งขรึมต่อไป “ฉันพูดความจริงล้วน ๆ น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้พกรูปถ่ายติดตัวมาด้วย ถ้าฉันเอารูปถ่ายพวกนั้นมาให้คุณดู คุณต้องเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดแน่ ๆ”

หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำแล้ว สองสาวก็แลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อของกันและกัน ไป๋ลู่ลงจากรถไฟเมื่อไปถึงสถานีหนึ่ง

หล่อนบอกว่าตนตั้งใจเดินทางมาหาคุณยายตามลำพัง

คุณยายของหล่อนอาศัยอยู่ในเมืองชิงหย่วน

พอไป๋ลู่เตรียมตัวจะจากไป หลินม่ายก็ไม่ลืมเตือนให้หล่อนระวังตัว

ไป๋ลู่หันหน้ากลับมาตอบเธอว่า “เข้าใจแล้ว คุณเองก็อย่าลืมส่งจดหมายหรือโทรหาฉันด้วยล่ะ”

หลินม่ายตอบรับ

กว่าจะมาถึงกว่างโจวก็เป็นเวลาค่ำแล้ว

หลินม่ายเหลือบไปเห็นทหารสังกัด PLA(3) ยืนรวมกลุ่มอยู่ข้างหน้า ก็รีบวิ่งไปอยู่ข้างหลังก่อนจะเดินออกจากสถานีไปพร้อมพวกเขา

ทหารสังกัด PLA เหล่านั้นหันมามองเธอแวบหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเธอเป็นแค่สาวน้อยธรรมดาที่ดูไม่มีพิษมีภัย จึงไม่มีใครให้ความสนใจมากนัก

ด้วยเกราะกำบังอันแข็งแกร่งอย่างพวกเขา ทำให้หลินม่ายสามารถเดินฝ่าสิงสาราสัตว์น่ารำคาญหน้าสถานีรถไฟออกมาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะตรงไปที่บ้านของเคอจื่อฉิง

เคอจื่อฉิงรู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังเดินทางมาหาเพราะได้รับโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้า ดังนั้นจึงเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้รอ

ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างรับประทานอาหาร หลินม่ายบอกว่าเธออยากซื้อจักรเย็บผ้ากับจักรโพ้ง เลยลองถามอีกฝ่ายดูว่าในโกดังด่านศุลกากรพอจะมีหรือเปล่า

เคอจื่อฉิงส่ายหน้า “หัวหน้าสือไม่ชอบเก็บของประเภทเครื่องจักรกลโรงงานไว้เท่าไหร่หรอก แต่ฉันได้ยินว่าในโกดังมีตู้เย็นสามพันตู้ เธออยากได้หรือเปล่าล่ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นของ Toshiba นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น”

หลินม่ายตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

ตู้เย็น Toshiba ของญี่ปุ่นมีราคาขายในท้องตลาดสูงกว่าสองพันหยวน ไม่ว่าจะบนห้างหรือในตลาดมืดก็มีสินค้าอยู่แค่น้อยนิด

เดิมทีสินค้าก็มีน้อยอยู่แล้ว ยังโดนคนรวยที่มีอำนาจกว้านซื้อไปจนหมด

ถ้าเหมาตู้เย็นพวกนี้ไปขาย คงทำกำไรได้มากมายมหาศาล!

เธอรีบพยักหน้ารัวเหมือนไก่จิกข้าว “สนใจสิ! สนใจแน่อยู่แล้ว!”

สินค้าที่เธอเพิ่งซื้อมาจากด่านศุลกากรรอบก่อนหน้านี้ เฉินเฟิงหาช่องทางขายออกไปจนเกลี้ยง รายได้ทั้งหมดที่ได้รับเป็นเกือบเหยียบหลักล้าน

ดังนั้นเธอจึงซื้อตู้เย็นพวกนี้ได้ด้วยเงินของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรบกวนหุ้นส่วนอย่างเฉินเฟิงอีกต่อไป

หลังจากตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น หลินม่ายชวนเคอจื่อฉิงออกไปจิบชายามเช้า จากนั้นค่อยตามอีกฝ่ายไปพบหัวหน้าสือ

ยังไม่ทันที่ใครจะอ้าปาก เธอก็ยัดซองเงินปึกหนาใส่มือหัวหน้าสือแล้วเรียบร้อย

หัวหน้าสือลองคลำดูก็รู้ว่ามันหนาพอ ๆ กันกับครั้งที่แล้ว เดาว่าไม่สามพันก็สองพันเป็นอย่างต่ำ หล่อนจึงพึงพอใจมาก

หล่อนรีบเก็บซองเงินใส่กระเป๋า หันไปพูดกับเคอจื่อฉิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยินดี “เสี่ยวเคอ ถ้าเพื่อนของเธอถูกใจอะไรเป็นพิเศษ มาขอให้ฉันเซ็นอนุมัติได้เลย ไม่ต้องเกรงใจกัน”

เคอจื่อฉิงตอบรับอีกฝ่ายด้วยประโยคสุภาพสองสามคำพร้อมรอยยิ้ม ใช้โอกาสนี้ถามหล่อน “หัวหน้าสือ คุณช่วยหาสินค้าประเภทจักรเย็บผ้ากับจักรโพ้งให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีเพื่อนฉันอยากได้หลายสิบหลังเลยค่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………

วันไป๋ลู่/ป๋ายลู่ (白露) ฤดูกาลที่ 15 ใน 24 ฤดูกาลจีน อยู่ช่วงประมาณวันที่ 7-8 กันยายนของทุกปี สภาพอากาศในช่วงวันไป๋ลู่ เริ่มมีน้ำค้างเกาะบนใบไม้ ยังคงมีฝนบ้าง อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากฤดูร้อนเป็นฤดูใบไม้ร่วง

วันซวงเจี้ยง (霜降) ฤดูกาลที่ 18 ใน 24 ฤดูกาลจีน อยู่ช่วงประมาณวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี *แต่ในเรื่องบอกว่า 9 ตุลาคม* เป็นช่วงสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ช่วงเวลานี้น้ำค้างตามธรรมชาติเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากความหนาวเย็น

ทหารสังกัด PLA (解放军) หรือกองทัพปลดปล่อยประชาชน กองทัพของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเป็นกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก สัญลักษณ์ของกองทัพประกอบด้วยดาวแดงที่มีอักษรจีน ‘แปด-หนึ่ง’

สารจากผู้แปล

เอ๊ะ สองสาวนี่เป็นจะพี่น้องที่พลัดพรากกันตั้งแต่ยังแบเบาะหรือเปล่านะ หญิงสาวคนนี้จะเป็นพี่สาวแท้ๆ ของม่ายจื่อหรือเปล่านะ?

ตู้เย็นแบรนด์นี้ใช้ดีอยู่เด้อ

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท