รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 286 ยอดนิกายไร้นามเคยขับไล่สิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนจนล่าถอย!

บทที่ 286 ยอดนิกายไร้นามเคยขับไล่สิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนจนล่าถอย!

บทที่ 286 ยอดนิกายไร้นามเคยขับไล่สิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนจนล่าถอย!

“น่ากลัวเพียงนั้นเชียวหรือ? ตัดคำว่า ‘หรือ’ ออก ต้องบอกว่าน่ากลัวไร้ที่เปรียบ!”

สีหน้าของหญิงชราเคร่งขรึมเป็นพิเศษ

ยิ่งรู้สึกถึงสายเลือดในร่างของแมวสีขาวตัวน้อย นางก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น สายเลือดนี้ช่างเกรงกลัวยิ่งนัก นางรู้สึกว่าสายเลือดในร่างของแมวสีขาวตัวน้อยนั้นเข้มข้นยิ่งกว่าสายเลือดสิบอสูรร้ายเสียอีก!

“สายเลือดเช่นนี้กำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร? นี่จะต้องมียอดนิกายคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน!”

หญิงชรากล่าวต่อ

“ยอดนิกาย? บนโลกใบนี้ยังมียอดนิกายแข็งที่แกร่งกว่าพวกเราด้วยหรือ?”

หานเยว่ถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“แน่นอนว่ามี!”

หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “โลกใบนี้ซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิด! เจ้ามัวแต่ฝึกตน รู้เรื่องราวภายนอกน้อยนัก แม้ตระกูลหานของเราจะแข็งแกร่ง แต่โลกใบนี้ยังมียอดนิกายแข็งแกร่งกว่าดำรงอยู่…”

โลกนี้เต็มไปด้วยความลับอันยิ่งใหญ่มีความลับอันน่าสะพรึงกลัวอยู่มากมาย หากไล่เรียงตามหาถึงที่สุดเกรงว่าจะทำให้ผู้คนตกใจกลัวจนตายได้!

นับตั้งแต่หานเยว่ฝึกตนมา นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางได้ออกมาและนางยังรู้จักโลกนี้น้อยเกินไป

หญิงชราเล่าความลับที่ไม่ค่อยมีคนรู้ให้หานเยว่ฟัง

“แต่ละอาณาจักรมีเจตจำนงแห่งสวรรค์และโลกเป็นของตัวเอง คอยปกป้องสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรนั้น ๆ”

หญิงชรากล่าว “ระหว่างอาณาจักรนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรที่ต่ำที่สุดหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะข้ามไปอยู่ดี และนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดมันจึงยากที่จะข้ามได้ ก็เพราะมีเจตจำนงแห่งสวรรค์และโลกคอยขวางกั้นเอาไว้”

นักบุญยากก้าวข้ามอาณาจักรได้ ขอบเขตสูงสุดยิ่งทำเช่นนั้นไม่ได้ ทลายเจตจำนงแห่งสวรรค์และโลกเป็นเรื่องยากเกินไป

สองอย่างเหล่านี้มีสิ่งขวางกั้นเอาไว้อยู่

เจตจำนงของสวรรค์และโลกจะขวางกั้นไม่ให้สิ่งมีชีวิตภายในออกไป เจตจำนงของสวรรค์และโลกในอาณาจักรอื่นจะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตภายนอกเข้ามา

“มีสิ่งขวางกั้นเช่นนี้อยู่ แต่สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนกลับเพิกเฉยมันได้ คิดดูแล้วกันว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนทรงพลังเพียงใด!”

หญิงชรากล่าวเสียงหนักอึ้ง “ไม่รู้ว่าเหตุใดกาลเวลาผ่านไป สภาพแวดล้อมในอาณาจักรของพวกเราถึงย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ที่แย่ไปกว่านั้น เทียบกับสมัยโบราณ ยุคของพวกเรานั้นอ่อนแอกว่ายุคก่อน ๆ หลายเท่า มหาจักรพรรดิก็มีแค่ไม่กี่คน”

นางกล่าวต่อ “ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน เดิมทีสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรของพวกเราก็ไม่อาจต้านได้แล้ว เช่นนี้ ในภายภาคหน้าพวกเราจะต้องถูกกวาดล้างอย่างแน่นอน ความแตกต่างนั้นมีมากเกินไป!”

“คงไม่ถึงเพียงนั้นกระมัง!”

ดวงตากลมโตของหานเยว่เบิกกว้าง นางไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่แม่เฒ่ากล่าว

นางกล่าวต่ออีกว่า “หากเป็นเช่นนั้นจริง เราจะเอาชนะสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนได้อย่างไรกัน?”

“ข้าก็บอกไปแล้วอย่างไรอาณาจักรของพวกเรานั้นหาได้เรียบง่ายเช่นนั้น!”

หญิงชรากล่าวว่า “เมื่อต้องเผชิญกับการกวาดล้างสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน แต่เดิมสิ่งมีชีวิตในโลกของเราก็ไม่มีกำลังจะต้านอยู่แล้ว และในตอนนั้นก็ปรากฏหมู่สิ่งมีชีวิตไร้นามออกมา…”

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้แต่ละตนมีความสามารถอันน่าอัศจรรย์ใจ ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตหรือวิชาอภินิหารล้วนแต่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตรุ่นเดียวกัน!

“เป็นเพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทำให้พวกเราขับไล่สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนได้”

หญิงชรากล่าว “ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพวกเราจะขับไล่สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนออกไปได้อย่างไร? อาณาจักรเทียนหยวนมาจากอาณาจักรตอนกลาง!”

สวรรค์นั้นกว้างใหญ่มีอาณาจักรมากมายดำรงอยู่

ตอนบนมีเก้าอาณาจักร เรียกว่า เก้าอาณาจักรตอนบน ผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของหมื่นอาณาจักร

รองลงมาเป็นอาณาจักรตอนกลาง มีพื้นที่ทั้งหมดสี่แสนห้าหมื่นกว่าหมู่

ส่วนที่เหลือเป็นอาณาจักรตอนล่างซึ่งมีพื้นที่มากมายนับไม่ถ้วน

เหตุใดอาณาจักรจึงถูกแบ่งแยกเช่นนี้ ก็เพราะมีเจตจำนงแห่งสวรรค์และโลกเป็นผู้กำหนด

ถูกกำหนดโดยพลังแห่งเจตจำนงแห่งสวรรค์และโลกภายในอาณาจักรของมัน

เจตจำนงแห่งสวรรค์และโลกใบนี้แข็งแกร่ง สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนั้นก็มีกำลังมาก

กลับกัน หากเจตจำนงของสวรรค์และโลกของอาณาจักรนั้นอ่อนแอ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนั้นก็จะตกต่ำตามไปด้วย ขอบเขตบรรลุก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก

เจตจำนงของสวรรค์และโลกในอาณาจักรตอนกลางเหนือกว่าอาณาจักรตอนล่างหลายสิบเท่า หากเป็นสถานการณ์ปกติ อาณาจักรตอนกลางสามารถทำลายตอนล่างได้อย่างง่ายดาย

อาณาจักรเทียนหยวนเป็นหนึ่งในอาณาจักรแข็งแกร่งจากตอนกลาง

“พวกเราเป็นเพียงอาณาจักรตอนล่าง หากสิ่งมีชีวิตไร้นามเหล่านั้นไม่ปรากฏตัว พวกเราคงถูกกำจัดไปแล้ว!”

หญิงชรากล่าว

เพียงแต่พวกเขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตไร้นามเหล่านั้น พวกเขาปรากฏได้อย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่เคยปรากฏในยุคสมัยใด นับว่าลึกลับอย่างยิ่ง

“ในตอนนั้นปรากฏอสูรน่าเกรงขามขึ้น อ้าปากเขมือบยอดฝีมือมหาจักรพรรดิหลายสิบคนของอาณาจักรเทียนหยวนในครั้งเดียว อสูรตนนี้ดุร้ายยิ่งกว่าสิบสายเลือดสัตว์อสูรในตำนานเสียอีก!”

หญิงชราจ้องมองแมวสีขาวตัวน้อยบนยอดเขา สีหน้ายิ่งเคร่งขรึม “ข้าคิดว่าแมวสีขาวตัวน้อยตัวนี้อาจเกี่ยวข้องกับอสูรน่าเกรงขามตนนั้น!”

“เบื้องหลังพวกเขาจะต้องทำให้ผู้คนหวาดกลัวเพียงใดกัน!”

หานเยว่รู้สึกหวาดกลัว

“เหล่าสิ่งมีชีวิตไร้นามในสมัยโบราณนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นยอดนิกาย เป็นไปได้ว่าอาจมีการสืบทอดกันต่อมา

ข้าคิดว่าคนเหล่านี้อาจมาจากยอดนิกายไร้นามเหล่านั้น!”

หญิงชรากล่าวต่อ “อีกอย่างเวลามันบังเอิญเกินไป พวกเขาปรากฏตัวขึ้นก่อนเกิดก่อนเกิดหายนะได้พอดิบพอดี…”

สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางเชื่อว่าพวกเซี่ยเหยียนมาจากยอดนิกายไร้นาม! ในอีกด้านหนึ่ง ฝู่ถูกับเหล่านักบุญท่านอื่น ๆ ตระกูลใหญ่กับสำนักใหญ่พวกเขาต่างก็นึกถึงยอดนิกายไร้นามเหล่านั้นเช่นกัน รู้สึกว่าพวกเซี่ยเหยียนน่าจะมาจากยอดนิกายน่าเกรงขามไร้นามกลุ่มนั้น

ตระกูลซางให้ความสำคัญกับพวกเซี่ยเหยียนถึงเพียงนี้ หรือว่าตระกูลซางจะรู้เรื่องนี้ล่วงหน้า!

“ฮ่า ๆ แดนบูรพาทิศของข้าช่างร้ายกายนัก!”

“นั่นคืออัจฉริยะท้าทายสวรรค์ทั้งแปดคนที่ปรากฏตัวขึ้นในแดนบูรพาทิศของเรา ข้าคิดว่าตระกูลซางให้ความสำคัญเพราะพวกเขารู้เรื่องนี้!”

สิ่งมีชีวิตมากมายในภูเขาหยงหมิงพากันหัวเราะออกมา

พวกเขามาจากแดนบูรพาทิศย่อมจำพวกอ้ายฉานได้

ตอนนั้นนิมิตที่พวกอ้ายฉานสร้างขึ้นนั้นช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ไม่เพียงสร้างความตกตะลึงไปทั่วทิศแดนบูรพาทิศ แต่ทั่วทั้งเหยียนโจวทั้งหมดล้วนแต่ตกอยู่ในความตะลึงงัน

ตอนนี้พวกอ้ายฉานเปล่งประกาย ล้ำค่าสำหรับตระกูลซาง ขนาดพวกเขายังภูมิใจมากที่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตในแดนบูรพาทิศเดียวกัน

ไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิตจากแดนบูรพาทิศเท่านั้นที่ภาคภูมิใจมาก กระทั่งสิ่งมีชีวิตจากตระกูลประจิม ทักษิณ อุดร ภาคกลางก็เช่นกัน

สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฮวงกับดินแดนฝอนั้นแข็งแกร่งเกินไป เดิมทีพวกเขาสิ่งมีชีวิตจากเหยียนโจว อยู่ต่อหน้าดินแดนฮวงกับดินแดนฝอไม่นับว่าเป็นอะไรได้ ในใจของพวกเขาย่อมรู้สึกอัดอั้น

การปรากฏตัวของพวกอ้ายฉานได้ขจัดความรู้สึกอัดอั้นในใจของพวกเขาออกไปจนสิ้น พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจสุขใจยิ่ง

ดูสิ ไม่ว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเจ้าจะยังไม่ให้พื้นที่พวกเราชาวเหยียนโจวได้หรือ?

กล่าวถึงตรงนี้ พวกเราชาวเหยียนโจวช่างร้ายกาจยิ่งนัก!

พวกเขาครุ่นคิดกับตัวเอง

เพียงแต่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในเหยียนโจวทุกตนจะภาคภูมิใจสุขใจเช่นนี้

มีสิ่งมีชีวิตมากมายหลังได้เห็นพวกอ้ายฉาย สีหน้าของแต่ละตนก็กลายเป็นน่าเกลียด ดวงตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

“ฮึก! อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของสำนักข้า!”

“สุดยอดกำลังรบ ถึงไปก็ตายอยู่ดี!”

พวกเขานึกถึงอดีต น้ำตาของพวกเขาก็แทบไหลไม่หยุด

ช่างน่าเวทนายิ่ง

พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น นอกจากลัทธิไท่เสวียน กลุ่มอำนาจลึกลับจากภาคกลาง หลังจากพวกเขาถูกบังคับให้

ปรากฏตัว พวกเขาก็มาที่นี่ด้วย

ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยคิดจะดึงเอาพวกอ้ายฉานมาเป็นพวกกลุ่มเดียวกัน

แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง พวกอ้ายฉานไม่เห็นความหวังดี พวกเขาส่งยอดฝีมือไปกลุ่มหนึ่งก็ตายยกกลุ่ม!

แม้แต่อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่เหลือ

ไปก็ตาย!

นี่มันเสียทั้งฮูหยินทั้งไพร่พลชัด ๆ จนถึงตอนนี้พวกเขาเศร้าใจยิ่ง นึกขึ้นมาได้แล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด

นี่ถือเป็นประสบการณ์คละเคล้าเลือดน้ำตาของพวกเขา!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท