รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 287 ความรู้สึกที่คุ้นเคย ฆาตกรที่สังหารน้องชายข้าถูกพบแล้ว!

บทที่ 287 ความรู้สึกที่คุ้นเคย ฆาตกรที่สังหารน้องชายข้าถูกพบแล้ว!

บทที่ 287 ความรู้สึกที่คุ้นเคย ฆาตกรที่สังหารน้องชายข้าถูกพบแล้ว!

“บอกเรื่องของพวกเจ้ามาสิ”

กลุ่มอำนาจลับภาคกลางเหล่านี้ถึงกับร้องไห้เสียงดัง ย่อมมีคนไปมาถามพวกเขา

“แค่เรื่องเล็กน้อย!”

“ไม่เห็นหรือว่าพวกข้ากำลังเสียใจ ยังมาซ้ำเติมพวกข้าอีกหรือ!”

กลุ่มอำนาจลับภาคกลางกล่าวอย่างโกรธเคือง

พวกเขาจะยังอารมณ์ดีได้อย่างไร?

ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ทำพวกเขาแทบกระอักเลือด ที่สำคัญพวกเขาไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนสังหารยอดฝีมือกลุ่มของพวกเขาน่ะสิ!

“แค่เรื่องเล็กน้อย ได้! หากเป็นเช่นนั้นพวกเรามาหารือเรื่องเล็กน้อยกันเถอะ บอกข้าหน่อยว่าบนร่างกายเจ้าเป็นขนแบบใดกัน…”

สีหน้าคนผู้นั้นเย็นชาผนวกกับลมปราณอันทรงพลังแผ่ซ่านออกมาจากกายของเขา

เพียงชั่วพริบตา เหล่ายอดฝีมือกลุ่มอำนาจลับจากภาคกลางถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เสื้อผ้าของพวกเขาเปียกโชก ร่างยอดฝีมือสั่นเทาไม่หยุด จิตวิญญาณสั่นกลัว!

ปราณของคนผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกเขาทนไม่ไหว ขอบเขตของคนผู้นี้สูงกว่าพวกเขาหลายเท่า

“อ๊า พวกเราผิดไปแล้ว!””

“ได้โปรดให้โอกาสพวกเราอีกครั้งเถอะ!”

พวกเขารีบขอโทษกับคนผู้นี้ คนผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลหานแห่งดินแดนฮวง แม่เฒ่าตระกูลหาน ซึ่งอยู่ด้านข้างหานเยว่

“ไม่ใช่บอกว่าเป็นเรื่องขน*[1]หรือ? บอกให้ข้าฟังสิ”

แม่เฒ่าตระกูลหานกำลังยันไม้เท้าหลีมู่ แม้ใบหน้าของนางจะไม่เแสดงออก ทว่าก็ยังน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกอึมครึมสุด ๆ

คำพูดของกลุ่มอำนาจลับภาคกลางดึงดูดความสนใจนาง นางยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับพวกอ้ายฉานจากกลุ่มอำนาจลับภาคกลางให้มากขึ้น

นางไม่ใช่คนเดียวที่สนใจ พระอาจารย์เกาเซิง ผู้อาวุโสลัทธิเจี๋ยเทียน ฝู่ถูกับตระกูลใหญ่เองต่างสนใจด้วยเช่นกัน เพียงแต่ต่างลอบสังเกตจากที่ไกล

เสียงตะโกนเมื่อครู่ดังเกินไป พวกเขาเรียกพวกอ้ายฉานเช่นนั้น ยากที่พวกเขาจะไม่เป็นจุดเด่น

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องเหล่านี้ กลุ่มอำนาจลับภาคกลางถึงกับร้องไห้อย่างขมขื่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขากับอ้ายฉานเคยมีเบื้องลึกเบื้องหลังกันมาก่อน

อีกทั้งพวกเขาทั้งหมดต่างมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก

“ได้… ข้าจะบอก!”

หนึ่งในกลุ่มอำนาจลับทนแรงกดดันของปราณนั้นไม่ไหว จึงได้เอ่ยปากเล่า

“ทุกคนมีขนบนร่างกาย เจ้าให้ข้าพูดเรื่องขน ขนบนร่างของพวกเราเป็นแบบใด ข้าจะบอกให้เจ้ารู้แล้วกัน…”

ดียิ่งนัก! กลุ่มอำนาจลับกล่าวเช่นนี้… สีหน้าสิ่งมีชีวิตรอบข้างต่างเปลี่ยนไปและแปลกประหลาดยิ่งกว่าเก่า

นี่ยัง…จะไม่พูดความจริงอีก!?

เพียงแต่ยิ่งกล่าวก็ยิ่งรู้สึกสอดคล้องกันอย่างน่าประหลาดเหนือคาดหมาย!

แม้แต่พระอาจารย์เกาเซิงได้ยินก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่อาจสงบนิ่ง มุมปากของเขากระตุกไม่หยุด

“ไม่เลว ๆ แต่งบทเพลงตอนค่ำแล้วหาเทพธิดามาขับร้อง คิดว่ามันจะกลายเป็นบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ได้!”

ต้าเต๋อถึงกับปรบมือ รู้สึกว่าหากบทเพลงนี้ออกมาได้จะดียิ่งกว่า!

“…”

สีหน้าของแม่เฒ่าตระกูลหานอึมครึมยิ่งกว่าเก่า ดำคล้ำยิ่งกว่าถ่านดำ!

นางปล่อยให้ยอดฝีมือกลุ่มอำนาจลับเล่าเรื่องขนออกมา!?

เจ้าพวกนี้ฟังคำคนไม่เข้าใจหรือไร?

นางแค่ข่มขู่ สุดท้ายกลายเป็นกลุ่มอำนาจลับเล่า ‘เรื่องขน’ ออกมาจริง ๆ!

“หุบปาก!”

นางโกรธจัดกระแทกไม้เท้าหลีมู่ในมือลงบนพื้น ทันใดนั้นก็แผ่พลังอันทรงพลังออกมา ยอดฝีมือที่เป็นคนพูดปลิวลอยละลิ่วไปกระแทกจนกระอักเลือดได้รับบาดเจ็บสาหัส

“รนหาที่ตายนัก รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้!”

นางตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างหมดความอดทน

กลุ่มอำนาจลับของภาคกลางไม่กล้าปิดบังอีก พวกเขารีบบอกความจริงทุกอย่าง

พวกเขาเล่าอย่างละเอียด ตอนเล่าพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาอย่างเสียใจ

“ช่าน่าสมเพชนัก น่าอับอายเหลือเกิน พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ใดเป็นคนลงมือสังหารคนที่เราส่งไป…”

“อาวุธของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาในลัทธิไม่รู้ว่าต้องไปเอาหาเอาคืนจากผู้ใด!”

พวกเขาร้องไห้พลางกล่าว

กลุ่มอำนาจลับไม่รู้ว่าผู้สังหารกลุ่มใดเป็นผู้สังหารยอดฝีมือที่พวกเขาส่งไป

แต่แม่เฒ่าตระกูลหาน พระอาจารย์เกาเซิงกับเหล่าสิ่งมีชีวิตฟังแล้วกลับเข้าใจทันที

อ้ายฉานเด็กทั้งแปดคนเป็นคนของยอดนิกายไร้นาม ช่างสมกับเป็นยอดนิกายไร้นามนัก สังหารยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจลับจนสิ้น!

เข้าใจแล้ว!

พวกเขามองหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินบนยอดเขา พวกเขาคิดว่าหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินหาใช่ปุถุชนธรรมดา แม้พวกเขาจะไม่รู้สึกถึงร่องรอยฝึกตนบนร่างหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอิน แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ปุถุชนธรรมดา เป็นไปได้ว่าอาจจะมาจากยอดนิกายไร้นาม

แต่ดูจากตอนนี้ พวกเขาเหมือนจะคิดมากไปเอง

พวกอ้ายฉานทั้งแปดคนไม่ได้เป็นคนจากยอดนิกาย แต่หลังเกิดนิมิตท้าทายสวรรค์ พวกเขาจึงถูกยอดนิกายดูแล

หลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินน่าจะเป็นปุถุชนธรรมดา มาที่แห่งนี้ด้วยอาจเป็นเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับพวกอ้ายฉานทั้งแปดคน ก่อนพวกเขาจะก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน…

คิดว่าปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอิน น่าจะสนใจงานชุมนุมโลกแห่งการฝึกตน ดังนั้นจึงมาที่นี่กับพวกอ้ายฉาน

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลมากขึ้น

ถึงอย่างไรพวกเขาแต่ละคนมีขอบเขตสูงส่ง ซ้ำยังมีผู้ฝึกตนขอบเขตนักบุญอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หากหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินเป็นผู้ฝึกตนจริง ๆ พวกเขาจะไม่มีร่องรอยฝึกตนได้อย่างไร?

เพียงแต่ว่าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ที่ทำให้พวกเขามองหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินสบายใจขึ้น ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเดาของพวกเขา หากอยากพิสูจน์ความจริง พวกเขาจะต้องลงมือตรวจสอบอีกหลายครั้ง

“ต้องมีคนไปตรวจสอบพวกเขา พวกเจ้าแล้วกัน ไปตรวจสอบสถานการณ์ของพวกเขาทั้งหมดมาให้ข้า!”

พวกเขาออกคำสั่งให้เหล่ายอดฝีมือในกองกำลังของพวกเขาไปตรวจสอบ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนรู้จักของพวกอ้ายฉานทั้งแปดคน หรือเซี่ยเหยียน รวมถึงอันหลานเสวี่ย เรื่องทุกอย่างของพวกอ้ายฉานทั้งแปดคน หรือเซี่ยเหยียน รวมถึงอันหลานเสวี่ยในแดนบูรพาทิศต้องไปตรวจสอบมาทั้งหมด

หลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินเป็นปุถุชนและไม่เป็นที่รู้จัก แต่พวกเขารู้สึกว่าทั้งสองคนก็จำเป็นต้องถูกตรวจสอบด้วย

เมื่อพวกเขาได้ตรวจสอบความเป็นจริงทั้งหมดแล้วถึงจะได้เข้าใจทั้งหมดได้

ในอีกด้านหนึ่งฉงคูจ้องเขม็งไปที่เซี่ยเหยียน

มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยจากเซี่ยเหยียน!

‘ศพของน้องชายข้าอยู่บนร่างนาง!’

มันกัดฟันกรอด ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความดุร้าย

ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้มาจากความรู้สึกระหว่างมันกับน้องชาย นี่คือความรู้สึกระหว่างสายเลือด ไม่ผิดแน่!

น้องชายของมันตายตกไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าร่างของน้องชายของมันอยู่บนร่างของเซี่ยเหยียน ไม่เช่นนั้นมันจะรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้กับเซี่ยเหยียนได้อย่างไร!

‘เป็นเจ้าที่ฆ่าน้องชายข้าสินะ!’

มันโกรธแค้นคำรามอยู่ในใจ

ร่างของน้องชายมันอยู่บนร่างของเซี่ยเหยียนไม่ต้องสงสัยเลยว่าน้องชายของเขาต้องถูกเซี่ยเหยียนฆ่าเป็นแน่!

“อีกไม่นานบิดาจะมาแล้ว ถึงเวลานั้น ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”

มันแค่นเสียงกล่าวในใจ ทำอะไรผลีผลามไม่ได้ต้องรอฆ่าเซี่ยเหยียนเสียก่อน

ไม่ใช่ว่ามันไม่อยากทำ แต่มันทำไม่ได้ มันจะฆ่าพวกเซี่ยเหยียนได้อย่างไร หากคนตระกูลซางยังปกป้องพวกเขาอยู่เช่นนี้?

มันอยากฆ่าก็ฆ่าไม่ได้!

ถึงมันจะลงมือฆ่า มันก็รังแต่จะทำให้ตนเองอับอาย ยากจะทำสำเร็จ

หลังจากมันรู้ว่าน้องชายของมันตายแล้ว มันก็รีบแจ้งบิดาของมัน ท่านพ่อของมันก็รีบมาที่นี่ทันที

หลังท่านพ่อมาถึงแล้ว ไม่ว่าตระกูลซางอยากจะปกป้องเซี่ยเหยียนมากเพียงใด พวกเขาก็ทำไม่ได้

พวกมันจะต้องใช้เลือดของพวกเซี่ยเหยียนมาชดใช้ชีวิตน้องชายของมัน!

[1] เรื่องขน หมายถึง เรื่องเล็ก

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท