รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 290 อสูรร้ายระดับราชันศักดิ์สิทธิ์มาก็ไม่ไหว ไม่อาจต้านทานศรนั้นได้!

บทที่ 290 อสูรร้ายระดับราชันศักดิ์สิทธิ์มาก็ไม่ไหว ไม่อาจต้านทานศรนั้นได้!

บทที่ 290 อสูรร้ายระดับราชันศักดิ์สิทธิ์มาก็ไม่ไหว ไม่อาจต้านทานศรนั้นได้!

เสียงอสูรคำรามดังก้องอยู่ในปฐพี จิตสังหารสะท้านนภาโถมทับไปทั้งเขาหยงหมิง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในเขาล้วนรู้สึกเหมือนมีภูเขาถล่มทับจิตใจ อัดอั้นตันใจจนหายใจไม่ออก!

บิดาของฉงคูมา!

ทั้งที่มันยังอยู่ไกลพ้น ไม่ทันได้เข้าใกล้ด้วยซ้ำ สิ่งมีชีวิตในเขาก็เริ่มต้านไม่ไหว น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง!

บนชั้นเมฆ นัยน์ตาของมันเย็นยะเยือก รัศมีดุดันสะกดหัวใจ ทุกย่างก้าวของมันล้วนสยดสยองถึงขีดสุด ฟ้าดินสั่นคลอนตามขณะที่มันเยื้องย่าง!

พรวด พรวด พรวด!

บุปผาโลหิตสาดกระจายอยู่ภายในหยงหมิงดอกแล้วดอกเล่า ร่างและวิญญาณของผู้ฝึกตนพลังอ่อนหัดล้วนระเบิดออกขณะบิดาฉงคูก้าวเดิน ชีวาวายลงตรงนั้น!

นี่คืออสูรร้ายราชันศักดิ์สิทธิ์!

ราชันศักดิ์สิทธิ์พิโรธ สิ่งมีชีวิตต้องล้มตายเป็นล้าน โลหิตไหลรินออกไปพันหมื่นลี้ วาจานี้มิได้เป็นเพียงการกล่าวส่งเดช แต่น่ากลัวถึงปานนั้นจริง ๆ!

ตึง ตึง ตึง!

ภายในเขาหยงหมิง สิ่งมีชีวิตตนแล้วตนเล่าต้านทานรัศมีดุดันนั้นไม่ไหวจนล้มหมอบกับพื้น ผิวหนังชั้นนอกแหลกเหลวอย่างรวดเร็ว เลือดสาดกระเซ็น

รัศมีดุดันเยี่ยงนี้น่าสะพรึงเกินไป สิ่งมีชีวิตในเขาล้มระเนระนาดไปถึงเก้าในสิบ!

ติ๊งติ๊ง!

ด้านนักบุญโบราณอย่างพวกฝู่ถูแม้นมิได้ล้มหมอบกับพื้น กระนั้นแรงกดดันที่แบกรับก็มหาศาลยิ่ง ร่างของพวกเขาต่างถูกกดจนงอ หน้าตาซีดเซียว เม็ดเหงื่อไหลย้อยลงจากหน้าผากไปที่พื้นไม่หยุด ราวกับฝนตกอย่างไรอย่างนั้น!

รัศมีดุดันของอสูรร้ายราชันศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่ง ต่อให้พวกเขาเป็นถึงนักบุญยุคโบราณก็ต้านไม่ไหว ความห่างชั้นที่มีมิใช่เล็กน้อย พวกเขาเอ่ยวาจาไม่ออกสักคำ!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซาง พระอาจารย์เกาเซิงจากพุทธศาสนา ผู้อาวุโสหูแห่งลัทธิเจี๋ยเทียน แม่เฒ่าตระกูลหาน และยอดฝีมือจากตระกูลโบราณ กับสำนักโบราณอื่น ๆ ต่างเรียกศัสตราออกมาในทันที ทั้งยังผสานพลังตัวเองไว้กับศัสตรา ถึงปัดป้องรัศมีดุดันนี้ได้

ศัสตราส่องแสงมงคล แต่ละชิ้นล้วนมีระดับสูงส่ง มิใช่อาวุธขั้นสูงสุดก็เป็นอาวุธขั้นนภาสูงสุด หากมิใช่ว่าศัสตราเหล่านี้ระดับสูงพอ พวกเขาไม่มีทางปัดป้องรัศมีดุดันที่แผ่ซ่านออกจากตัวบิดาฉงคูได้!

สายเลือดของเผ่าฉงฉีน่าทึ่งยิ่ง พลังรบของบิดาฉงคูเหนือกว่าราชันศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ไปมาก!

“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็มา! ท่านไม่รู้ว่าพวกเขารังแกลูกปานใด!”

ฉงคูเหินขึ้นไปบนท้องฟ้า มาอยู่ข้างกายบิดาของเขา พร้อมชี้ไปทางผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางและกล่าวคำ “ท่านพ่อ เขาใช้ความเป็นอาวุโสรังแกผู้น้อย รังแกลูก!”

“จริงหรือ”

หลังจากบิดาฉงคู อสูรร้ายราชันศักดิ์สิทธิ์ตนนี้ได้ยินคำกล่าวของฉงคู นัยน์ตาของมันก็เบิกกว้างเป็นแนวตั้ง

“ใช้ความเป็นอาวุโสรังแกผู้น้อย เจ้าแก่ปูนนี้แล้ว อายุประสบการณ์ที่ผ่านมาของเจ้าไปอยู่กับสุนัขตัวไหนหรือ!”

เสียงของมันเย็นชา ลมปราณชั่วร้ายเอ่อล้นท่วมฟ้า อ้าปากปล่อยอสนีบาตผ่าไปที่ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซาง

อสนีบาตนี้น่ากลัวเหลือแสน อาวุธขั้นนภาสูงสุดที่ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางค้ำจุนอยู่ก็มิอาจต้านได้ ถูกฟาดจนกระแทกพื้นในพริบตา ประกายดับสนิท

เสียงดังพรวด ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางถูกถล่มจนกระเด็น อ้าปากกระอักเลือดออกมาคำโต ก่อนจะกระแทกลงพื้นอย่างแรง หน้าอกด้านขวาของเขาถูกยิงทะลุเป็นรูใหญ่ บาดเจ็บสาหัส!

เมื่อต้องเผชิญกับราชันศักดิ์สิทธิ์ ซ้ำยังเป็นราชันศักดิ์สิทธิ์กำลังรบแกร่งกล้าน่าพรั่นพรึงอย่างบิดาฉงคู ผู้อาวุโสเก้าห่างชั้นเกินไป ต่อให้ค้ำจุนอาวุธขั้นนภาสูงสุดไว้ได้ก็ต้านไม่ไหว!

อาวุธขั้นนภาสูงสุดถือเป็นระดับสูงส่ง ผู้อาวุโสเก้าเป็นเพียงราชันเทวา อานุภาพที่ใช้ได้จึงมีจำกัดอย่างมาก คิดจะหยุดยั้งการโจมตีของบิดาฉงคูนั้นออกจะไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และไม่มีทางทำได้

เขานำอาวุธจักรพรรดิชิ้นหนึ่งมาจากตระกูลซาง

ทว่าเขามิได้ใช้อาวุธจักรพรรดิชิ้นนั้น

เพราะเขารู้ดีว่าขอบเขตพลังของเขายังต่ำต้อย รีดเร้นได้เพียงเสี้ยวหนึ่งของพลานุภาพที่อาวุธจักรพรรดิมี และพลานุภาพเสี้ยวหนึ่งของอาวุธจักรพรรดินี้ไม่เพียงพอให้ต่อกรกับอสูรร้ายราชันศักดิ์สิทธิ์อย่างบิดาฉงคู

“เห็นแก่ตระกูลซาง หนนี้ข้าจักไว้ชีวิตเจ้า หากยังมีอีก ข้าจักฆ่าทิ้งไม่มีเมตตา!”

บิดาฉงคูเอ่ยเสียงเย็น มิได้ลงมือปลิดชีพผู้อาวุโสเก้า หากมันคิดฆ่าผู้อาวุโสเก้า การโจมตีของมันเมื่อครู่สามารถคร่าชีวิตผู้อาวุโสเก้าได้อย่างแน่นอน

ตระกูลซางมิใช่กองกำลังเล็ก ๆ มันไม่สามารถเข่นฆ่าตามใจชอบ ต้องยำเกรงกันบ้าง

“ท่านพ่อ ฆาตกรที่ฆ่าน้องชายอยู่ที่พระราชวังบนยอดเขา!”

ฉงคูชี้พระราชวังบนยอดเขา เอ่ยด้วยสายตาเคียดแค้น

มันไม่รู้บทสนทนาเมื่อครู่ของพวกยอดฝีมืออย่างแม่เฒ่าตระกูลหาน และมันก็ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วม

“ใจกล้าหรือไม่เห็นเผ่าเราอยู่ในสายตากันแน่!?”

บิดาฉงคูสายตาเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก

คร่าชีวิตลูกหลานของมันแล้วยังบังอาจเข้าร่วมงานชุมนุมนี้อย่างโจ่งแจ้ง โทสะลุกโชนอยู่ในใจของมัน ไม่เคยโมโหเท่านี้มาก่อน

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”

มันมุ่งหน้าไปยังพระราชวังบนยอดเขา

“อมิตาภพุทธ เหตุใดราชันศักดิ์สิทธิ์ถึงกราดเกรี้ยวเพียงนี้”

พระอาจารย์เกาเซิงจากพุทธศาสนาสวดภาวนาคำหนึ่ง ต้านแรงกดดันมหาศาลขณะก้าวเข้าไป หยุดยั้งบิดาฉงคู

“ราชันศักดิ์สิทธิ์ ท่านทำเกินไปแล้ว!”

ผู้อาวุโสหูแห่งลัทธิเจี๋ยเทียนสีหน้าอึมครึม ก้าวออกไปหยุดบิดาฉงคูเช่นกัน

“ท่าน…ไม่สามารถก้าวต่อไปได้แล้ว!”

แม่เฒ่าตระกูลหานเดินค้ำไม้เท้าหลีมู่ออกมาด้วย

ตระกูลโบราณ และสำนักโบราณอื่น ๆ พากันก้าวเข้ามา ขวางทางบิดาฉงคูอย่างพร้อมเพรียง

สถานะของพวกเซี่ยเหยียนได้รับการยืนยันแล้ว ล้วนมาจากยอดนิกาย พวกเขาไฉนเลยจะยอมทนมองบิดาฉงคูลงไม้ลงมือกับพวกเซี่ยเหยียน

เป็นไปไม่ได้!

สงครามใหญ่ในวันหน้า พวกเขายังต้องหวังพึ่งยอดนิกายซึ่งอยู่เบื้องหลังพวกเซี่ยเหยียน!

“นี่…หมายความว่าอย่างไร!?”

บิดาฉงคูสอดส่ายสายตาผ่านบรรดายอดฝีมือ ผู้ที่พำนักในอยู่ในพระราชวังนั้นเป็นใครกันแน่ เหตุใดยอดฝีมือเหล่านี้ถึงต้องหยุดยั้งมันเช่นนี้

มันหงุดหงิดใจ ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง จะให้มันละทิ้งโอกาสแก้แค้นให้ลูกชายของมันไปหรือ

ตระกูลโบราณ สำนักโบราณมากมายปานนี้ต่างออกมาสกัดเขา แต่ละกองกำลังมิได้ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์ของมัน ในสถานการณ์เช่นนี้ มันยังสามารถแก้แค้นให้บุตรชายของมันที่ตายไปอยู่หรือ

“ไม่มีความหมายอื่นใด…”

ผู้อาวุโสหูแห่งลัทธิเจี๋ยเทียนมองบิดาฉงคูพลางกล่าว “ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด เจ้าห้ามไปยุ่มย่ามกับผู้ที่พำนักอยู่ภายใน!”

“คนในนั้นฆ่าบุตรชายข้า เจ้ากลับบอกข้าว่าห้ามเข้าไปยุ่มย่ามรึ!”

บิดาฉงคูบันดาลโทสะ เผ่าของมันตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วหรือ!?

บุตรชายแท้ ๆ ของมันสิ้นชีพ มันกลับไม่สามารถแก้แค้น!?

เหล่ายอดฝีมืออย่างผู้อาวุโสหูแห่งลัทธิเจี๋ยเทียนต่างสะท้านใจ พวกเซี่ยเหยียนสังหารน้องชายของฉงคูไปหรือ

มิน่า บิดาของฉงคูถึงบุกมาที่นี่ด้วยจิตสังหารเอ่อล้นท่วมฟ้า!

“ไม่ว่าข้างในนั้นจะเป็นใคร วันนี้ข้าจักแก้แค้นให้บุตรชายที่ตายไปของข้า!”

บิดาฉงคูคำรามกราดเกรี้ยว

ตระกูลโบราณ สำนักโบราณซึ่งอยู่เบื้องหลังยอดฝีมือเหล่านี้ ล้วนไม่ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์ของเขา

หากต้องเป็นปรปักษ์กับยอดฝีมือเหล่านี้จริง ๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมากับเผ่าของมันย่อมเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการออก

ทว่าหากมันไปทั้งอย่างนี้โดยไม่สามารถล้างแค้นให้บุตรชายได้ ชีวิตนี้มันก็ไม่อาจให้อภัยตนเอง และจักดูถูกตนเองไปตลอดกาล!

ขายหน้าเผ่าเขาเกินไปแล้ว!

“อมิตาภพุทธ พวกเรามิใคร่จะทราบต้นสายปลายเหตุและเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทว่าขอราชันศักดิ์สิทธิ์โปรดใจเย็นก่อน คนในนั้นไม่อาจแตะต้องได้จริง ๆ”

พระอาจารย์เกาเซิงกล่าว

“มิใคร่จะทราบรึ มีตรงไหนที่เจ้าไม่ทราบ!”

ต้าเต๋อตะโกน ราวกับกลัวว่าจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวาย เขากล่าวต่อ “พวกเขาต้องรู้สึกว่าเนื้อบุตรชายเจ้าอร่อยแน่ ๆ ถึงได้ลงมือฆ่า ข้าจะบอกเจ้าให้ พวกเขานั้นโปรดปรานการกินเนื้อที่สุด ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งแย่งวัวยักษ์สีดำไปจากข้าด้วย!”

“หุบปาก!”

พระอาจารย์เกาเซิงตวาดเสียงเดือดดาล ถลึงตาใส่ต้าเต๋อ เจ้าเด็กนี่ช่างเป็น…ตัวหายนะจริง ๆ!

บิดาฉงคูโกรธเกรี้ยวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต้าเต๋อเอ่ยเช่นนี้ มิเป็นการราดน้ำมันลงกองเพลิงหรอกหรือ!

ตามคาด หลังจากต้าเต๋อกล่าววาจาเยี่ยงนั้น บิดาฉงคูเดือดดาลยิ่งขึ้น!

“ไสหัวไปเสีย!”

มันส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด พลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงซัดสาดออกมาดั่งเกลียวคลื่น ยอดฝีมืออย่างพวกพระอาจารย์เกาเซิงล้วนกระเด็นออกไปเพราะแรงกระเทือนนี้!

อาวุธขั้นสูงสุด อาวุธขั้นนภาสูงสุด ล้วนใช้การไม่ได้ มันเป็นถึงราชันศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในที่นี้!

บังอาจกินบุตรชายของมันรึ!

จะให้มันทนได้เยี่ยงไร!

จิตสังหารของมันพลุ่งพล่าน พลันร่างทั้งร่างก็บุกตรงเข้าไปยังพระราชวังนั่น

ผู้อาวุโสเก้ากางม่านพลังไว้หน้าพระราชวัง ทว่าม่านพลังนี้ไม่มีประโยชน์อันใด เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดาฉงคู ลำพังคลื่นพลังปราณที่บิดาฉงคูปลดปล่อยออกมาก็เพียงพอต่อการทำลายม่านพลังแล้ว

ฟิ้ว!

ตอนนั้นเอง ศรอาบแสงเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ประกายเจิดจ้าอาบไล้อยู่ทั่วศร เจิดจรัสแยงตา ไม่อาจเบิกเนตรมองตรง ๆ ได้

ศรอาบแสงจู่โจมเข้ามา บิดาฉงคูสีหน้าเปลี่ยนไปในบัดดล มันสัมผัสได้ถึงพลังสุดสยองจากศรอาบแสง แม้แต่ตัวมันเองยังอกสั่นขวัญแขวน!

ซ้ำยังรู้สึกได้ว่า ศรอาบแสงเล่มนี้เล็งมาที่มัน มันไม่เหลือทางหนี จำต้องใช้ไม้แข็งเข้าต้านทาน!

โฮก!

บิดาฉงคูแหงนหน้าคำราม ปลดปล่อยพลังราชันศักดิ์สิทธิ์ออกมาเต็มกำลัง อ้าปากพ่นแสงโลหิต ส่องประกายฟ้าดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน ราวกับนรกบนดินก็ไม่ปาน!

นี่คือการโจมตีรุนแรงที่สุดของมัน พลังทั้งหมดถูกหลอมเข้าไปผสานกับแสงโลหิต แสงโลหิตเยี่ยงนี้เพียงพอให้ปลิดชีพราชันศักดิ์สิทธิ์ตนอื่นได้ในพริบตา

ทว่าเมื่อแสงโลหิตปะทะกับศรอาบแสงที่ทิ่มแทงเข้ามา แสงโลหิตพลันทลายลงในบัดดล และความเร็วของศรอาบแสงก็ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ยังคงพวยพุ่งไปหาบิดาฉงคูด้วยพลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง!

“อะไรกัน!”

หน้าตาบิดาฉงคูเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

การโจมตีอันรุนแรงที่สุดของมัน สามารถปลิดชีพราชันศักดิ์สิทธิ์ตนอื่นได้ง่ายดาย กลับเปราะบางเหลือแสนเมื่ออยู่ต่อหน้าศรอาบแสงเล่มนั้น…

จะให้มันทำใจเชื่อลงได้อย่างไร!?

เสียงดังพรวด ศรอาบแสงแทงเข้าร่างของบิดาฉงคู เลือดสาดกระเซ็นในบัดดล บิดาฉงคูถูกตรึงเข้ากับยอดเขา

เซี่ยเหยียนปรากฏตัว มือถือคันศรราชัน แสงเทวะส่องประกาย ประดุจเทพยดาแห่งศึกสงคราม ดุดันองอาจ!

“นี่มัน…!”

“สวรรค์!”

สิ่งมีชีวิตทุกคนในเขาหยงหมิงต่างมีอาการหนังศีรษะชา พากันมองเซี่ยเหยียนด้วยสายตาเหลือเชื่อ

นี่คืออสูรร้ายราชันศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ มีพลังเหนือราชันศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาไปมาก สุดท้ายกลับต้านเพียงศรเดียวของเซี่ยเหยียนไม่ได้ จะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร!

น่าตกใจเกินไปแล้ว!

“นี่หรือคือฝีมือของยอดนิกาย!?”

ผู้อาวุโสหูแห่งลัทธิเจี๋ยเทียนตาโตอ้าปากค้าง เอ่ยในใจอย่างอกสั่นขวัญผวา

คันศรในมือเซี่ยเหยียนสยดสยองยิ่งกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิเสียอีก ทว่าเซี่ยเหยียนกลับรีดเร้นอานุภาพได้ยิ่งใหญ่ปานนั้น ผิดจากโลกทัศน์ของเขาไปมาก!

ยอดคันศรที่น่ากลัวยิ่งกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิ อย่าว่าแต่ขอบเขตเทวาเลย ต่อให้เป็นเขาหรือนักบุญก็ไม่อาจรีดเร้นได้ไหว!

เซี่ยเหยียนทำได้เยี่ยงไร!?

เขาคิดไม่ตก!

ยอดนิกายน่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว ถึงขั้นทำให้กำลังรบขอบเขตเทวาอย่างเซี่ยเหยียนรีดเร้นยอดคันศรระดับนี้ได้!

ชั่วพริบตานั้น ความเคารพยำเกรงที่เขามีต่อยอดนิกายยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก!

เขาไม่คิดว่าเซี่ยเหยียนทำได้ด้วยตนเอง เขาคิดว่านี่คือพลังที่ยอดนิกายซึ่งอยู่เบื้องหลังเซี่ยเหยียนประทานให้นาง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท